ในวันบูชาครูวิชชาธรรมกาย วันที่ 23-กันยายน ที่ผ่านมานี้ ท่านได้มาร่วมงานบุญใหญ่ที่วัดพระธรรมกาย และปลื้มปีติใจมาก พอเสร็จงาน ช่วงเดินทางกลับท่านมีอาการอ่อนเพลีย หนาวสั่น มีไข้ขึ้นสูง ถ่ายอุจจาระปัสสาวะไม่ยอมหยุด จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่จังหวัดนครสวรรค์ แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในสมอง ต้องผ่าตัดโดยเร็ว จากนั้นท่านก็เข้ารับการผ่าตัด หลังจากรักษาแล้วอาการเหมือนจะดีขึ้น พูดคุยได้บ้าง ซึ่งพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยง เพื่อนสหธรรมิกก็คอยให้กำลังใจ ให้ท่านหมั่นนึกถึงบุญ และทำสมาธิภาวนาสัมมาอะระหังเอาไว้ แต่ต่อมาอาการของท่านกลับทรุดลง เริ่มไม่รู้สึกตัวและกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปในที่สุด จนกระทั่งในคืนวันเสาร์ที่ 9-ตุลาคมที่ผ่านมานี้ ท่านก็ถึงแก่มรณภาพ รวมเวลาสร้างบารมีในเพศสมณะได้ 80-วัน รวมสิริอายุได้ 54 ปี

 

 

        ก่อนที่ลูกพระธรรมทายาทธนิจจะมรณภาพนั้น ภาพกรรมนิมิตฝ่ายบุญกุศลที่ตัวท่านรู้สึกปลื้มปีติใจกับการบวชในครั้งนี้ ก็ได้มาปรากฏฉายให้ท่านได้เห็น และด้วยภาพของบุญดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้คตินิมิตของท่านผ่องใสและสว่างไสวเป็นอย่างมาก

 

 

        ดังนั้น เมื่อลูกพระธรรมทายาทธนิจมรณภาพแล้ว ท่านจึงได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรคนธรรพ์ อยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา โดยมีวิมานทำด้วยทอง ขนาดเล็กและมีบริวารประมาณสิบกว่าคน

 

 

        สำหรับบุพกรรมที่ทำให้ลูกพระธรรมทายาทธนิจมรณภาพก่อนหมดอายุขัยนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะวิบากกรรมปาณาติบาตที่ตัวท่านได้เคยทำเอาไว้ในภพชาติก่อนๆโน้น ได้ช่องตามมาส่งผล เรื่องก็มีอยู่ว่า ในภพชาติดังกล่าว ท่านได้เกิดเป็นกุลบุตร เมื่อท่านเติบโตขึ้นแล้ว ท่านก็ได้เข้ารับราชการทหาร (แต่ไม่ใช่ทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช)-และถูกบรรจุอยู่ในหน่วยรีดข่าว ซึ่งเมื่อท่านจับเชลยศึกมาได้แล้ว ท่านก็จะทำการรีดข่าวโดยการทรมานด้วยวิธีการต่างๆ

 

 

 

        ยกตัวอย่างเช่น ตัวท่านจะจับเชลยศึกให้นอนหงายกางแขนกางขาอยู่บนพื้น จากนั้นก็จะนำลิ่มไม้ที่แหลมคมตอกลงไปที่มือและขาทั้งสองข้างของเชลยศึก จนลิ่มไม้นั้นแทงทะลุมือและเท้าของเชลยศึกจมลงไปในดิน

 

 

 

        จากนั้น ตัวท่านก็จะทำการรีดข้อมูลและความลับจากเชลยศึก แต่ถ้าเชลยศึกผู้นั้นไม่ยอมปริปากบอกอะไร ท่านก็จะใช้วิธีการที่รุนแรงยิ่งขึ้นกับเชลยศึกผู้นั้น ด้วยการจับศีรษะของเชลยศึกฟาดไปกับพื้นดินอย่างรุนแรง และถ้าเชลยศึกผู้นั้นยังไม่ปริปากบอกข้อมูลอะไรอีก ท่านก็จะทรมานเช่นนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเชลยศึกผู้นั้นทนพิษบาดแผลไม่ไหว และได้เสียชีวิตไปในที่สุด

 

 

 

        หรือในบางครั้ง ตัวท่านจะจับเชลยศึกไปผูกติดกับเครื่องทัณฑ์ทรมานที่มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม คล้ายๆกับเป็นไม้กางแขน-กางขา ซึ่งทำจากไม้ไผ่ที่ถูกมัดรวมกัน และตั้งทำมุมกับพื้นดินสี่สิบห้าองศา เมื่อเชลยศึกคนใดถูกจับมามัดไว้บนเครื่องทัณฑ์ทรมานนี้แล้ว ขาทั้งสองข้างก็จะชี้ขึ้นฟ้า ส่วนหัวก็จะห้อยลงมาจนถึงพื้นดิน จากนั้นเชลยศึกก็จะถูกตรึงติดให้อยู่ในท่านั้น โดยต้องนอนตากแดดตากฝน อดข้าวอดน้ำ แล้วก็ถูกทรมานจนกว่าจะบอกความลับ ซึ่งถ้าเชลยศึกคนไหนทนไม่ไหวก็จะตายไปในที่สุด

 

        อีกทั้ง ในบางครั้งที่ท่านจับศีรษะของเชลยศึกที่ไม่ยอมปริปากบอกความลับ ฟาดไปกับกำแพงบ้าง ฝาผนังบ้าง จนร่างกายและศีรษะของเชลยผู้นั้นเต็มไปด้วยเลือด มีอาการสาหัส แต่ถ้าหากเชลยศึกคนใดยังปากแข็งไม่พูดไม่บอกในสิ่งที่ท่านต้องการแล้ว ท่านก็จะจับศีรษะของเชลยศึกผู้นั้นฟาดไปกับกำแพงหรือพื้นไปเรื่อยๆ จนกว่าเชลยศึกผู้นั้นจะยอมบอกข้อมูลออกมา แต่ถ้าไม่ยอมบอกอะไรอีก ท่านก็จะทรมานเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเชลยศึกผู้นั้นตายคามือในที่สุด

 

 

 

        ด้วยวิบากกรรมที่ลูกพระธรรมทายาทธนิจจับเชลยมาทรมานเพื่อรีดข่าว ด้วยวิธีการอันสุดโหดดังที่กล่าวมาข้างต้นนี้เอง จึงทำให้ตัวท่านต้องมาป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคเนื้องอกในสมอง ในภพชาติปัจจุบัน

 

 

 

************************