พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่ 49 ความหมายของอสงไขยและมหากัป


[ 6 ม.ค. 2554 ] - [ 18316 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 6 มกราคม พ.ศ.2554
ตอน พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 49 ความหมายของอสงไขยและมหากัป
 
 
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า
ตอนที่ 49 "ความหมายของอสงไขยและมหากัป"
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
        ความเดิมจากตอนที่แล้ว... ถ้าเรามองให้ลึกลงไปกว่านั้น เราจะพบว่า...จริงๆแล้ว พระมหากัสสปเถระไม่ได้มีความคิดที่จะไปรบกวนให้พระศรีอริยเมตไตรย์ ซึ่งเป็นถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้ เสด็จมาสลายร่างของท่านแต่อย่างใด แต่ที่ท่านต้องอธิษฐานจิตลงไปเช่นนั้น ก็เป็นเพราะท่านได้เห็นถึงบุพกรรมในอดีตที่ตัวท่านและพระศรีอริยเมตไตรย์ ได้เคยกระทำกรรมร่วมกันมา กล่าวคือ ในสมัยที่ตัวท่านเกิดเป็นช้างมงคลพระที่นั่ง ส่วนพระศรีอริยเมตไตรย์ทรงเกิดเป็นนายหัตถาจารย์ ดังนั้น เมื่อเรื่องราวทั้งหมดยังตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม จึงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถรื้อผังแห่งวิบากกรรมตรงนี้ไปได้ แม้แต่ผู้ที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระศรีอริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่สามารถที่จะรื้อผังแห่งวิบากกรรมในอดีตที่แต่ละพระองค์ทรงเคยกระทำผิดพลาดเอาไว้ได้
 
        ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ จึงทำให้พระมหากัสสปเถระตั้งจิตอธิษฐานก่อนปรินิพพานลงไปเช่นนั้น และในทันทีที่พระมหากัสสปะปรินิพพานลงไปแล้ว ภูเขาทั้งสามลูกก็ได้มารวมตัวกันจนกลายเป็นภูเขาลูกเดียว ตามคำอธิษฐานจิตของท่าน
 
กุกกุฏสัมปาตบรรพตได้รวมเป็นภูเขาลูกเดียว ตามคำอธิษฐานของพระมหากัสสปะ
 
        เมื่อใด ที่กาลเวลาได้ล่วงมาจนถึงยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็จะทรงเสด็จมาสลายร่างให้แก่พระมหากัสสปเถระ ซึ่งร่างของท่านได้ถูกบรรจุอยู่ในกุกกุฏสัมปาตบรรพตแห่งนี้ ด้วยพระองค์เอง
 
 พระศรีอริยเมตไตรย์จะเสด็จมาสลายร่างของพระมหากัสสปะ ด้วยพระองค์เอง
 
        สำหรับเรื่องราวในยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์ ที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอัศจรรย์ของสภาพแวดล้อม ดิน อากาศ ฟ้า รวมถึงรูปร่างหน้าตาและความเป็นอยู่ของมนุษย์ในยุคนั้น เป็นต้น จะบังเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าหากพระพุทธองค์ปราศจากการบำเพ็ญปรมัตถบารมี และอธิษฐานจิตเพื่อตั้งความปรารถนาในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง แต่ก่อนที่เราจะได้ฟังเรื่องราวในส่วนนี้ เราลองมาศึกษาและทบทวนถึงความยากในการเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากันก่อน
 
 ยุคของพระศรีอริยเมตไตรย์มีความสมบูรณ์พร้อมในทุกๆด้าน
 
        การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น แต่ละพระองค์จะต้องใช้ระยะเวลาในการสร้างบารมีที่ยาวนานมากๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ออกตามระยะเวลาในการสร้างบารมีของแต่ละพระองค์ เป็นสามประเภท ได้แก่
 
 กว่าจะมีการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเป็นการยาก
 
1.พระปัญญาธิกพุทธเจ้า จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมี กว่า 20-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป และผ่านการสร้างบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่า 512,027 พระองค์
 
2.พระสัทธาธิกพุทธเจ้า จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมี กว่า 40-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป และผ่านการสร้างบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่า 1,024,055 พระองค์
 
3.พระวิริยาธิกพุทธเจ้า (ซึ่งพระศรีอริยเมไตรย์จัดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประเภทพระวิริยาธิกพุทธเจ้า)-จะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งสมบารมี กว่า 80-อสงไขยมหากัป กับเศษอีกแสนมหากัป และผ่านการสร้างบารมีกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่า 2,048,109 พระองค์
 
        คำว่า อสงไขย คือ จำนวนที่กำหนดไว้แทนระยะเวลาอันจะนับจะประมาณไม่ได้ ซึ่งได้มีผู้เปรียบเทียบหน่วยของอสงไขยเอาไว้ว่า “เหมือนมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายเลย กล่าวคือ ฝนตกทั้งวันทั้งคืน เป็นระยะเวลายาวนานถึงสามปี จนกระทั่งน้ำฝนท่วมเต็มขอบจักรวาลหรือขอบของภพสาม จากนั้น...ให้ลองคำนวณนับเม็ดฝนทั้งหมดที่ตกลงมากว่าสามปีว่ามีจำนวนเท่าใด ถ้านับได้เท่าไหร่ นั่นคือจำนวนระยะเวลาใน 1 อสงไขย
 
 ระยะเวลาหนึ่งอสงไขย อุปมาได้กับจำนวนเม็ดฝนที่ตกติดต่อกันสามปี จนท่วมขอบของภพสาม
 
        คำว่า มหากัป คือ หน่วยนับระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไป ครบหนึ่งรอบ ระยะเวลาในมหากัปหนึ่งๆนั้น ถือว่ายาวนานมากๆ หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เราคงต้องนึกตามคำอุปมาเปรียบเทียบที่องค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าได้ทรงตรัสเอาไว้
 
 ระยะเวลาหนึ่งมหากัป คือ ช่วงเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อสลายไป ครบหนึ่งรอบ
 
        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสอุปมาเปรียบเทียบระยะเวลาในหนึ่งมหากัปเอาไว้ ซึ่งมีปรากฏเป็นพุทธวัจนะอยู่ในพระไตรปิฎก โดยสามารถสรุปใจความให้เข้าใจง่ายๆได้ดังนี้ว่า “ดั่งมีภูเขาหินแท่งทึบลูกใหญ่ที่ไม่มีช่องไม่มีโพรง ซึ่งมีขนาดความกว้าง ความยาว และความสูง ด้านละหนึ่งโยชน์ (หรือประมาณ 16-กิโลเมตร)-ในทุกๆหนึ่งร้อยปี จะมีบุรุษนำเอาผ้าเนื้อดีจากแคว้นกาสี มาลูบภูเขาหินแท่งทึบลูกนี้หนึ่งครั้ง...
 
 ภูเขาหินแท่งทึบ กว้าง ยาว สูง ด้านละหนึ่งโยชน์ ในทุกๆร้อยปีมีบุรุษนำผ้าเนื้อดีจากแคว้นกาสีมาลูบ
 
        เมื่อใดก็ตามที่ภูเขาหินแท่งทึบที่มีความกว้าง ความยาว และความสูง ด้านละหนึ่งโยชน์ลูกนี้ สึกกร่อนจนมีสัณฐานที่ราบเรียบเสมอกับพื้นดิน เมื่อนั้น...ช่วงระยะเวลาของหนึ่งมหากัปก็ยังไม่ถึงกาลหมดสิ้นไป ดังนั้น...ระยะเวลาในหนึ่งมหากัปจึงยาวนานอย่างนี้”
 
เมื่อใดสัณฐานของภูเขาหินแท่งทึบ กว้าง ยาว สูง ด้านละหนึ่งโยชน์ เสมอพื้นดิน ระยะเวลาหนึ่งกัปยังไม่ถึงกาลหมดสิ้น
 
        นอกจากนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงตรัสอุปมาเปรียบเทียบระยะเวลาในหนึ่งมหากัป เอาไว้อีกอุปมาหนึ่ง โดยสามารถสรุปใจความให้เข้าใจง่ายๆได้ดังนี้ว่า “ดั่งมีนครที่กำแพงเมืองทำด้วยเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวขนาดหนึ่งโยชน์ ความกว้างขนาดหนึ่งโยชน์ และมีความสูงขนาดหนึ่งโยชน์ (ถ้าจะคำนวณปริมาตรที่อยู่ภายในเขตกำแพงของนครแห่งนี้ทั้งหมด ก็ประมาณ 4,096-ลูกบาศก์กิโลเมตร หรือประมาณ 4,096,000-ลูกบาศก์เมตร)-ภายในนครแห่งนั้น จะถูกอัดแน่นไปด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาดจนเต็มพื้นที่ไปหมด และในทุกๆหนึ่งร้อยปี จะมีบุรุษหยิบเอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดออกจากนครหนึ่งเมล็ด...”
 
เมืองที่มีกำแพงเหล็กล้อมรอบ มีขนาดกว้าง ยาว สูง ด้านละหนึ่งโยชน์ บรรจุเมล็ดพันธุ์ผักกาดไว้เต็ม ในทุกๆร้อยปีมีบุรุษหยิบออกไปหนึ่งเมล็ด
 
ชม Video Scoop พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 49

 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน