ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 173


[ 27 ก.ค. 2552 ] - [ 18258 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 173
 
 
 
    จากตอนที่แล้ว พระเจ้าวิเทหราช ทรงครวญคร่ำรำพันกับมโหสถว่า “มโหสถเอ๋ย โถ...ชะตาชีวิตของเราไม่น่าจะต้องมาประสบทุกข์ภัยเห็นปานนี้เลย”

    มโหสถจึงกราบทูลต่อไปว่า “ขอเดชะ พระองค์ทรงระลึกได้หรือไม่ว่าก่อนจะเสด็จมาที่นี่ ใครเล่าที่เคยทูลห้ามพระองค์ไว้ บัดนี้พระองค์ก็ยังเหลือราชบัณฑิตอยู่เคียงข้างอยู่ถึงสี่คน ฉะนั้นขอให้อาจารย์ทั้งสี่ผู้ฉลาดรอบคอบ หาทางป้องกันภัยที่กำลังจะมาถึงพระองค์เถิด พระพุทธเจ้าข้า”
 
    พระเจ้าวิเทหราชได้แต่ทรงนิ่ง สดับคำทูลของมโหสถโดยมิได้ตรัสตอบสิ่งใดเลย แต่พระพักตร์นั้นแลดูยิ่งเศร้าหมองกว่าเดิม

    มโหสถทูลต่อไปว่า “พระองค์เป็นผู้มัวเมาในกาม ทรงลุ่มหลงพระราชธิดาของพระเจ้าจุลนีจนไม่ลืมหูลืมตา แม้ข้าพระองค์จะทูลทัดทาน แต่พระองค์ก็ไม่ทรงเชื่อ พระองค์กลับทรงดิ้นรนหาความตายเสียเอง พระองค์ทรงหลงคารมศัตรู ทรงเชื่อคำของเกวัฏชั่ว วันนั้นพระองค์มิใช่หรือที่สั่งให้ขับไล่ข้าพระองค์ออกไปเสียจากแว่นแคว้น เพียงเพราะข้าพระองค์พูดจาไม่เป็นมงคล ขัดขวางเรื่องที่พระองค์จะได้ครองนางแก้ว แต่แล้ววันนี้เป็นอย่างไร ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ข้าพระองค์ทูลไว้ไม่มีผิด พระองค์อย่าทรงชักช้าอยู่เลย ขอจงพึ่งพาอาศัยราชบัณฑิตทั้งสี่ของพระองค์ดูเถิด เผื่อว่าจะพอมีทางรอดได้บ้าง ไฉนพระองค์จึงต้องตรัสถามข้าพระองค์ให้เสียเวลาด้วยเล่า ก็บัดนี้ข้าพระพุทธเจ้าไม่จำเป็นต้องกราบทูลอะไรอีกแล้ว พระพุทธเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชจึงตรัสว่า “พ่อมโหสถ เรื่องที่แล้วมาแล้ว ก็ให้มันแล้วไปเถิด เธออย่าได้ทิ่มแทงกันนักเลย เธอจะตำหนิเราเหมือนทิ่มแทงด้วยเหล็กแหลมทำไมกัน หากเธอเห็นทางรอดที่จะช่วยให้เราพ้นภัยในครั้งนี้ ก็ขอให้บอกแก่เราด้วยเถิด”

    มโหสถได้ฟังพระดำรัสทั้งหมดแล้ว ก็รู้ว่าพระเจ้าวิเทหราชยังไม่ทรงสำนึกในพระทัยมากนัก เพื่อเป็นการเตือนสติให้กับพระองค์ทรงมีสังวรในพระทัยมากขึ้น ไม่ทรงหลงเชื่อผู้อื่นง่ายๆ และอีกประการหนึ่ง เพื่อจะชี้ให้พระเจ้าวิเทหราชทรงเห็นว่าการกระทำสิ่งใดไปแล้ว ต้องมีความรับผิดชอบ มิใช่เกิดปัญหาขึ้นทีไรก็โยนให้คนอื่นช่วยแก้ไขทุกที ทำให้ต้องมาแก้ไขกันไม่รู้จักจบสิ้น

    มโหสถจึงกราบทูลต่อไปอีกว่า “ขอเดชะ พระองค์ก็ทรงทราบดีมิใช่หรือว่าความผิดพลาดใดๆที่มนุษย์ก่อขึ้นแล้ว การที่จะแก้ไขให้กลับดีดังเดิมนั้น เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง บุคคลเมื่อทำกรรมใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม เขาจักต้องได้รับผลของกรรมนั้นอย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว โปรดเถิดฝ่าพระบาท ขอพระองค์อย่าได้ตรัสถามข้าพระองค์อีกเลย เพราะบัดนี้สายเกินไปแล้วที่ข้าพระองค์จะช่วยเหลือฝ่าพระบาทได้...

    การจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของพระเจ้าจุลนีนั้น เป็นไปมิได้เลย เว้นเสียแต่พระองค์จะสามารถเนรมิตพาหนะวิเศษ ที่จะพาพระองค์เหาะเหินไปในอากาศได้เท่านั้น แต่ข้าพระองค์ไม่ใช่ผู้วิเศษ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจพาพระองค์ เหาะหนีไปทางอากาศได้แน่ พระเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราช ทรงสดับคำของมโหสถแล้ว ก็ทรงสำนึกในความผิดพลาดที่ผ่านมาของพระองค์ แต่ท้าวเธอก็ไม่รู้จะตรัสว่าอย่างไร จึงได้แต่ทรงประทับนิ่งอยู่ด้วยพระอาการโศกสลดในพระทัย

    อาจารย์เสนกะเห็นท่าไม่ดี จึงคิดว่า “เว้นมโหสถบัณฑิตแล้ว ใครเลยจะเป็นที่พึ่งให้กับพระราชาและพวกเราได้ ก็ในเมื่อพระองค์ไม่สามารถจะตรัสอะไรๆได้อีก เราจะนิ่งเฉยอยู่ หาควรไม่ อย่างไรคงต้องลองอ้อนวอนมโหสถดู บางทีมโหสถอาจใจอ่อนยอมช่วยเหลือก็เป็นได้”

    คิดดังนี้แล้ว อาจารย์เสนกะจึงขอร้องมโหสถว่า “พ่อบัณฑิต คนที่เรือแตก แหวกว่ายอยู่กลางทะเล เมื่อยังมองไม่เห็นฝั่ง หากได้ที่ใดเป็นที่ยึดที่เกาะ พอจะอาศัยพักพิงได้ เขาก็ย่อมจะได้รับความสุขในที่นั้น พ่อมโหสถก็เช่นกัน ขอพ่อจงเป็นที่พึ่งของพวกเราด้วยเถิด อย่าปล่อยให้พวกเราต้องตายไปต่อหน้าต่อตาเลยนะ”

    มโหสถทราบว่าอาจารย์เสนกะเริ่มจะอ่อนข้อลงแล้ว แต่ก็แสร้งสวนกลับเป็นเชิงข่มขวัญอาจารย์เสนกะว่า “ท่านอาจารย์เสนกะ สิ่งที่ล่วงไปแล้ว จะกลับมาแก้ไขเยียวยาอะไรได้อีก ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้หรอก ท่านสิ...เชิญเถิด เชิญนำเสด็จพระราชาเหาะกลับมิถิลานครตามสะดวกเถอะนะ”

    อาจารย์เสนกะได้ยินดังนั้น ก็ได้แต่นิ่งงัน พูดอะไรไม่ออกราวกับมีลมจุกแน่นอยู่ที่ทรวงอก ครั้นแล้วจึงเริ่มได้คิดว่าตนก็มีส่วนผิดที่ไม่ได้ทูลทัดทานพระองค์แต่แรก ตรงข้ามกลับพลอยเห็นดีเห็นงามไปเสียทุกอย่าง
 
    พระเจ้าวิเทหราช ทรงอึดอัดพระทัยอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถจะตรัสอะไรๆกับมโหสถได้ เพราะต่อให้อ้อนวอนเพียงใด มโหสถก็คงไม่ยอมช่วยเหลืออย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อทรงมองไม่เห็นใครอื่นที่จะพอเป็นที่พึ่งได้ พระองค์จึงรับสั่งถามอาจารย์เสนกะว่า “ท่านอาจารย์ มโหสถคงทอดทิ้งเราเสียแล้ว เอาเถอะ ท่านช่วยเราคิดหน่อยเถิดว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป หรือท่านเห็นว่าพอจะมีช่องทางอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่”

    เมื่ออาจารย์เสนกะ ถูกพระราชาตรัสถามดังนั้น จึงคิดง่ายๆตามประสาคนเขลา โดยมิได้ใส่ใจว่าผลที่ตามมาจะดีหรือร้ายประการใด ครั้นตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้กราบทูลตามความคิดของตนว่า “ขอเดชะ ข้าพระองค์ก็ยังมองไม่เห็นวิธีใดที่จะช่วยให้รอดพ้นภัยครั้งนี้ไปได้ แต่ก็เห็นด้วยเกล้าว่าในเมื่อจะต้องตายทั้งที ก็ควรตายอย่างมีศักดิ์ศรี คือ ต้องรีบตายเสียก่อนที่จะถูกศัตรูทรมาน และอย่าให้ศัตรูได้เห็นแม้ซากที่เหลือของพวกเรา พระเจ้าข้า”

    “ตายอย่างไรกันท่านอาจารย์” อาจารย์ปุกกุสะถามแทรกขึ้น

    “ก็ปิดประตูพระตำหนักนี้เสียทุกด้าน แล้วจุดไฟเผาให้พินาศไปเลย และถ้าจะให้ดี พวกเราต่างช่วยฆ่ากันและกัน ไม่ให้มีใครเหลือ อย่ารอให้พระเจ้าจุลนีเข้ามาฆ่าพวกเราถึงที่นี่ได้ ถึงอย่างไรก็ย่อมจะดีกว่าถูกพระเจ้าจุลนีจับไปทรมานเป็นไหนๆ พระเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชได้ฟังดังนั้น ก็ยิ่งทรงสลดพระทัยหนักขึ้นไปอีก ท้าวเธอตรัสอย่างไม่ทรงพอพระทัยว่า “ท่านอาจารย์ ความคิดที่จะเอาตำหนักเป็นเชิงตะกอนนั้น จงรอเอาไว้ทำแก่ลูกเมียของท่านเถิด ส่วนเราไม่เห็นด้วยล่ะ” ครั้นแล้วจึงทรงหันไปถามอาจารย์ปุกกุสะต่อไป

    ส่วนว่าอาจารย์ปุกกุสะ และอาจารย์ที่เหลือนั้น จะสามารถหาทางออกให้แด่พระเจ้าวิเทหราชได้หรือไม่ หรือว่าจะยิ่งทำให้พระเจ้าวิเทหราชยิ่งทรงเศร้าพระทัยหนักเข้าไปอีก โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 174ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 174

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 175ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 175

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 176ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 176



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก