บวชเพื่อถางทางไปพระนิพพาน


[ 30 มิ.ย. 2553 ] - [ 18273 ] LINE it!

บวชเพื่อถางทางไปพระนิพาน
 
  
    หลวงพ่อขอให้ท่านนึกย้อนกลับไปถึงวันแรกที่บวช พวกท่านทุกรูปได้ปฏิญาณกันต่อหน้าพระประธาน ต่อหน้าพระอุปัชฌาย์ และต่อหน้าคณะสงฆ์ทั้ง ๒๐ รูป ว่า
 
          “ สัพพะทุกขะ นิสสะระณะ , นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ 
       อิมัง กาสาวัง คะเหตวา ปัพพาเชถะ มัง ภันเต ” 
          แปลว่า “ ข้าแต่พระอุปัชฌาย์ผู้เจริญ ขอท่านจงรับเอาผ้ากาสวะแล้วบวชให้ข้าพเจ้าด้วยเถิดเพื่อข้าพเจ้าจะได้ประพฤติปฏิบัติกำจัดทุกข์ทั้งปวงให้สิ้นไป และกระทำพระนิพพานให้แจ้ง ”
 
          เพราะเราปฏิญาณว่าจะบวชเพื่อกำจัดทุกข์ให้สิ้นไปนี้เอง พระอุปัชฌาย์จึงยอมบวชให้ ขอให้จำฝังใจไว้ให้ดีว่า ไม่ว่าจะบวชระยะสั้นแค่พรรษาเดียว หรือบวชตลอดชีวิตก็ตามเป้าหมายการบวชที่แท้จริง คือ การเพื่อกำจัดทุกข์ ไม่ใช่บวชเพื่อเล่นไม่ใช่บวชเพื่อเอาสนุก หรือบวชตามประเพณี แต่บวชแล้วต้องเอาจริงเอาจังมุ่งไปพระนิพานด้วยการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด
 
          เราอาศัยพระธรรมวินัยปฏิบัติตนเพื่อขจัดกิเลสในตัวให้หมดสิ้นไปได้เมื่อไหร่ ทุกข์ก็หมดสิ้นไปได้เมื่อนั้น แล้วก็เห็นพระนิพพานแจ้งสว่างโร่ในที่สุดโดยอัตโนมัติ
 
          ถ้าถามว่า พระนิพพานมีลักษณะอย่างไร?
 
       หลวงปู่ หลวงทวด ท่านตอบไว้ชัดเจนว่า “ ลูกเอ๋ย ก้มหน้าก้มตาปฏิบัติไปเถอะ ถ้าดับทุกข์ไปได้มากเท่าไร ก็รู้แจ้ง เห็นแจ้งไปตามลำดับชัดมากขึ้นเท่านั้น ว่าพระนิพพานมีลักษณะเป็นอย่างไรอย่ามัวเสียเวลาไปเถียงกันว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตาเลยนะลูก "
  
          เนื่องจากการกำจัดทุกข์ให้หมดไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วยังมีลักษณะเฉพาะว่า กิเลสนั้นพอกกำจัดหมดปุ๊บ เผลอปั๊บกิเลสก็งอกขึ้นมาใหม่อีก เหมือนหญ้าแพรกหญ้าคา จึงต้องกำจัดกิเลสกันทุกลมหายใจเข้าออก ถ้าเปรียบการเข้าไปรู้แจ้งเห็นแจ้งในพระนิพพานกับการเดินทาง ก็เปรียบเสมือนเดินบนเส้นทางที่ยาวไกลที่แสนจะรกทึบ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอบรมตนเองข้ามภพข้ามชาติบางครั้นหลวงปู่ หลวงทวดท่านถึงกับรำพึงว่า “ การบวชเหมือนถางทางไปพระนิพพาน ”
  
          ทำว่า “ ถางทาง ” กับการทำพระนิพพานให้แจ้ง
          มันมีอะไรเป็นความรกขวางทางอยู่หรือ ถึงต้องมาถากมาถางออกไปให้เตียน
          คำว่า “ ถางทาง ” เป็นคำอุปมาเปรียบเทียบที่แสดงออกถึงความเอาจริงเอาจังในการสร้างหนทางสายใดสายหนึ่ง เพื่อไปให้ถึงที่หมาย
          เราเรียนกันมาแล้วใน “ นวโกวาท ” ว่าทันทีที่เกิดมา แต่ละคนก็มีสิ่งหนึ่งฝังอยู่ในใจเราแล้ว ต่างกันแต่ว่า ใครจะมีอยู่มากน้อยกว่ากันแค่ไหน สิ่งนี้มันเป็นความรกอยู่ภายในใจของทุกคน ซึ่งทรงธรรม เรียกว่า กิเลส
 
 
          กิเลสเป็นเหมือนวัชพืชหรือป่ารกที่อยู่ในใจ 
       กิเลสมีความรกขนาดไหนจึงขวางทางไปพระนิพพานได้?
       หลวงปู่หลวงทวดท่านพูดเป็นเชิงเปรียบเทียบไว้ว่า แม้เอาความรกของป่าทั้งหลายในโลกนี้มารวมกัน ก็ไม่รกทึบเท่ากับป่ากิเลสที่อยู่ในใจของแต่ละคน
       นี่คือ ดีกรีความรกของกิเลสที่ขวางทางไปพระนิพพาน
          การที่ใครจะสามารถทำพระนิพพานให้แจ้งได้ ก็ต้องขุดรากถอนโคนป่ากิเลสในใจออกไปให้หมดสิ้น จนกระทั่งมันไม่สามารถงอกกลับคืนมาใหม่ได้อีก
          ดังนั้น ใครก็ตามที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาแล้ว หากจะเป็นพระแท้ให้สมเจตนาในการบวช จึงต้องเอาจริงในการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำเหยะๆ แหยะ ๆ ไม่ได้ เพราะงานสำคัญที่สุดในชีวิตนักบวช ก็คือ งานถางกิเลสออกจากใจไปนิพพาน
 
          ผู้ที่เอาจริงเท่านั้น จึงสามารถถางป่ากิเลสออกจากใจ แล้วเปิดหนทางไปพระนิพพานให้ตัวเองได้สำเร็จ 
ถ้าจะถามต่ออีกว่า แล้วพระนิพพานอยู่ที่ไหน หลวงปู หลวงทวดท่านก็ตอบยิ้ม ๆ ว่า “ ก็อยู่ในตัวคุณเองนั่นแหละ ก้มหน้าก้มตาถางทางเร็วเข้าเถอะ”
 
ที่มา : หนังสือ “บวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย” พิมพ์ครั้งที่ ๒ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๐
พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทตฺตชีโว)
 
สนใจบวช หรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
/>
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์

กิเลส 3 ตระกูลกิเลส 3 ตระกูล

ขอเชิญรับชมการถ่ายทอดสด พิธีถวายสังฆทาน 266 วัด ครั้งที่ 62ขอเชิญรับชมการถ่ายทอดสด พิธีถวายสังฆทาน 266 วัด ครั้งที่ 62



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

เรื่องเด่นทันเหตุการณ์