">
การรักษาสมดุลโครงสร้างของร่างกายให้ติดเป็นนิสัย
">
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการรักษาสมดุลโครงสร้างของร่างกายให้ติดเป็นนิสัย ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับนิสัย และอานิสงส์ของการสร้างนิสัยดี
">
การรักษาสมดุลโครงสร้างของร่างกาย
ให้ติดเป็นนิสัย
ความรู้ในแต่ละบทที่ผ่านมา
ถือได้ถือว่า เป็นทั้งหลักการและวิธีปฏิบัติ
เพื่อส่งเสริมให้โครงสร้างของร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลเป็นปกติเสมอ
แต่ทว่าความรู้ดังกล่าวนี้จะเกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านมากน้อยเพียงใดหรือไม่นั้น
ย่อมขึ้นอยู่กับตัวท่านเองว่าได้นำไปปฏิบัติอย่างไร
หากรู้และเข้าใจทฤษฎี
แต่ไม่ได้ลงมือปฏิบัติ ประโยชน์ย่อมไม่เกิดแก่ตัวท่านแน่นอน
หรือได้ลงมือปฏิบัติแต่ไม่ต่อเนื่อง ประโยชน์ก็จะไม่เกิดแก่ตัวท่านเช่นกัน
ต่อเมื่อใด ท่านได้ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังต่อเนื่องจนติดเป็นนิสัย
เมื่อนั้นประโยชน์จะเกิดแก่ตัวท่านตลอดชีวิต
โดยสรุปก็คือ
ถ้าท่านขยันปฏิบัติตามหลักการ
และวิธีการรักษาสมดุลโครงสร้างของร่างกายได้อย่างถูกต้อง
และต่อเนื่องจนติดเป็นนิสัย ท่านก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ
โรคภัยไข้เจ็บใดๆ ไม่กล้ามารบกวน
นิสัย คืออะไร
นิสัย
คือ พฤติกรรมเคยชิน ซึ่งเกิดจากการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดบ่อยๆ จนติด เมื่อติดแล้ว
ถ้าไม่ได้ทำอีกก็จะรู้สึกหงุดหงิด กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ
นิสัยเป็นเสมือนโปรแกรมประจำตัวที่กำหนดพฤติกรรมทางกาย วาจาและใจของแต่ละบุคคล
ใครมีนิสัยอย่างไรก็จะทำตามความเคยชินอย่างนั้นโดยอัตโนมัติ
บุคคลที่มีนิสัยดี
ย่อมเลือกคิด พูด และทำ แต่สิ่งที่ทำให้ตนเองหรือผู้อื่น
หรือรวมทั้งตนเองและผู้อื่น ได้รับความเย็นกาย เย็นใจอยู่เสมอ เช่น
นิสัยตรงต่อเวลา นิสัยรักความสะอาด นิสัยชอบให้ทาน นิสัยชอบฟังธรรม ฯลฯ นิสัยดีๆ
เหล่านี้ย่อมเป็นคุณต่อทั้งตนเองและผู้อื่น
">
">
">
">"> ">
บุคคลที่นิสัยไม่ดี
ย่อมเลือกคิด พูด และทำ แต่สิ่งที่ทำให้ตนเองหรือผู้อื่น หรือทั้งตนเองและผู้อื่น
ได้รับความเดือดร้อนอยู่เสมอ เช่น นิสัยติดอบายมุข นิสัยเกียจคร้าน
นิสัยเอาเปรียบเกี่ยงงาน นิสัยพยาบาท นิสัยตามใจตัวเอง ฯลฯ นิสัยไม่ดีเหล่านี้
มีแต่จะก่อโทษให้แก่ทั้งตนเอง ผู้อื่น และสังคม
อานิสงส์ของการสร้างนิสัยดี
">
คนเราทุกคนล้วนประกอบด้วยกายกับใจ
แต่ทั้งกายกับใจล้วนมีโรคติดมาตั้งแต่วันที่คลอด
โรคที่ติดมากับร่างกายย่อมพร้อมที่จะแสดงอาการให้ปรากฏในทันทีที่ร่างกายอ่อนแอลง
ส่วนโรคร้ายที่แอบแฝงอยู่ในใจคน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกว่า “กิเลส”
ถ้าสบโอกาสเมื่อใด กิเลสก็จะกำเริบออกฤทธิ์เช่นกัน คือ ทั้งกัดกร่อน ทั้งบีบคั้น
ทั้งหมักดองใจให้เสื่อมคุณภาพลง แล้วส่งผลให้บุคคลคิดไม่ดี พูดไม่ดี
และทำไม่ดีตามมา หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ นานวันเข้าก็จะกลายเป็นนิสัยไม่ดีติดตัว
">
บุคคลที่มีนิสัยไม่ดีติดตัว
ย่อมมีความโน้มเอียงที่จะก่อกรรมชั่วบ่อยๆ เมื่อก่อกรรมชั่วบ่อยๆ ย่อมได้บาปบ่อยๆ
บาปนั้นย่อมเผาผลาญใจของเขาให้เสื่อมทรามลงเรื่อยๆ จนขาดปัญญาตรอง
ไม่เห็นคุณค่าของความดี แม้จะมีผู้หวังดี
หรือกัลยาณมิตรมาชักนำส่งเสริมสนับสนุนให้สร้างแต่กรรมดี
เขาก็จะทำกรรมดีอย่างเหยาะแหยะ เพราะการทำกรรมดีแต่ละครั้ง
ต้องสวนกระแสกิเลสที่ฝังแน่นอยู่ในใจของเขาอย่างแรง
ด้วยเหตุนี้การสร้างนิสัยดีให้เกิดขึ้นในแต่ละคน
จึงจำเป็นต้องมีการปลูกฝังกันตั้งแต่เยาว์วัย ก่อนที่จิตใจจะตกอยู่ใต้อำนาจกิเลส
เมื่อนิสัยดีเกิดขึ้นในใจอย่างมั่นคงแล้ว คนเราย่อมมีปัญญา
ตรองเห็นคุณประโยชน์อย่างแท้จริงของกรรมดี ตรองเห็นอันตรายของกรรมชั่ว
จึงพากเพียรทำกรรมดีบ่อยๆ
เมื่อทำกรรมดีบ่อยๆ
ก็ได้บุญบ่อยๆ บุญนั้นย่อมส่งผลให้มีความสุขและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
ชีวิตจึงประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง นี่คืออานิสงส์ของการสร้างนิสัยดี
">