ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 21


[ 15 ก.ย. 2549 ] - [ 18265 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  พระเตมีย์   ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี  ตอนที่ 21
 

    จากตอนที่แล้ว เหล่าพระประยูรญาตินำโดยพระเจ้ากาสิกราชได้รีบเสด็จเข้าไปยังอาศรมของพระเตมียราชฤษีด้วยขบวนทัพอันยิ่งใหญ่ แม้พระราชฤษีก็ได้เสด็จลงมาต้อนรับที่หน้าอาศรม ตรัสถามพระราชบิดาว่า พระองค์ทรงปราศจากพระโรคาพาธ และทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ดีอยู่หรือ
 
    แม้พระเจ้ากาสิกราชก็ทรงตอบว่า “โยมสบายดี ไม่มีโรคาพาธเบียดเบียนแต่อย่างใด” แล้วก็ตรัสถามตอบว่า แล้วลูกละ อยู่ในป่าคนเดียว ต้องลำบากตรากตรำ ลูกดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร

    พระเตมียราชฤษีจึงถวายพระพรว่า แนวป่าที่สงบสงัด  ทำให้อาตมภาพได้ความสงัดกายสงัดใจ ทั้งโรคภัยก็มิได้เบียดเบียน จึงยังคงพอยังชีพให้เป็นไปได้ แล้วก็ได้อัญเชิญพระราชาให้เสด็จขึ้นไปบนอาศรม จากนั้นพระราชฤษีจึงเข้าไปภายในอาศรมนำเอาใบหมากเม่าที่นึ่งสุกแล้วออกมาถวาย แล้วทรงเชื้อเชิญให้พระราชาทรงเสวย

    พระราชาได้ตรัสถามว่า พ่อเตมียะ พ่อบริโภคอาหารอย่างนี้หรือ
 
    พระเตมียราชฤษีจึงตรัสว่า  ใบหมากเม่านี้เป็นอาหารของอาตมา บุคคลอยู่ในที่สงัด มีความสงบใจ แม้จะบริโภคอาหารเช่นไรก็ย่อมมีรสโอชา
 
    ขณะนั้นพระนางเจ้าจันทาเทวีได้เสด็จมาถึง พระราชาก็ทรงหยิบใบหมากเม่าให้พระราชเทวีทอดพระเนตร แล้วตรัสว่านี่แหละคืออาหารของพระโอรสของเธอ

    ครั้นแล้วจึงได้ทรงเชื้อเชิญพระเตมิยราชฤษีให้เสด็จกลับคืนสู่พระนคร เพื่อเสวยราชสมบัติสืบไป โดยทรงมีเหตุผลว่า ลูกก็ยังเป็นหนุ่ม ควรเป็นที่พึ่งแก่อาณาประชาราษฎร์เสียก่อน ทั้งรูปร่างของเจ้าก็งามสง่า หากปรารถนาจะอภิเษกกับเจ้าหญิงองค์ใด พ่อจะหามาให้เจ้าตามที่ใจปรารถนา ครั้นเจริญด้วยโอรสธิดาแล้วจึงค่อยออกบรรพชาในภายหลังเถิด

    พระเตมียราชฤษีจึงถวายพระพรว่า “มหาบพิตร บุคคลผู้จะบวชเพื่อประพฤติพรหมจรรย์ ควรจะบวชตั้งแต่อยู่ในปฐมวัย นักปราชญ์ทั้งหลายมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น ตรัสสรรเสริญการบรรพชาของคนหนุ่ม เพราะเหตุนี้ อาตมภาพจึงบวชประพฤติพรหมจรรย์เสียแต่เวลายังหนุ่ม เพราะเหตุว่า พระราชสมบัติและฐานะกษัตริย์ที่พระองค์ยินดีพระราชทานให้อาตมภาพนั้น เป็นเหตุให้ต้องก่ออกุศลกรรมมากมาย ใช่ว่าอาตมภาพจะไม่เคยครอบครองราชย์สมบัติมาก่อน
 
    แม้ในอดีตชาติที่ผ่านมา อาตมภาพก็เคยเป็นกษัตริย์ ได้ครองราชย์อยู่เพียง 20 ปี แต่ในที่สุดก็ต้องเสวยทุกขเวทนาในนรกยาวนานถึง 8 หมื่นปี อาตมภาพมองเห็นภัยที่ตนเองเคยตกนรกมาแล้วว่าเป็นภัยที่น่ากลัวเหลือเกิน และชีวิตของมนุษย์ก็เป็นของน้อย ในไม่ช้าอาตมภาพและแม้แต่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ต่างก็ต้องบ่ายหน้าไปสู่ความตายด้วยกันทั้งสิ้น  อาตมภาพจึงปรารถนาจะหลุดพ้นจากทุกข์ภัยเหล่านั้น”

    พระเตมิยราชฤษีใคร่จะทรงแสดงธรรมชี้แจงสภาพของสัตว์โลก ให้เป็นที่ประจักษ์แก่พระราชบิดา จึงตรัสว่า 
 
    “ผู้ที่จะบวชประพฤติพรหมจรรย์ควรเป็นคนหนุ่ม   ข้อนี้บัณฑิตทั้งหลายปรารถนายิ่งนัก  พระองค์คงจะเคยพบเห็นสัจธรรมเช่นนี้มาบ้าง เพราะมันเป็นกฎเกณฑ์ของชีวิต คนบางคนตายเมื่ออายุยังน้อย ตายก่อนบิดามารดาเสียอีก บางคนตายเมื่อยังหนุ่ม บางคนตายเมื่อยามแก่เฒ่า ที่จะไม่ตายเลยนั้นยังไม่มีปรากฏให้เห็นเลย
 
ทุกคนล้วนแต่ต้องตายด้วยกันทั้งสิ้น  ไฉนเลยเราจะมัวเพลิดเพลิน มัวเมา ลุ่มหลงอยู่ในโลกนี้เล่า โลกมนุษย์ถูกครอบงำด้วยมัจจุมาร มีพระยามัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่เป็นเจ้าแห่งชีวิต คอยกระชากทำลายชีวิต ให้เวียนเกิดเวียนตายอยู่ในสังสารวัฏอย่างไม่มีวันจบสิ้น ฉะนั้น ใครเล่าจะพึงวางใจในชีวิตได้ ว่าเรายังเป็นหนุ่มเป็นสาวอยู่ ความเป็นหนุ่มสาวก็เป็นเช่นกับอายุของฝูงปลาในแอ่งน้ำที่มีน้ำแห้งขอด เมื่อถูกแสงแดดแผดเผาน้ำนั้นก็พลันแห้งไป จะมามัวเมาเพลิดเพลินอยู่ในชีวิตอันเป็นของนิดหน่อยนี้ทำไมกัน โลกของเราถูกครอบงำอยู่ทุกขณะ ถูกรุมล้อมเป็นนิจ วันและคืนย่อมไม่ล่วงไปเปล่า เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์ยังปรารถนาจะอภิเษกอาตมภาพในราชสมบัติทำไมกันเล่า”

    พระราชาได้ตรัสถามว่า “โลกถูกอะไรครอบงำ ถูกอะไรรุมล้อม วันและคืนย่อมไม่ล่วงไปเปล่าอย่างไร ขอลูกจงบอกให้แจ่มแจ้งด้วยเถิด”
 
    พระเตมียราชฤษีตรัสตอบว่า “โลกถูกความตายครอบงำ ถูกชรารุมล้อมอยู่เป็นนิตย์ วันและคืนไม่เคยผ่านไปเปล่า แต่ได้ผ่านไปพร้อมกับความเสื่อมแห่งผิวพรรณ และกำลังวังชาของคนและสัตว์ มหาบพิตร อุปมาชีวิตนี้เหมือนช่างหูกที่ต้องการจะทอผ้าสักผืนหนึ่ง ทุกขณะที่เขาทอไปข้างหน้า เส้นด้ายที่จะต้องทอต่อไปก็เหลือน้อยลงทุกที แม้ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้น คือเมื่อคืนและวันผันผ่านไปเพียงใด ชีวิตก็สั้นเข้ามาเพียงนั้น ห้วงน้ำที่ไหลไป ไม่อาจย้อนกลับได้ฉันใด อายุของมนุษย์ก็ย่อมผ่านไปโดยไม่มีวันหวนกลับคืนมาฉันนั้น ห้วงน้ำที่ไหลเชี่ยวย่อมพัดพาต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ใกล้ฝั่งให้โค่นล้มลงไปฉันใด สัตว์โลกทั้งหลายก็ย่อมถูกชราและมรณะพัดพาไปฉันนั้น ฉะนั้น ขอพระองค์จงอย่าได้ประมาท มัวเมาในชีวิตอันนิดหน่อยนี้เลย”

    พระราชาได้ทรงสดับธรรมนั้นแล้ว ก็ทรงเบื่อหน่ายในฆราวาสวิสัย และมีพระราชหฤทัยน้อมไปในการบรรพชา ทรงดำริว่า “ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงบัดนี้ เรายังไม่เคยได้ยินได้ฟังคติธรรมจากผู้ใด ที่จะแจ่มแจ้งเท่ากับที่ได้ฟังจากลูกเราในวันนี้เลย ก็บัดนี้ สมควรที่เราผู้เข้าถึงความชราจักบวชเสียในที่นี้ เราจะไม่ขอกลับพระนครอีก แต่สำหรับพระโอรสของเรานั้นเล่า ยังหนุ่มน้อยเยาว์วัยนัก ถึงอย่างไรก็ควรที่จะกลับไปครองราชสมบัติแทนเราเสียก่อน ต่อเมื่อเจริญด้วยบุตรธิดา จึงค่อยบรรพชาในภายหลัง”

    ทรงดำริเช่นนี้แล้ว จึงตรัสเชื้อเชิญพระเตมียราชฤษีอีกว่า “พ่อขอมอบราชสมบัติของตระกูล กับทั้งสนมนารีตลอดถึงราชนิเวศน์ให้แก่เจ้า ขอเจ้าจงกลับไปสืบราชสมบัติมีพระชายา เจริญด้วยบุตรธิดาเสียก่อนเถิด ส่วนพ่อผู้เริ่มชราแล้วควรจะบวชเสียเอง ลูกยังหนุ่มอยู่จะรีบบวชไปทำไม”

    พระเตมียราชฤษีจึงตรัสอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า “มหาบพิตร พระองค์จะทรงเชื้อเชิญอาตมภาพด้วยเพราะทรงเป็นห่วงพระราชทรัพย์อยู่ทำไม เพราะบางคราวทรัพย์สมบัติก็พลัดพรากจากเราไปก่อนก็มี บางทีเราก็พลัดพรากจากทรัพย์นั้นไปก่อนทั้งปราสาทราชมณเฑียร ช้าง ม้า โค กระบือ เรือก สวน ไร่ นา บางคราวสิ่งเหล่านี้ก็จากเราไปก่อน บางทีเราก็จากสมบัติเหล่านั้นไปก่อน มหาบพิตรจะเชื้อเชิญอาตมภาพเพราะเหตุแห่งทรัพย์สมบัติเหล่านี้ทำไม 
 
    ถ้าอาตมภาพจะกลับไปครองราชย์สมบัติ มีพระชายาตามราชประเพณี เมื่ออาตมภาพยังมีชีวิตอยู่ พระชายาอาจจะสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อนก็มี หรือเมื่อพระชายายังมีชีวิตอยู่ อาตมภาพอาจจะสิ้นชีวีไปเสียก่อนก็เป็นได้ มหาบพิตรจะทำให้อาตมภาพต้องเสื่อมจากประโยชน์ เพราะประสงค์จะให้มีภรรยาไปทำไม 
 
    จะมีประโยชน์อะไรกับความเป็นหนุ่มเป็นสาว ที่จะต้องแก่ชราไปทุกคืนวัน บุคคลจะมัวหลงเพลิดเพลินระเริงเล่นยินดีกับโลกียวิสัยไปทำไม จะประโยชน์อะไรกับการมีบุตรและธิดาซึ่งวันหนึ่งก็ต้องพลัดพรากจากกันในที่สุด อาตมภาพพ้นแล้วจากพันธะซึ่งเป็นภาระผูกพัน ย่อมทราบดีว่า เรามีความแก่ชราเป็นธรรมดา และมีความตายรอคอยอยู่เบื้องหน้า ในขณะที่พญามัจจุราชจ้องจะฆ่าอาตมภาพอยู่เป็นนิตย์เช่นนี้ ความเพลิดเพลินในทางโลกีย์จะมีประโยชน์อะไร ธรรมดาสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาแล้วในโลกนี้ ล้วนแต่จะต้องตาย เปรียบเสมือนผลไม้ที่แก่แล้วก็จะต้องหล่น คนโดยมากเห็นกันในเวลาเช้า แต่พอถึงเวลาเย็นตายจากกันก็มี บางทีเห็นกันในเวลาเย็น แต่ถึงเวลาเช้าต้องมาตายจาก

    สำหรับอาตมภาพผู้พ้นจากเครื่องผูกคือทรัพย์สมบัติแล้ว ย่อมไม่ปรารถนากลับไปสู่เครื่องผูกนั้นอีก ขอพระองค์จงทรงออกผนวช แล้วประพฤติพรหมจรรย์แสวงหาธรรมเถิด และขอพระองค์อย่าทรงดำริว่าอาตมภาพจะต้องการราชสมบัติอีกเลย เมื่อพระเตมียราชฤษี ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ตรัสหนักแน่นชัดเจนเช่นนี้ พระเจ้ากาสิกราชจะมีพระราชดำรัสอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
โดย : หลวงพ่อธัมมชโย  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 22ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 22

ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก  ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี  ตอนที่ 2ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 2

ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก  ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี  ตอนที่ 3ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 3



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก