วิธีชนะคนพาล


[ 31 พ.ค. 2554 ] - [ 18306 ] LINE it!

 
 
วิธีชนะคนพาล
 
 
 
 วิธีชนะคนพาล
 
วิธีชนะคนพาล
 
 
 
         สำนวนว่า  “ตาต่อตา  ฟันต่อฟัน”  หรือ  “ลูกชาย สิบปีล้างแค้นไม่สาย”  เหล่านี้ล้วนเป็นบ่อเกิดแห่งการทะเลาะวิวาท  อาฆาตจองเวรกันไม่จบสิ้น  การดำรงอยู่ในโลกใบนี้  ยากที่จะไม่พบเจอพวกคนพาล  เมื่อต้องพบต้องเกี่ยวข้อง  ก็มีโอกาสถูกรุกรานทั้งด้วยคำพูดหยาบคาย  หรือถูกทำร้าย  ใส่ร้ายต่างๆ  หากเราถือตามสำนวนข้างต้น  หนึ่งก้อนอิฐมา  ก็ปาสองก้อนอิฐกลับไป  จะเป็นการก่อเวรภัยไม่จบสิ้น  ทำให้เราหลุดจากเส้นทางแห่งความดี  ออกข้างทางไปเป็นพวกเดียวกับคนพาล
 
          พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)  หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ เคยให้หลักปฏิบัติเมื่อเจอภัยคนพาล  ไว้ว่า  “ไม่สู้  ไม่หนี  ทำดีเรื่อยไป”  ไม่ช้าคนพาลก็จะแพ้ภัยตนเองไปในที่สุด  ในเรื่องนี้มีตัวอย่างจริงที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล  เป็นเรื่องราวของพระปุณณะ  ชาวสุนาปรันตะ  ที่มีหลักคิดในการอยู่ร่วมกับคนพาลอย่างยอดเยี่ยม  ดังนี้
 
          สมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตะวันอารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี  เขตกรุงสาวัตถี  ครั้นเวลาเย็นพระปุณณะได้มากราบทูลลาเพื่อไปหลีกออกเร้น  บำเพ็ญธรรมพระพุทธองค์จึงทรงประทานโอวาทโดยย่อเรื่อง  การสำรวมอินทรีย์  ๖  แล้วตรัสถามว่า
 
         “ ปุณณะ  เราให้โอวาทเธอด้วยโอวาทโดยย่อนี้  เธอจักอยู่ในชนบทไหน ”
 
          ท่านพระปุณณะกราบทูล ว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์จักอยู่ในชนบทชื่อ  สุนาปรันตะ ”
 
          “ ปุณณะ  พวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทเป็นคนดุร้ายนัก  เป็นคนหยาบคายนัก  ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทจักด่า  บริภาษเธอ  ในเรื่องนี้  เธอจักคิดอย่างไร ”
 
          “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ...  ในเรื่องนี้ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า “ มนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทเหล่านี้ดีหนอ  ดีจริงหนอที่ไม่ประหารเราด้วยฝ่ามือ ”  ข้าแต่พระผู้มีพระภาค  ในเรื่องนี้ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้  ข้าแต่พระสุคตในเรื่องนี้ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ ”
 
          “ ปุณณะ  ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทจักประหารเธอด้วยฝ่ามือ  ในเรื่องนี้เธอจักคิดอย่างไร ”
 
          “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า “ มนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทเหล่านี้ดีหนอ  ดีจริงหนอ ที่ไม่ประหารเราด้วยก้อนดิน
 
           ปุณณะ  ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทจักประหารเธอด้วยก้อนดิน  ในเรื่องนี้เธอจักคิดอย่างไร ”
 
          “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า “ มนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทเหล่านี้ดีหนอ  ดีจริงหนอ ที่ไม่ประหารเราด้วยท่อนไม้
 
          ปุณณะ  ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทจักประหารเธอด้วยท่อนไม้  ในเรื่องนี้เธอจักคิดอย่างไร ”
 
          “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า “ มนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทเหล่านี้ดีหนอ  ดีจริงหนอ ที่ไม่ประหารเราด้วยศัสตรา
 
          ปุณณะ  ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทจักประหารเธอด้วยศัสตรา  ในเรื่องนี้เธอจักคิดอย่างไร ”
 
          “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า “ มนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทเหล่านี้ดีหนอ  ดีจริงหนอ ที่ไม่ประหารเราด้วยศัสตราที่คม
 
          ปุณณะ  ถ้าพวกมนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทจักปลงชีวิตเธอด้วยศัสตราที่คม  ในเรื่องนี้เธอจักคิดอย่างไร ”
 
          “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ข้าพระองค์จักคิดอย่างนี้ว่า “ พระสาวกทั้งหลาย ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นอึดอัดระอา  รังเกียจอยู่ด้วยร่างกายและชีวิต  แสวงหาศัสตราเครื่องปลงชีวิตก็มีอยู่  เราได้ศัสตราเครื่องปลงชีวิตที่ไม่ได้แสวงหาเลย
 
         “ ดีละ  ดีละ  ปุณณะ  เธอประกอบด้วยความข่มใจและความสงบใจนี้  จักสามารถอยู่ในสุนาปรันตชนบทได้  ปุณณะเธอรู้เวลาอันสมควรในบัดนี้เถิด ”
 
         ครั้งนั้น  ท่านพระปุณณะชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วลุกขึ้นจากอาสนะ  ถวายอภิวาท  กระทำประทักษิณ  เก็บเสนาสนะเรียบร้อยแล้วถือบาตรและจีวรหลีกจาริกไปทางสุนาปรันตชนบท  เมื่อจาริกไปโดยลำดับก็ถึงสุนาปรันตชนบท
 
          ได้ยินว่า  ท่านพระปุณณะอยู่ที่สุนาปรันตชนบทนั้นในระหว่างพรรษานั้น  ท่านให้ชาวสุนาปรันตชนบทนั้นในระหว่างพรรษานั้น  ท่านให้ชาวสุนาปรันตชนบท  แสดงตนเป็นอุบาสกประมาณ ๕๐๐  คน  แสดงตนเป็นอุบาสิกาประมาณ ๕๐๐ คน  ระหว่างพรรษานั้นเหมือนกัน  ท่านปุณณะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ด้วยวิชชา ๓ คือ ระลึกชาติได้  มีตาทิพย์  เห็นการไปเกิดมาเกิด  ของสัตว์ทั้งหลาย  และทำอาสวะกิเลสให้สิ้นไปได้  และสมัยต่อมาก็ได้ปรินิพพาน
 
 
 
ต้องเอาชนะคนไม่ดีด้วยความดี
ต้องเอาชนะคนไม่ดีด้วยความดี
        
 
        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า  “ต้องเอาชนะคนไม่ดีด้วยความดี”  แต่จะทำได้อย่างนั้น  จุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ  การระงับใจมิให้เกิดความโกธรแค้นต่อภัยที่เกิดจากคนพาลเสียก่อน  ถือ หลักว่า “โกธรคือโง่ โมโหคือบ้า”  แล้วตอบโต้ด้วยการทำความดีให้หนักขึ้น  ก็จะเกิดเป็นตบะบารมีที่จะป้องกันระงับภัยที่จะเกิดขึ้นอีก  จนคนพาลเกิดสำนึกเปลี่ยนจิตกลับใจ  หรือแพ้ภัยตนเองไป  จึงจะได้ชื่อว่า  ชนะด้วยความดี
 
 
แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า  47 - 51
 
 
 
 
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้ชี้ชะตาโลกผู้ชี้ชะตาโลก

ผู้อยู่ใกล้ตถาคตผู้อยู่ใกล้ตถาคต

น้ำศักดิ์สิทธิ์  แก้วิบากกรรมน้ำศักดิ์สิทธิ์ แก้วิบากกรรม



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก