ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 158


[ 2 เม.ย. 2552 ] - [ 18259 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 158
 
 
    จากตอนที่แล้ว สุวโปดกเห็นว่านางนกสาลิกาไว้เนื้อเชื่อใจตนแล้ว จึงได้ดำเนินแผนการขั้นต่อไป คือ การหลอกถามความลับจากนางว่า “น้องสาลิกาจ๋า พี่ได้ยินมาว่า พระเจ้าจุลนีจักทรงพระราชทานพระราชธิดาปัญจาลจันที ให้แก่พระเจ้าวิเทหราชแห่งมิถิลานคร พี่สงสัยเหลือเกินว่า ข่าวนี้จะเป็นความจริงหรือ เพราะพระเจ้าจุลนีทรงเคยยกทัพไปตีมิถิลานครมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่จู่ๆพระองค์กลับทรงเปลี่ยนพระทัย ยกพระราชธิดาให้ศัตรูเสียง่ายๆ ฟังดูก็ชวนสงสัยอยู่นะ”

    นางนกสาลิกาแม้นจะรู้ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่กล้าพูด เพราะสำนึกว่าตนเป็นข้าหลวงที่พระเจ้าจุลนีทรงเมตตาชุบเลี้ยงมา นางจึงจำใจต้องปฏิเสธคำร้องขอของผู้เป็นสามี “พี่จ๋า น้องบอกไม่ได้ดอก บอกไม่ได้จริงๆ”
 
    สุวโปดกจึงแกล้งตัดพ้อนางว่า “โธ่เอ๋ย นี่น้องไม่ไว้ใจพี่เลยหรือ เห็นทีว่าน้องคงไม่ได้รักพี่จริงๆกระมัง”

    นางนกสาลิกาถูกตัดพ้ออย่างรุนแรงเช่นนี้ ก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ รีบกล่าวว่า “พี่เจ้าขา อย่าคาดคั้นน้องเลย ในโลกนี้ไม่มีใครจะมาแทนที่พี่สุวโปดกของน้องได้อีกแล้ว พี่เป็นทั้งชีวิตจิตใจของน้อง และไม่มีวันที่เราจะพรากจากกัน เว้นเสียแต่จะตายจากกันไปเท่านั้น”

    สุวโปดกรู้ว่า ถึงอย่างไรนางก็จะไม่ยอมบอกตนง่ายๆ จึงได้ใช้ไม้ตายสุดท้ายเพื่อให้นางยอมจำนน “เอาเถอะ พี่เชื่อที่น้องพูด แต่จะพิสูจน์ด้วยการกระทำของน้อง น้องก็รู้นี่ว่า ธรรมดาคู่รักกัน ไม่ควรมีความลับต่อกัน ต่างฝ่ายจึงจะมั่นใจได้ว่า ผู้ที่ตนรักมีความซื่อสัตย์ต่อกันจริง แต่ในเมื่อน้องไม่ยอมบอกความลับแก่พี่ การเป็นสามีภรรยาของเราจะมีความหมายอะไร”

    นางนกสาลิกาทนคำเว้าวอนของสุวโปดกไม่ไหว ในที่สุดนางจึงจำใจต้องเล่าความจริงให้ฟังว่า “การที่พระเจ้าจุลนีทรงยกพระราชธิดาให้ครั้งนี้ แท้ที่จริง เป็นเพียงอุบายลวงให้พระเจ้าวิเทหราชและมโหสถบัณฑิตเดินทางมาสู่ปัญจาลนครนั่นเอง แต่ครั้นมาถึงแล้ว พระเจ้าจุลนีก็จะจับทั้งสองคนฆ่าเสียให้หายแค้น เพราะพระเจ้าวิเทหราชเป็นศัตรูคู่แค้นคนสำคัญของพระองค์ ถ้าพระเจ้าวิเทหราชตกหลุมพรางเสด็จมาจริงๆ พระองค์ก็จะไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของพระนางปัญจาลจันทีเสียด้วยซ้ำ”

    “น้องคงได้ยินคนในวังเขาเล่าลือกันมาอย่างนั้นสินะ” สุวโปดกซักให้แน่ใจ

    นางนกสาลิการีบปฏิเสธทันควัน “หามิได้เลย น้องไม่ได้เอาขี้ปากใครมาพูด เรื่องนี้น่ะเป็นความลับระหว่างพระเจ้าจุลนีกับเกวัฏปุโรหิต ทั้งสองได้มาปรึกษากันที่ห้องบรรทมนี้ และน้องก็ได้ยินเต็มสองหูทีเดียว”

    สุวโปดกได้ฟังดังนั้น จึงแกล้งพูดชมเกวัฏว่า “แหม...อาจารย์เกวัฏนี่ช่างฉลาดเสียจริง คิดอุบายได้ลึกซึ้งเหลือเกิน สมแล้วที่เป็นถึงปุโรหิตของพระเจ้าจุลนี”
 
    “นี่ถ้าพี่รู้ว่า เป็นเรื่องอัปมงคลอย่างที่น้องท้วงติงมาตั้งแต่แรก พี่ก็คงจะไม่เสียเวลาพูดเรื่องนี้ เพราะวันนี้เป็นวันมงคลของเรา เอาเถอะน้องสาลิกาที่รัก เงียบเถอะจ้ะ ถึงเวลานอนแล้วนะจ๊ะ”

    เมื่อสุวโปดกล้วงความลับจากนางสำเร็จแล้ว จึงได้ชวนนางเข้านอนทันที  ปล่อยให้ราตรีกาลของคืนนั้นผ่านไปด้วยความสุขเยี่ยงคู่รักที่เพิ่งครองคู่กันใหม่ๆ

    ครั้นรุ่งเช้า สุวโปดกก็กล่าวกับนางว่า “น้องสาลิกาจ๋า วันนี้พี่จำใจต้องลาน้องกลับไปเมืองสีวี เพื่อกราบทูลเจ้าเหนือหัวของพี่ให้ทรงทราบว่า บัดนี้พี่ได้ภรรยาที่ถูกใจแล้ว และขอให้พระองค์เตรียมกำหนดวันที่จะมารับน้องไปอยู่ด้วยกัน”

    สาลิกาฟังแล้วใจหาย ไม่ปรารถนาเลยที่จะไกลห่างจากสุวโปดกแม้ชั่วคืนเดียวก็ตาม นางนิ่งซึมด้วยความอาลัยรักผู้เป็นสามี แล้วน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้าทั้งสอง

    สุวโปดกจึงปลอบนางว่า “น้องสาลิกาจ๋า อย่าเศร้าใจไปเลยนะ พี่ไปเพียงแค่ ๗วันเท่านั้นล่ะ แล้วก็จะกลับมาพร้อมด้วยเจ้าเหนือหัวของพี่ จะมารับน้องสาลิกาของพี่ไปเมืองสีวี ด้วยขบวนเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่อลังการทีเดียวนะจ๊ะ น้องอย่าได้ทุกข์ร้อนไปเลย คอยพี่อยู่ที่นี่นะจ๊ะ”
 
    สาลิกาได้ฟังเช่นนั้น ก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังหวั่นใจอยู่ว่า สุวโปดกจากนางไปแล้วก็จะไม่กลับมาอีก ใจจริงนางไม่ปรารถนาจะให้เขาไปเลย แต่ในเมื่อห้ามไม่ได้ นางจึงได้แต่กล้ำกลืนความระทม แล้วฝืนใจพูดว่า “น้องรักพี่เหลือเกิน ไม่ปรารถนาจะพลัดพรากจากกันไปเลย แต่หากว่านั่นเป็นพระบรมราชโองการของพระเจ้าสีวี พี่ก็ไปเถิดจ้ะ แต่ขอพี่จงรับรู้ไว้ด้วยว่า น้องอนุญาตให้พี่ไปได้เพียง 7วันเท่านั้น หากแม้นเกินกำหนด 7ราตรี แล้วพี่ยังไม่กลับมาถึงที่นี่ น้องก็จะขอลาตาย”

    สุวโปดกรีบขัดขึ้นว่า “น้องพูดอะไรอย่างนั้นล่ะจ๊ะ หากพี่กลับมาแล้วไม่พบน้องสาลิกา เห็นทีชีวิตของพี่ก็คงสูญสิ้น ต้องตรอมใจตามเจ้าไปอย่างแน่นอน”

    คำปลอบประโลมที่หวานซึ้งของสุวโปดก เป็นเพียงลมปากที่หลอกให้นางตายใจเท่านั้นเอง แต่ใจจริงกลับคิดว่า “เธอจะเป็นหรือตายอย่างไรก็ช่างเถิด หน้าที่ของฉันสำคัญกว่าสิ่งใดๆทั้งหมด”

    เมื่อสุวโปดกได้ร่ำลานางนกสาลิกาแล้ว จึงบินออกจากกรงทอง แล้วมุ่งหน้าไปทางแคว้นสีวี แต่ครั้นบินไปได้สักพักหนึ่ง ก็หวนกลับมาอีก โผเข้าไปใกล้นางเพื่อให้รู้ว่าตนห่วงแสนห่วงนางเพียงใด
 
    “สาลิกายอดรัก ขอให้พี่ได้เห็นหน้าน้องเป็นครั้งสุดท้ายเถิดนะ เพราะกว่าพี่จะกลับมาก็อีกหลายวัน โอ...ที่รัก เวลาหนึ่งคืนที่เราอยู่ร่วมกัน ดูช่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน แต่ถึงคราวห่างกันเพียงแค่ข้ามคืน ทำไมมันถึงเนิ่นนานยิ่งนัก แล้วนี่พี่จะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนหากไม่ได้เห็นหน้าน้อง”

    สุวโปดกกล่าวกับนางเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ค่อยๆบินออกไปอย่างช้าๆ ทำท่าทางเหมือนอาลัยอาวรณ์นางอย่างที่สุด เมื่อพ้นสายตานางนกสาลิกาแล้ว ก็รีบเปลี่ยนเส้นทางกลับสู่มิถิลานครทันที

    การจากลาในครั้งนี้ของสุวโปดก เห็นทีว่าคงเป็นการจากไปแบบถาวร โดยไม่คิดที่จะหวนกลับมาอีก นางนกสาลิกาจะได้เห็นหน้าสุวโปดกผู้เป็นสามีอันเป็นที่รักที่ไว้วางใจ เป็นครั้งสุดท้าย

    ดังนั้น ก่อนที่เราจะตกหลุมรักใครสักคน เราควรตกหลุมรักตัวเองเสียก่อน ด้วยการทำใจให้หยุดให้นิ่ง เข้าถึงพระธรรมกายภายในให้ได้ เพื่อจะไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง
 
    ส่วนว่า เมื่อความลับทั้งหมด ได้ถูกเปิดเผยเรียบร้อยแล้ว สุวโปดกจะนำเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปบอกแก่มโหสถบัณฑิต เพื่อที่จะให้มโหสถบัณฑิตหาวิธีการรับมือกับอุบายลวงของพระเจ้าจุลนี และพราหมณ์เกวัฏได้อย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 159ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 159

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 160ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 160

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 161ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 161



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก