ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 157


[ 21 มี.ค. 2552 ] - [ 18258 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 157
 
 
    จากตอนที่แล้ว สุวโปดกจึงเล่าต่อไปว่า “พวกกินนรจึงได้ขอร้องให้นางกินนรี ชื่อว่า รัตนาวดี ซึ่งยังไม่มีสามี ให้ไปช่วยอ้อนวอนขอความเห็นใจจากพระฤาษี ฝ่ายพระฤาษีเมื่อได้เห็นกินรีรัตนาวดีเท่านั้น ก็ตกหลุมรักนางในทันที จึงรีบไปสู่ปากประตูถ้ำ แล้วใช้ค้อนตีแมงมุมยักษ์นั้นจนตาย จากนั้นก็รับเอานางกินรีนั้นมาเป็นภรรยา ทั้งสองได้อยู่ร่วมกันจนมีบุตรธิดา ณ ที่นั้นเอง”
 
    พอเล่าจบ สุวโปดกก็สรุปว่า “น้องสาลิกาจ๋า เห็นไหมจ๊ะ มนุษย์ผู้ทรงศีลก็ยังอยู่ร่วมกับกินรีผู้เป็นดิรัจฉานได้ จะกล่าวไปไยถึงเราทั้งสองซึ่งเป็นดิรัจฉานด้วยกัน จะอยู่ร่วมกันไม่ได้เชียวหรือ”
 
    สาลิกาได้ฟังเรื่องเล่านั้นแล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่เจ้าขา น้องกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพี่น่ะ จะมาหว่านล้อมให้น้องตายใจ พอสมใจพี่แล้วก็ทิ้งไป ปล่อยให้น้องต้องเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย หากว่าความรักของพี่เริ่มต้นด้วยการเคียงคู่กัน แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยการเลิกร้าง น้องก็จะไม่ขอรับรักพี่เสียดีกว่า จะได้ไม่ทุกข์ใจในภายหลัง จริงไหมจ้ะ”
 
    สุวโปดกจึงแกล้งพูดขึ้นเหมือนไม่สบอารมณ์ว่า “เอาเถอะน้องสาลิกา หากเจ้าไม่ไว้ใจพี่ และเห็นว่าพี่ไม่คู่ควรกับน้อง พี่ก็จะขอลากลับล่ะ พี่ก็จะแสวงหานางสาลิกาอื่นมาเป็นภรรยา”
 
    นางนกสาลิกา ครั้นเห็นสุวโปดกพูดจาขึงขัง ทำท่าจะไปจริงๆ นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่จ๋า พี่จะรีบร้อนไปไย ขอจงฟังคำของน้องก่อนเถิด การเลือกคู่ครองเป็นเรื่องสำคัญ จำต้องคิด ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนจึงจะควร พี่จงอยู่ที่นี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งด่วนจากน้องสาลิกาไปเลย” และแล้วในเย็นวันนั้นเอง ทั้งสองต่างก็ได้ร่วมสมัครสมานกันฉันสามีภรรยา ต่างชื่นชมกันและกัน รักใคร่เอาอกเอาใจกันด้วยความรักที่หวานฉ่ำ
 
    แผนการทั้งหมดของสุวโปดก สามารถสร้างความสนิทสนมคุ้นเคยกับนางนกสาลิกาอย่างใกล้ชิด แล้วหลอกให้นางนกสาลิกานั้นหลงใหลจนตายใจนั้น ได้สำเร็จลุล่วงเป็นอย่างดี
 
    สุวโปดกเห็นว่านางนกสาลิกาไว้เนื้อเชื่อใจตนแล้ว จึงได้ดำเนินแผนการขั้นต่อไป
 
“น้องสาลิกายอดรัก” สุวโปดกเรียกนางด้วยคำหวาน
“มีอะไรหรือจ้ะพี่” สาลิกาตอบรับเสียงหวานเช่นกัน
“พี่มีอะไรจะถามน้องสักหน่อย” สุวโปดกเริ่มล่อหลอกด้วยคำถาม
“ถามเถิด น้องสาลิกาอยากฟัง” สาลิกาตอบด้วยความอยากรู้ และก็อยากจะเอาอกเอาใจสุวโปดกเป็นอย่างยิ่ง
 
    สุวโปดกแสร้งทำเป็นนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ครั้นแล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า “อืม...ช่างเถอะ วันนี้พี่ยังไม่ถามดีกว่า เพราะเป็นวันมงคลของเรา เอาไว้ถามวันหน้าก็แล้วกัน”
 
    การที่สุวโปดกมิได้ถามนางอย่างเปิดเผยแต่แรก แต่ค่อยๆแย้มพรายออกทีละน้อยๆ ก็เพราะต้องการจะยั่วอารมณ์ให้นางเกิดความอยากรู้อยากเห็น นางนกสาลิกาได้ฟังดังนั้น ก็ตกหลุมพรางของสุวโปดกทันที นางอึดอัดใจใคร่อยากจะฟังคำถามของสุวโปดก จึงกล่าวว่า “พี่จ๋า ถ้าเรื่องที่พี่ถามเป็นเรื่องมงคล ก็จงถามมาโดยเร็วเถิด แต่ถ้าไม่เป็นมงคล พี่ก็อย่าเพิ่งถามเลยจ้ะ”
 
    สุวโปดกจึงตอบนางอย่างซื่อๆว่า “ยอดรักของพี่ เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องมงคลแน่นอนจ้ะ และถ้าน้องต้องการจะฟัง พี่ก็จะพูดเดี๋ยวนี้ล่ะ” สุวโปดกกล่าวนำเช่นนี้ เหมือนจะบอกนางว่า สิ่งที่ตนพูดนี้เป็นความประสงค์ของนางสาลิกาที่ต้องการให้ตนเล่าให้นางฟังเอง...
 
“น้องสาลิกาจ๋า พี่ได้ยินชาวเมืองเขาลือกระฉ่อนกันไปทั่วทั้งเมืองว่า พระนางปัญจาลจันทีราชธิดาของพระเจ้าจุลนี ทรงมีพระสิริโฉมงดงามนักหนา พระเจ้าจุลนีจักทรงพระราชทานพระราชธิดาองค์นี้ ให้แก่พระเจ้าวิเทหราชแห่งมิถิลานคร และบัดนี้ก็เตรียมการกำหนดวันอภิเษกกันอยู่แล้ว พี่สงสัยเหลือเกินว่า ข่าวนี้จะเป็นความจริงหรือ เพราะพระเจ้าจุลนีทรงเคยยกทัพไปตีมิถิลานครมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่จู่ๆพระองค์กลับทรงเปลี่ยนพระทัย ยกพระราชธิดาให้ศัตรูเสียง่ายๆ ฟังดูก็ชวนสงสัยอยู่นะ”
 
    สาลิกาฟังคำของสุวโปดกแล้ว ก็ไม่สบายใจ รีบห้ามผู้เป็นสามีทันทีว่า “เรื่องอัปมงคลเช่นนี้ ทำไมพี่จึงมากล่าวในวันมงคลของเราเล่า พี่สัญญากับน้องแล้วมิใช่หรือว่า จะกล่าวเฉพาะเรื่องที่เป็นมงคลเท่านั้น”
 
    สุวโปดกจึงท้วงกลับว่า “อย่างไรกันที่รัก พี่พูดถึงเรื่องมงคลนี่จ๊ะ แต่ทำไมน้องสาลิกาถึงว่าเป็นเรื่องอัปมงคลไปเสียล่ะ”
 
    สาลิการีบแก้ว่า “พี่จ๋า เรื่องนี้ตามข่าวก็ดูเป็นมงคลอยู่หรอก แต่ภายหลังจะกลายเป็นอัปมงคลไป ความเป็นไประหว่างศัตรูคู่แค้น ไม่ควรจะเรียกว่าเป็นข่าวมงคลหรอกนะ”
 
    สุวโปดกยิ่งฟัง ก็ยิ่งข้องใจหนักขึ้น จึงได้ขอร้องให้นางเล่าให้กระจ่าง “ที่ว่ามงคลจะกลายเป็นอัปมงคลน่ะ มันเป็นอย่างไรหรือจ๊ะ พี่ฟังแล้วก็ยังไม่เข้าใจ”
 
    นางนกสาลิกาแม้นจะรู้ว่า เว้นแต่พระเจ้าจุลนีและพราหมณ์เกวัฏแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีเท่าตนอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะสำนึกว่าตนเป็นข้าหลวงที่พระเจ้าจุลนีทรงเมตตาชุบเลี้ยงมา นางจึงจำใจต้องปฏิเสธคำร้องขอของผู้เป็นสามี “พี่จ๋า น้องบอกไม่ได้ดอก บอกไม่ได้จริงๆ”
 
    สุวโปดกจึงแกล้งตัดพ้อนางว่า “โธ่เอ๋ย นี่น้องไม่ไว้ใจพี่เลยหรือ มันเป็นความลับสำคัญเชียวหรือ ไยน้องจึงบอกพี่ไม่ได้ น้องปิดบังเรื่องเพียงเท่านี้ช่างน่าแคลงใจนัก เห็นทีว่าน้องคงไม่ได้รักพี่จริงๆกระมัง”
 
    สาลิกาถูกตัดพ้ออย่างรุนแรงเช่นนี้ ก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ รีบกล่าวว่า “พี่เจ้าขา อย่าคาดคั้นน้องเลย ในโลกนี้ไม่มีใครจะมาแทนที่พี่สุวโปดกของน้องได้อีกแล้ว พี่เป็นทั้งชีวิตจิตใจของน้อง และไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน เว้นเสียแต่จะตายจากกันไปเท่านั้น”
 
    สุวโปดกรู้ว่า ถึงอย่างไรนางก็จะไม่ยอมบอกตนง่ายๆ จึงได้ใช้ไม้ตายสุดท้ายเพื่อให้นางยอมจำนน “เอาเถอะ พี่เชื่อที่น้องพูด แต่จะพิสูจน์ด้วยการกระทำของน้อง น้องก็รู้นี่ว่า ธรรมดาคู่รักกัน ไม่ควรมีความลับต่อกัน ต่างฝ่ายจึงจะมั่นใจได้ว่า ผู้ที่ตนรักมีความซื่อสัตย์ต่อกันจริง แต่ในเมื่อน้องไม่ยอมบอกความลับแก่พี่ การเป็นสามีภรรยาของเราจะมีความหมายอะไร”
 
    เมื่อนางนกสาลิกา ถูกความรักเข้ามาบดบังดวงปัญญาจนมืดสนิทแล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับคำพูดที่ว่า ความรักนั้นทำให้คนตาบอด สามารถทำในสิ่งที่ผิด สิ่งที่ชั่ว สิ่งที่ไม่ควรได้ จะมีหรือที่นางนกสาลิกาจะไม่ยอมบอกความลับนั้น และเมื่อนางนกสาลิกได้บอกความลับแก่สุวโปดกแล้ว ชีวิตคู่ของนางจะราบรื่นอย่างที่นางคิดไว้หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 158ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 158

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 159ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 159

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 160ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 160



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก