ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 169


[ 19 มิ.ย. 2552 ] - [ 18268 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 169
 
 
 
    จากตอนที่แล้ว พระเจ้าวิเทหราชเมื่อทรงสดับคำทูลเชิญของมโหสถ จึงเสด็จพระดำเนินออกจากมิถิลานคร พร้อมเหล่าข้าราชบริพารตามเสด็จอีกมากมาย เมื่อพระเจ้าวิเทหราชเสด็จไปถึงฝั่งแม่น้ำคงคาแล้ว มโหสถก็นำเสด็จท้าวเธอและคณะเข้าสู่พระนครที่สร้างถวาย

    ครั้นถึงเวลาเย็น พระเจ้าวิเทหราชจึงส่งราชทูตนำพระราชสาสน์ไปถวายพระเจ้าจุลนีว่า “บัดนี้หม่อมฉันมาถึงปัญจาลนครแล้ว ขอพระองค์โปรดทรงพระราชทานพระราชธิดาให้แก่หม่อมฉัน เพื่อความเป็นสิริมงคลแด่หม่อมฉันสืบไป” 
 
    ฝ่ายพระเจ้าจุลนี เมื่อทราบความในพระราชสาสน์แล้ว ก็ทรงมีพระหทัยโสมนัสเปรมปรีดิ์ ทรงดำริว่า “วิเทหราช ดิ้นรนมาถึงจนได้ คราวนี้ล่ะเราจะไม่ปล่อยให้มันรอดพ้นไปได้อีกเป็นอันขาด”

    พระเจ้าจุลนีทรงพระราชทานรางวัลให้แก่ทูตเหล่านั้น พร้อมกับฝากพระราชสาสน์กลับไปถวายพระเจ้าวิเทหราชว่า “บัดนี้หม่อมฉันพร้อมแล้วที่จะถวายพระราชธิดาแด่พระองค์ ขอเพียงพระองค์ทรงกำหนดฤกษ์ยามที่เหมาะสม เพื่อศุภวาระแห่งพระราชพิธีอาวาหมงคลในครั้งนี้เถิด”

    พระเจ้าวิเทหราชจึงมีรับสั่งให้อำมาตย์คำนวณหาพระฤกษ์ทันที เมื่อได้พระฤกษ์ตามที่ทรงพอพระทัยแล้ว ท้าวเธอก็ให้ราชทูตนำพระราชสาสน์ไปทูลพระเจ้าจุลนีว่า “วันนี้แหละฤกษ์ดี ขอพระองค์จงส่งพระราชธิดามาเถิด”

    พระเจ้าจุลนีก็ทรงตรัสตอบกลับไปว่า “หม่อมฉันจะส่งไปเดี๋ยวนี้” จากนั้น ทรงมีพระราชบัญชาให้เหล่าเสนาตระเตรียมกองทัพใหญ่ ๑๘กองทัพ พร้อมกับให้สัญญาณแก่พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ว่า “ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมใจกันเด็ดหัวศัตรูผู้ขลาดเขลา เมื่อเผด็จศึกได้แล้ว เราถึงจะกลับมาดื่มฉลองชัยบานกันให้มโหฬารทีเดียว” สิ้นพระกระแสรับสั่งของพระเจ้าจุลนี กองทัพทั้งหมดก็เคลื่อนพลออกจากปัญจาลนครทันที

    ก่อนเสด็จออกจากปัญจาลนคร พระเจ้าจุลนีทรงรับสั่งให้พระนางสลากเทวีพระราชมารดา พระนางนันทาเทวีพระอัครมเหสี พระราชกุมารปัญจาลจันทะและพระราชธิดาปัญจาลจันที ประทับอยู่ภายในพระตำหนักเดียวกันทั้งสี่พระองค์ โดยมีเหล่านางสนมกำนัลแวดล้อม ครั้นทรงหมดห่วงแล้ว พระองค์จึงเสด็จออกจากพระนคร เข้าสมทบกับกองทัพใหญ่ซึ่งเดินทัพล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
 
    ขณะนั้น พระเจ้าวิเทหราชประทับนั่งภายในพระราชมณเฑียรที่ประดับประดาอย่างงดงาม ห้อมล้อมด้วยเหล่าอาจารย์ทั้งสี่ และข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ ทรงรอคอยเวลาที่จะได้พบพระราชกุมารีปัญจาลจันทีด้วยพระหฤทัยจดจ่ออยู่ทุกขณะ เหมือนบุรุษผู้ไร้เดียงสาอ้าแขนรอรับความตายที่พญามัจจุราชหยิบยื่นให้

    ฝ่ายพระเจ้าจุลนี ทรงยกกองทัพใหญ่มาถึงที่หมายเร็วกว่าที่ทรงคาดไว้ ทันทีที่มาถึงที่หมาย พระองค์ทรงมีรับสั่งให้แม่ทัพนายกอง นำกำลังเข้าล้อมพระนครนั้นไว้อย่างแน่นหนา เวลานั้นดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงคบเพลิงนับแสนๆถูกจุดขึ้นส่องสว่างไปทั่วบริเวณ ไฟจากคบเพลิงเหล่านั้นต่อให้เอามากองรวมกัน ก็คงไม่ร้อนแรงเท่าเพลิงโทสะที่ลุกโหมอยู่ภายในพระทัยของพระเจ้าจุลนี พระองค์ทรงเก็บความเคียดแค้นนั้นมานานนับแรมปี และรอคอยโอกาสที่จะปลดเปลื้องให้หมดสิ้นในวันนี้

    “วิเทหราชหน้าโง่จะหนีไปไหนพ้น” พระเจ้าจุลนีทรงพระสรวล พระสุรเสียงดังกึกก้อง ห้าวหาญฮึกเหิมราวกับกุมชะตาชีวิตของศัตรูไว้ได้แล้ว ครั้นแล้วจึงทรงรับสั่งว่า “เอาเถอะ พวกเราจงพักผ่อนให้สบายเถิด ถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่รอดแน่ อดใจรอกันสักหน่อย เพียงไม่กี่ชั่วยามเท่านั้นก็จวนจะรุ่งอรุณแล้ว ถึงตอนนั้นเราจึงค่อยเข้าจู่โจม แล้วจับพระเจ้าวิเทหราชและมโหสถบัณฑิตมาฆ่าเสีย”

    ข่าวที่พระเจ้าจุลนี จะทรงยกทัพมาล้อมพระนครนั้น มโหสถทราบมาก่อนแล้วและพร้อมจะรับมือตลอดเวลา ดังนั้นในเวลาที่กองทัพฝ่ายปัญจาลนครรุกคืบเข้ามาชิดกำแพงพระนครจริงๆ มโหสถจึงยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยกิริยาอาการเป็นปกติ คือ การถวายการปรนนิบัติพระเจ้าวิเทหราชอย่างดีเยี่ยม และเลี้ยงดูผู้ตามเสด็จมาอย่างทั่วถึง ทั้งอาหารสุราอย่างอุดมสมบูรณ์

    มโหสถบัณฑิตคำนวณดูไพร่พลที่ยกกันมาปิดล้อม ก็คาดว่าคงจะยกกันมาหมดทั้งเมืองทีเดียว จึงได้เรียกทหารมา ๓๐๐นายแล้วสั่งว่า “พวกท่านจงเดินทางไปตามเส้นทางอุโมงค์ลับนี้ เมื่อถึงปัญจาลนครแล้วก็จงจับพระราชมารดา พระมเหสี พระราชโอรสและพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนี แล้วนำเสด็จมาสู่โรงใหญ่ภายในอุโมงค์ อย่าให้เสด็จออกมาข้างนอกอย่างเด็ดขาด คอยตั้งเวรยามเฝ้าไว้จนกว่าเราจะไปถึง เมื่อเราไปถึงแล้วจึงค่อยนำไปพักที่ห้องโถงใกล้ประตูอุโมงค์ใหญ่ ภารกิจนี้สำคัญถึงชีวิตทีเดียว ดังนั้น พวกท่านจึงไม่ควรประมาท และอย่าให้พลาดเป็นอันขาด”

    ทหารเหล่านั้นรับคำสั่งแล้ว ก็พากันเดินทางไปตามอุโมงค์เล็ก กระทั่งมาถึงตรงเชิงบันไดพระมหาปราสาทซึ่งเป็นปากอุโมงค์ทางออก แลเห็นประตูกระดานไม้ซึ่งรองบันไดพระราชวังไว้ ก็ช่วยกันเปิดออก ครั้นออกจากอุโมงค์ได้แล้วจึงได้กรูกันเข้าไปภายในพระตำหนัก โดยค่อยๆเข้าจู่โจมอย่างเงียบกริบ แล้วจัดการมัดมือมัดเท้ายามเฝ้าประตูทุกจุดโดยมิให้ทันรู้ตัว พร้อมกับเอาผ้ามามัดปิดปากไว้มิให้ส่งเสียง ตลอดจนนางสนมกำนัลผู้คอยปรนนิบัติขัตติยวงศ์ ก่อนที่จะนำไปรวมกันไว้ในห้องมืดห้องหนึ่งในพระราชวัง
 
    จากนั้น ก็เข้าไปจัดการเครื่องเสวยที่จัดไว้ถวายพระเจ้าจุลนี กินทิ้งกินขว้างจนอิ่มแปล้ แล้วก็ทำลายถ้วยโถโอชามจนแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี บ้างก็พากันสาดทิ้งไปบนพื้นห้องของพระเจ้าจุลนี ภาชนะต่างๆของศัตรูก็กลายเป็นเครื่องอำนวยความสนุกสนานให้แก่เหล่าทหารของมโหสถอย่างดียิ่ง

    ครั้นแล้วจึงพากันขึ้นสู่ชั้นบนของพระมหาปราสาท เพื่อจับตัวพระนางสลากเทวี พระนางนันทาเทวี พระราชบุตรและพระราชธิดา ทั้งสี่พระองค์ ส่วนว่าเหล่าทหารของมโหสถบัณฑิต จะสามารถจับกุมทั้งสี่พระองค์นั้นได้หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 170ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 170

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 171ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 171

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 172ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 172



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก