ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 174


[ 3 ส.ค. 2552 ] - [ 18267 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 174
 
 

    จากตอนที่แล้ว มโหสถได้ฟังพระดำรัสทั้งหมดแล้ว ก็รู้ว่าพระเจ้าวิเทหราชยังไม่ทรงสำนึกในพระทัยมากนัก จึงกราบทูลต่อไปอีกว่า “ขอเดชะ บัดนี้สายเกินไปแล้วที่ข้าพระองค์จะช่วยเหลือฝ่าพระบาทได้ การที่จะรอดพ้นจากเงื้อมมือของพระเจ้าจุลนีนั้นเป็นไปมิได้เลย เว้นเสียแต่พระองค์จะสามารถเนรมิตพาหนะวิเศษที่จะพาพระองค์เหาะเหินไปในอากาศได้เท่านั้น แต่ข้าพระองค์ไม่ใช่ผู้วิเศษ ถึงอย่างไรก็ไม่อาจพาพระองค์ เหาะหนีไปทางอากาศได้แน่ พระเจ้าข้า”

    เมื่อพระเจ้าวิเทหราช ทรงมองไม่เห็นใครอื่นที่จะพอเป็นที่พึ่งได้ จึงรับสั่งถามอาจารย์เสนกะว่า “ท่านอาจารย์ ท่านช่วยเราคิดหน่อยเถิดว่าเราควรทำอย่างไรต่อไป หรือท่านเห็นว่าพอจะมีช่องทางอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่”
   
    เมื่ออาจารย์เสนกะ ถูกพระราชาตรัสถามดังนั้น จึงคิดง่ายๆตามประสาคนเขลา โดยได้กราบทูลว่า “ขอเดชะ ข้าพระองค์ก็ยังมองไม่เห็นทางรอดพ้นจากภัยครั้งนี้ไปได้ แต่ก็เห็นด้วยเกล้าว่าในเมื่อจะต้องตายทั้งที ก็ควรตายอย่างมีศักดิ์ศรี คือ ต้องรีบตายเสียก่อนที่จะถูกศัตรูทรมาน และอย่าให้ศัตรูได้เห็นแม้ซากที่เหลือของพวกเรา โดยการปิดประตูพระตำหนักนี้เสียทุกด้าน แล้วจุดไฟเผาให้พินาศไปเลย และถ้าจะให้ดี พวกเราต่างช่วยฆ่ากันและกัน ไม่ให้มีใครเหลือ อย่ารอให้พระเจ้าจุลนีเข้ามาฆ่าพวกเราถึงที่นี่ได้ ถึงอย่างไรก็ย่อมจะดีกว่าถูกพระเจ้าจุลนีจับไปทรมานเป็นไหนๆ พระเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชได้ฟังดังนั้น ก็ยิ่งทรงสลดพระทัยหนักขึ้นไปอีก ท้าวเธอตรัสอย่างไม่ทรงพอพระทัยว่า “ท่านอาจารย์ ความคิดที่จะเอาตำหนักเป็นเชิงตะกอนนั้น จงรอเอาไว้ทำแก่ลูกเมียของท่านเถิด ส่วนเราไม่เห็นด้วยล่ะ” ครั้นแล้วจึงทรงหันไปถามอาจารย์ปุกกุสะต่อไป

    อาจารย์ปุกกุสะ ก็อับจนหนทางเช่นเดียวกัน จึงได้กราบทูลไปว่า “ขอเดชะ ข้าพเจ้าเห็นว่าตายเสียก่อนนั่นแหละเป็นการดี เพราะการตายเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยรอดพ้นจากเงื้อมมือของพระเจ้าจุลนีได้ ข้าพระองค์เห็นด้วยเกล้าว่าพวกเราควรดื่มยาพิษให้ตายเสียโดยพลัน อย่าทันให้พระเจ้าจุลนีมาฆ่าพวกเราเลย พระเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชไม่ทรงเห็นด้วย จึงตรัสถามอาจารย์กามินทะต่อไปว่า “ท่านอาจารย์กามินทะ ท่านล่ะมีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้”

    อาจารย์กามินทะ ก็กราบทูลในทำนองเดียวกันว่า “ขอเดชะ ข้าพระองค์เห็นด้วยเกล้าว่าพวกเราเอาเชือกผูกคอให้ตาย หรือไม่ก็กระโดดลงบ่อน้ำให้ตายเสียดีกว่าที่พระเจ้าจุลนีมาจับพวกเราได้ แล้วฆ่าให้ตายอย่างทรมาน พระพุทธเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราช ก็ยังไม่ทรงโปรด เพราะว่าไม่มีทางรอด มีแต่ความตายเท่านั้น จึงทรงหันไปตรัสถามทางอาจารย์เทวินทะว่า “ท่านอาจารย์เทวินทะ ท่านล่ะมีความคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้”

    อาจารย์เทวินทะ ก็เป็นเช่นเดียวกับท่านอาจารย์ทั้งสาม คือ จนปัญญาเหมือนกันจึงคิดว่า “พระราชาจะตรัสถามพวกเราไปทำไมกัน แสงหิ่งห้อยอย่างพวกเราน่ะหรือ จะไปสู้กองไฟอันลุกโชนโชติช่วงเช่นมโหสถบัณฑิตได้ พระองค์มาตรัสถามพวกเราแล้วจะไปได้อะไร เหมือนรีดเขาวัวเอาน้ำนม จะได้น้ำนมที่ไหนกันล่ะ พระองค์ทรงทราบดีมิใช่หรือว่า ในที่นี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะช่วยให้รอดพ้นไปได้ นอกเสียจากมโหสถเท่านั้น”
 

    อาจารย์เทวินทะจึงทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นว่ามีเพียงมโหสถบัณฑิตเท่านั้น ที่จะช่วยพวกเราในยามคับขันครั้งนี้ได้ พวกเราควรขอร้องมโหสถนั่นแหละ จึงมีหวังที่จะรอดได้ แต่หากว่ามโหสถไม่สามารถจะช่วยเหลือพวกเราได้แล้วล่ะก็ ภายหลังเราถึงจะทำตามวิธีของท่านอาจารย์เสนกะ พระพุทธเจ้าข้า”

    เมื่อพระเจ้าวิเทหราช ได้ทรงสดับคำของอาจารย์เทวินทะแล้ว ก็ทรงหวนรำลึกถึงถ้อยคำที่พระองค์ได้เคยบริภาษมโหสถไว้เมื่อคราวก่อน ซึ่งบัดนี้พระองค์ก็ได้ทรงตระหนักแล้วว่ามีเพียงมโหสถเท่านั้น ที่จะช่วยให้พระองค์รอดพ้นจากเหตุการณ์คับขันในครั้งนี้ได้ แต่เมื่อไม่อาจจะตรัสอะไรได้มากไปกว่านี้ ทั้งๆที่มโหสถบัณฑิตก็นั่งอยู่ใกล้ๆ จึงได้แต่ทรงรำพึงออกมาว่า “บุคคลผู้ต้องการแก่นของต้นกล้วย เฝ้าแสวงหาอยู่นาน แต่แล้วก็ไม่พบฉันใด เราผู้แสวงหาอุบายปลดเปลื้องทุกข์ ต้องการจะหนีไปให้พ้นจากที่นี้โดยเร็ว จึงสอบถามเหล่าราชบัณฑิต ด้วยหวังว่าจะเป็นที่พึ่งได้ในยามยาก แต่น่าอนาถใจจริงหนอ ถึงเวลาคับขันเจียนตายแล้ว เราก็ยังมองไม่เห็นทางรอดเลย...

    ช้างอยู่ไกลแหล่งน้ำ ชื่อว่าอยู่ถิ่นที่ไม่เหมาะสมฉันใด เราผู้ห่างไกลบัณฑิต แต่อยู่ใกล้คนเขลาเบาปัญญา แล้วจะพึ่งพาอาศัยใครได้ ในราชบัณฑิตเหล่านี้ จะหาคนเป็นที่พึ่งแก่เราสักคนหนึ่งก็ไม่มี โอ...เรามีราชบัณฑิตอยู่ด้วยกันถึงห้าท่าน เราชุบเลี้ยงอุปถัมภ์มาก็หวังที่จะพึ่งสติปัญญาของพวกเขาเหล่านั้น แต่มาคราวนี้จะไม่มีใครสักคนเลยหรือ ที่เราพอจะพึ่งพาเขาได้ เห็นที่คราวนี้เราคงต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถ ในท่ามกลางวงล้อมของอริราชศัตรูเป็นแน่”

    พระเจ้าวิเทหราช ทรงบ่นเพ้อไปต่างๆนานา สุดแต่ว่าความกลัวจะบัญชาให้ทรงครวญคร่ำรำพันอย่างไร พระองค์ทรงคับแค้นพระทัยอย่างสุดแสน พระเสโทไหลโทรมพระพักตร์ ปิ่มว่าพระหฤทัยจะแตกสลาย

    การครวญคร่ำรำพันของพระเจ้าวิเทหราชนั้น มิใช่เป็นเรื่องที่มโหสถบัณฑิตจะเพิกเฉย ท่านได้เห็นและได้ฟังอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นดังนั้น ก็บังเกิดความสงสารขึ้นมาทันใด คิดในใจว่า “ถ้าเราปล่อยให้พระราชาทรงคร่ำครวญอยู่เช่นนี้ เห็นทีพระองค์จักต้องสิ้นพระชนม์เป็นแน่”

    คิดดังนี้แล้ว จึงกราบทูลปลอบโยนให้ทรงเบาพระทัยว่า “ข้าแต่มหาราชเจ้า ขอพระองค์อย่าทรงวิตกไปเลย พระพุทธเจ้าข้า พระจันทร์ถูกราหูจับยังพ้นจากปากราหูได้ ช้างติดหล่มย่อมพ้นจากหล่มได้ นกถูกจับไว้ในกรงย่อมหลุดออกจากกรงได้ แม้ปลาที่ติดตาข่ายย่อมพ้นจากตาข่ายได้ ฉันใด ข้าพระองค์ก็จะขอรับอาสาปลดเปลื้องพระองค์ผู้ลำเค็ญ
ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติในครั้งนี้เอง พระพุทธเจ้าข้า...

    ข้าพระองค์นี่แหละ จะขับไล่กองทัพปัญจาลนครให้หนีไป ดุจไล่ฝูงกาด้วยก้อนดินฉะนั้น หากข้าพระองค์ไม่อาจช่วยพระองค์ให้พ้นภัยครั้งนี้ได้ ปัญญาของข้าพระองค์จะมีไว้ทำไม การเป็นเสนาบดีของข้าพระองค์จะมีประโยชน์อะไร พระพุทธเจ้าข้า”

    ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราช ได้ทรงสดับคำของมโหสถบัณฑิตแล้ว พระหฤทัยก็แช่มชื่นเบิกบานเหมือนชะโลมด้วยหยาดทิพย์วารี ท้าวเธอกลับได้ความอุ่นพระทัยว่า “โอ...บัดนี้เรารอดตายแล้ว” แม้ทุกคนในที่นั้นก็ล้วนยินดีกันทั่วหน้า
 
    ส่วนว่ามโหสถจะมีวิธีการอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 175ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 175

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 176ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 176

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 177ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 177



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก