ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 151


[ 13 ก.พ. 2552 ] - [ 18267 ] LINE it!

" />
ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 151
 

    จากตอนที่แล้ว เมื่อเกวัฏพราหมณ์กลับไปยังปัญจาลนครแล้ว มโหสถบัณฑิตก็รีบเข้าเฝ้าพระราชาทันที พระเจ้าวิเทหราชจึงรับสั่งถามว่า “พ่อบัณฑิต พวกเราต่างมีมติเป็นอันเดียวกันว่า ควรไปปัญจาลนครเพื่อรับเอาพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนีมาที่นี่ ส่วนเธอล่ะมีความเห็นอย่างไร”
 
    มโหสถได้ฟังพระราชดำรัสแล้ว จึงกราบทูลทักท้วงอย่างหนักแน่นว่า “ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์ทรงทราบดีมิใช่หรือว่า พระเจ้าจุลนีทรงมุ่งหมายที่จะปลงพระชนม์ชีพของฝ่าพระบาทให้จงได้ เมื่อเป็นดังนี้ ฝ่าพระบาทยังจะเสด็จไปอีกหรือ พระพุทธเจ้าข้า”
 
    จึงแสดงอุปมาว่า “เรื่องเนื้อโง่ เมื่อได้ฟังเสียงของนางเนื้อต่อ ก็รี่เข้าหาด้วยอำนาจแห่งราคะ นายพรานครั้นได้ช่อง ก็ใช้หอกแทงเนื้อนั้นตายอย่างน่าอนาถ”
 
    และได้ยกข้ออุปมาต่อไปอีกว่า “ปลากระหายเหยื่อ แม้จะอยู่ในน้ำลึกตั้งร้อยวา แต่ก็ยังขึ้นมาติดเบ็ดได้ มันอาศัยความอยากโดยแท้ ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์ก็ฉันนั้น ทรงปรารถนาพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนี มิได้ทรงเฉลียวใจเลยว่า นั่นเป็นเพียงเหยื่อล่อที่ห่อเบ็ดไว้ ขอได้ทรงเลิกล้มความคิดนั้นเสียเถิด พระพุทธเจ้าข้า”
 
    คำกราบบังคมทูลของมโหสถบัณฑิต แม้นเกิดจากเจตนาดีที่หวังประโยชน์อย่างแท้จริง แต่ในยามนี้กลับเป็นสิ่งที่ไร้ผล  พระเจ้าวิเทหราชทรงยิ่งพิโรธมโหสถ ด้วยทรงดำริว่า “มโหสถช่างดูหมิ่นเราเหลือเกิน เปรียบเราเป็นเนื้อโง่บ้าง เป็นปลาติดเบ็ดบ้าง กล้าข่มขี่เราเหมือนข่มขู่ทาสในเรือนตน มิได้สำคัญมั่นหมายว่าเราเป็นพระราชาเสียเลย” พระองค์ทรงไล่มโหสถด้วยพระสุรเสียงเฉียบขาดว่า “ราชบุรุษ...จงขับไล่มโหสถออกไปจากแคว้นของเราเดี๋ยวนี้”
 
    มโหสถบัณฑิตเมื่อรู้ว่า พระราชาทรงกริ้วตน จึงถวายบังคมพระราชา ลุกจากที่นั่ง แล้วกลับไปสู่เรือนของตน
" />เมื่อกลับสู่เรือนแล้ว มโหสถรำพึงในใจด้วยความสลดหดหู่ใจว่า “พระราชาของเราทรงเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ พระองค์มิได้ทรงตระหนักเลยหรือว่า สิ่งใดเป็นคุณ สิ่งใดเป็นโทษ สิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดมิใช่ประโยชน์ต่อพระองค์
 
    พระองค์ทรงหมกมุ่น ไปในอารมณ์ตามพระหทัยปรารถนา มุ่งหวังแต่เพียงว่า จะต้องได้พระราชธิดาของพระเจ้าจุลนีเท่านั้น จึงทรงมองไม่เห็นภัยที่กำลังจะมาถึง
" />หากว่าพระองค์ยังทรงยืนยันที่จะเสด็จไปให้ได้ พระองค์ก็จะต้องประสบความพินาศอย่างใหญ่หลวงทีเดียว”
 
    ด้วยวิสัยแห่งบัณฑิต ผู้มีความกตัญญูกตเวที เป็นคุณธรรมประจำใจ มโหสถจึงเตือนใจตนเองว่า “แม้ว่าพระองค์จะทรงกริ้วเราก็ตาม จะทรงขับไล่เราก็ตาม เราก็ไม่ควรเสียเวลาเก็บเอาถ้อยคำเหล่านั้นมาไว้ในใจ เพราะคำบริภาษของพระองค์ผู้ไม่รู้ จะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้
แม้ว่าที่ผ่านมาพระองค์จะทรงมีข้อที่ควรตำหนิอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆนั้น ก็เหมือนธุลีเมื่อเทียบกับขุนเขา
อย่างไรเสียก็ไม่อาจลบล้างพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ได้ น้ำพระทัยของพระองค์เป็นสิ่งประเสริฐสูงสุด
ดังนั้น ไม่ว่าพระองค์ทรงปรารถนาสิ่งใด ก็ควรเป็นหน้าที่ของเราที่จะคอยสนองพระราชประสงค์ให้สำเร็จด้วยดี”
 
    นี้เป็นคุณธรรมของบัณฑิตอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ตาม ก็ไม่ได้คิดที่จะเอาตนรอดเพียงลำพัง จะพยายามคิดหาวิธีช่วยเหลือและแก้ไขในเหตุการณ์นั้นๆให้ดีที่สุด ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสรรเสริญบุคคล 2ประเภทที่หาได้ยากในโลก คือ
 
    ประเภทแรก เรียกว่า บุพการี หมายถึง ผู้กระทำอุปการะก่อน เป็นการกระทำความดีหรือกระทำคุณประโยชน์ให้แต่ต้น โดยไม่คำนึงถึงผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น
 
    ส่วนประเภทที่สอง เรียกว่า กตัญญูกตเวที หมายถึง ผู้รู้อุปการะที่เขาทำให้แล้วและหาวิธีการตอบแทน เป็นผู้ที่รู้จักคุณค่าแห่งการกระทำความดีของผู้อื่น และได้แสดงออกด้วยวิธีต่างๆ เพื่อที่จะบูชาความดีนั้นๆ
 
    เหมือนดังเช่น มโหสถบัณฑิตที่มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระเจ้าวิเทหราชทรงมีพระอุปการะเป็นล้นพ้น ทรงชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆ และได้พระราชทานยศศักดิ์อัครฐานมโหฬาร ในใจของมโหสถบัณฑิตนั้น คิดที่จะประกาศความจงรักภักดีอยู่ตลอดเวลา ไม่มีวันที่จะลบหลู่พระคุณของท่านผู้มีอุปการะคุณแก่ตน
 
    เมื่อมโหสถคิดดังนี้แล้ว จึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือพระเจ้าวิเทหราช พร้อมกันนั้นก็คิดจะสืบดูให้รู้แน่ว่า ข้อเสนอของพระเจ้าจุลนีในครั้งนี้ แท้ที่จริงแล้วพระองค์ทรงมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร เพราะหากได้ความจริงตั้งแต่ต้น ตนก็จะได้เตรียมการป้องกันได้ทันท่วงที
 
    ขณะนั้น มโหสถนึกย้อน
" /> " />
ถึงข้อความที่สหายผู้สืบราชการลับ ได้เคยส่งข่าวมาบอกว่า มีอยู่วันหนึ่งที่พระเจ้าจุลนีและพราหมณ์เกวัฎ ได้เคยปรึกษาข้อราชการกันถึงห้องบรรทมเพียงลำพังสองคน
ซึ่งยากที่จะรู้ว่าปรึกษาเรื่องอะไรกัน มีแต่นางนกสาลิกาซึ่งเลี้ยงไว้ในห้องพระบรรทมเท่านั้นที่รู้
 
    ครั้นแล้ว มโหสถก็คิดหาอุบายได้อย่างหนึ่ง จึงได้เรียกสุวโปดกมา เพื่อมอบหมายภารกิจครั้งสำคัญ “มาถูระ เจ้าผู้มีปีกเขียวขจี มานี่เถิดลูกรัก”
 
    เจ้าสุวโปดกได้ยินเสียงร้องเรียกของมโหสถ ก็ดีอกดีใจ รีบบินร่อนออกจากกรงทอง ลงมาเกาะอยู่ที่คอน พลางส่งเสียงร้องทักทายด้วยภาษามนุษย์ว่า “นายของบ่าว นายผู้เป็นที่รักยิ่งของบ่าว มีสิ่งใดให้บ่าวรับใช้หรือขอรับ”
 
“มาถูระลูกรัก” มโหสถพูดพลางลูบหลังสุวโปดกด้วยความเอ็นดู
“บัดนี้พ่อมีกิจอย่างหนึ่งจะมอบหมายให้เจ้าทำ”
“โปรดบอกมาเถิดเจ้าข้า กิจใดที่นายของบ่าวประสงค์ บ่าวจะพยายามทำจนสุดความสามารถทีเดียว” สุวโปดกเจรจาอย่างช่ำชอง
“เจ้ายังจำเกวัฏปุโรหิตของพระเจ้าจุลนีได้ไหม” มโหสถถาม
“อ๋อ เกวัฏพราหมณชั่วนั่นน่ะหรือ” สุวโปดกเอ่ย
“บ่าวเคยขี้ใส่ปากมาแล้วคราวหนึ่ง ทำไมจะจำไม่ได้”
 
    “เมื่อวันก่อน เกวัฏมาถึงนี่ เพื่อทูลเชิญเจ้าเหนือหัวของเราไปอภิเษกกับพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนี เพราะเหตุนี้...พ่อจึงอยากจะให้เจ้าไปสืบดูว่า นั่นเป็นแผนการร้ายของพระเจ้าจุลนี หรือว่าพระองค์ทรงปรารถนาจะผูกสัมพันธไมตรีกับเจ้าเหนือหัวของเราจริงๆ”
 
    สุวโปดกรับคำสั่งว่า “เรื่องเพียงเท่านี้เอง ได้สินาย” แต่ว่างานนี้ไม่ง่ายอย่างที่สุวโปดกคิด เพราะว่าเป็นเรื่องของการทำความสนิทสนมอย่างใกล้ชิดกับนางนกสาลิกาที่ฉลาดมาก โดยได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพระเจ้าจุลนี ส่วนว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 152ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 152

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 153ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 153

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 154ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 154



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก