อานิสงส์ถวายงา


[ 20 ก.ค. 2554 ] - [ 18307 ] LINE it!

อานิสงส์ถวายงา
 
อานิสงส์ถวายงา
 
     วันคืนผ่านไป ได้นำพาสังขารร่างกายของเราไปสู่ความเสื่อมสลาย  จากผมที่เคยดกดำเหมือนสีขนนกกาน้ำ ก็เปลี่ยนแปลงเป็นสีขาวราวกับปุยฝ้าย  ร่างกายที่เคยแข็งแรง สดชื่นแจ่มใสก็อ่อนแอไปตามกาลเวลา บัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลายจึงดำรงชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท และตระหนักว่าคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตและแก่นสารของชีวิต คือการสั่งสมบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป จนกว่าบุญบารมีจะเต็มเปี่ยมบริบูรณ์  กระทั่งสามารถทำอาสวกิเลสให้หมดสิ้นไป เข้าสู่อายตนนิพพานได้
 
มีวาระพระบาลีที่ปรากฏอยู่ใน ติลทักขิณวิมาน ความว่า
 
“อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ       วิปฺปสนฺนมนาวิลํ
อาสชฺช ทานํ อทาสิ       เตน เม อิธมิชฺฌติ
 
     เราได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลีกิเลส ผ่องใสไม่มัวหมอง  ก็เลื่อมใส ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจถวาย ก็ได้ถวายทานอย่างกะทันหัน ผลแห่งบุญจึงสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์”
 
     การทำใจให้เบิกบานผ่องใส และตัดความตระหนี่ออกจากใจได้อย่างเด็ดขาด แล้วตั้งใจให้ทานด้วยมือของตนเองนั้น  หากไม่มีหัวใจเยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์แล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกระทำได้เลย  แต่ทว่าผู้ใดสวมหัวใจพระโพธิสัตว์ที่คิดทำก่อน ไม่ใช่คิดดูก่อน ก็จะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดบุญกุศลอย่างใหญ่หลวง เป็นทางไหลมาของกระแสธารแห่งบุญอันใสบริสุทธิ์ แล้วผลแห่งบุญนั้นก็จะทำให้สมความปรารถนาในทุกเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์
 
     * เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยก่อน เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ตอนนั้นพระองค์ประทับอยู่ที่พระเชตวัน อารามที่อนาถปิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย  พระบรมศาสดาทรงเปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาอันไม่มีประมาณ  ทุกๆ วันเวลายํ่ารุ่ง พระองค์จะทรงบำเพ็ญพุทธกิจอย่างหนึ่งคือ การตรวจดูสัตว์โลกทั้งหลาย เพื่อที่จะโปรดผู้มีบุญมีบารมีธรรมแก่รอบควรที่จะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน  เมื่อตรวจดูแล้ว หากเห็นผู้ใดเข้ามาในข่ายพระญาณ พระองค์ก็จะเสด็จไปโปรดด้วยการแสดงธรรมให้ฟัง แม้ว่าผู้นั้นจะอยู่ไกลสักเพียงใด พระองค์ก็จะเสด็จไปถึงสถานที่แห่งนั้น นี่คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราผู้มีมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่  ไม่มีศาสดาใดยิ่งกว่า
 
     ในสมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์ หญิงผู้หนึ่งมีครรภ์แก่จวนคลอด อยากจะดื่มนํ้ามันงา จึงล้างเม็ดงาแล้วตากแดดไว้ แล้วก็ทำภารกิจประจำวันของตัวเองไป เพื่อรอคอยที่จะนำเมล็ดงาที่ตากแห้งแล้วมาคั้นเอานํ้ามัน  แต่นางไม่รู้ว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายของนางที่จะมีชีวิตอยู่ในโลก  กรรมเก่าในอดีตได้ตามมาทันและจะส่งผลในวันนั้น  อีกทั้งในภพชาตินี้ก็ไม่ได้สร้างบุญใหม่เพิ่มเติมเลย มัวแต่ยุ่งอยู่กับภารกิจการงาน เรื่องครอบครัว ไม่มีเวลาทำบุญกุศล  ทำให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างประมาทโดยไม่รู้ถึงภัยคือมรณะที่กำลังจะมาถึง
 
     ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูโลกในเวลาใกล้รุ่ง ทอดพระเนตรเห็นหญิงนี้เข้ามาในข่ายพระญาณ  ทรงดำริว่า "วันนี้หญิงผู้นี้จะถูกกรรมเก่ามาตัดรอน ทั้งตัวของนางเองก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะสร้างบุญใหม่เลย หากนางตายไปก็จะต้องไปบังเกิดในมหานรก  อย่ากระนั้นเลย แม้นางไม่สามารถจะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในภพชาตินี้เพราะบารมียังไม่เต็มเปี่ยม เราก็พึงทำหนทางไปสู่สวรรค์ให้นาง  เอาเถิดวันนี้เราจะไปโปรดนาง แล้วให้นางสร้างบุญ เอาบุญใหญ่ก่อนตาย" ดำริดังนี้แล้ว พระองค์ก็ทรงครองจีวร เสด็จออกจากพระคันธกุฎี จากกรุงสาวัตถีไปปรากฏที่กรุงราชคฤห์ในทีนั้นเอง
 
     เมื่อถึงแล้ว พระองค์ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์แล้วเสด็จมาหน้าประตูบ้านของหญิงมีครรภ์นั้น  นางไม่รู้ถึงอันตรายแห่งชีวิตของตนเอง เมื่อเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาประทับยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านก็ดีใจรีบผละจากการทำการงานของตน ประคองอัญชลีประนมมือทำความเคารพพระพุทธองค์ พลางคิดว่า “วันนี้เป็นบุญลาภของเรายิ่งนักที่ได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า  เราจะเอาอะไรหนอสร้างบุญกับพระพุทธองค์”  นางคิดอย่างนี้แล้วก็มองหาสิ่งของ ไม่เห็นสิ่งอื่นนอกจากเมล็ดงาที่ตนเองตั้งใจจะคั้นเป็นนํ้ามันเพื่อรับประทานเอง
 
     ด้วยความคิดที่คิดจะทำบุญทันที ไม่ได้มีความคิดที่จะขอคิดดูก่อน นางรีบตะล่อมงาเป็นกอง แล้วกราบนิมนต์พระผู้มีพระภาคว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดอนุเคราะห์แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอจงทรงรับไทยธรรมของคนยาก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ข้าพระองค์ต่อไปในภายภาคหน้าด้วยเถิด”  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงน้อมบาตรเข้าไปรับอาหารของนาง นางดีใจมากเอามือทั้งสองข้างกอบงาแล้วก็ใส่ลงในบาตรของพระพุทธองค์ จากนั้นก็ถวายบังคม ครั้นพระพุทธองค์ทรงรับบาตรแล้ว ก็ตรัสว่า “ขอท่านจงเป็นสุขเถิด” แล้วเสด็จกลับไป
 
     หลังจากนั้นนางเกิดความปีติที่ได้สร้างบุญกับพระพุทธองค์มาก แม้จะทำภารกิจการงานทั้งวันก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแม้แต่นิดเดียว หัวใจแช่มชื่นเบิกบานด้วยกระแสธารแห่งบุญที่บังเกิดขึ้น ใครก็ตามที่ได้สร้างบุญด้วยหัวใจที่เบิกบานผ่องใส ตัดความตระหนี่ออกจากใจได้อย่างเด็ดขาด  ทำความรู้สึกว่า แม้จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายแล้วก็ตาม ก็ขอเอาบุญก่อน ท่อธารแห่งบุญใสๆ ที่ไม่มีประมาณจะเกิดขึ้นหล่อเลี้ยงใจ เหมือนกระแสบุญที่เกิดกับทานบดีหญิงท่านนี้ ยิ่งเมื่อใจอยู่ในบุญ ระลึกถึงบุญอยู่อย่างนี้ บุญก็จะยิ่งทับทวีเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ
 
     คืนนั้น นางได้ป่วยเป็นโรคปัจจุบันทันด่วนอย่างกะทันหัน และสิ้นใจทันที แต่ด้วยอานุภาพบุญที่ได้ถวายทาน สร้างบุญก่อนตาย จึงส่งผลให้นางได้ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บังเกิดในวิมานทองที่กว้างใหญ่ถึง ๑๒โยชน์ วิมานของนางสว่างไสวมาก มีสีสันงดงามอลังการ แสงแห่งวิมานได้เปล่งประกายไปทั่วทุกทิศ เป็นแสงนวลที่เย็นตาเย็นใจ  ทิพยสมบัติของนางที่บังเกิดขึ้นก็ล้วนแต่สำเร็จด้วยทองและรัตนะอันเป็นทิพย์ แม้แต่รัศมีที่ออกจากเรือนร่างก็เป็นรัศมีสีทองที่สวยงามมาก
 
     พระมหาโมคคัลลานะ จาริกไปพบวิมานทองของนางและรัศมีกายที่สว่างไสว ท่านจึงถามขึ้นว่า “ดูก่อนเทพธิดา ท่านมีวรรณะที่งดงามยิ่งนัก มีแสงสว่างไปทั่วทุกทิศเหมือนดาวประกายพรึก รุ่งเรืองเกินกว่าเทวดาทั้งหลาย ท่านได้สร้างบุญพิเศษอะไรไว้หนอ รัศมีของท่านจึงสุกใสดั่งทองคำ ทั่วทุกทิศก็สว่างไสวด้วยรัศมีที่ออกจากร่างกายของท่าน”  
 
     เทพธิดาได้เล่าประวัติการสร้างบารมีของตนเองว่า “สมัยที่ดิฉันได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น ได้ถวายงาแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยผลบุญที่ดิฉันได้กระทำแม้เพียงน้อยนิดนั้น ส่งผลให้ดิฉันได้ทิพยสมบัติอันน่าอัศจรรย์” พระเถระฟังถ้อยคำของเทพธิดาแล้ว ก็นำเรื่องราวการสร้างความดีของเทพธิดามากราบบังคมทูลแก่พระศาสดา พระพุทธองค์ก็ตรัสถึงผลบุญว่า “บุญนี้มีผลอันน่าอัศจรรย์อย่างนี้แหละ” แล้วทรงแสดงธรรม ทำให้พุทธบริษัททั้งปวงต่างตระหนักในการสร้างบุญยิ่งๆ ขึ้นไป
 
     เราจะเห็นว่า วิมานทองคอยรองรับผู้ที่ทำบุญเอาไว้อย่างดีแล้ว โดยเฉพาะการทำบุญที่ถูกทักขิไณยบุคคล ย่อมได้บุญสุดที่จะนับจะประมาณได้ การที่เราที่ประมาทในการใช้ชีวิตนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเลย เพราะเราไม่รู้ว่า มรณภัยจะมาถึงตัวเราเมื่อไหร่เหมือนหญิงท่านนี้ ซึ่งหากไม่ได้พระศาสดา นางก็คงไม่มีที่พึ่ง
 
     พวกเราทั้งหลายควรจะตอกยํ้ากับตัวเองบ่อยๆ ว่า เราจะต้องสร้างบุญทุกๆ วัน ไม่ให้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว  ปัจจุบันนี้เรามีความเป็นอยู่ที่ไม่อดอยากยากเข็ญถึงเพียงนั้น ก็ให้หมั่นทำบุญตักบาตรทุกเช้า หมั่นสมาทานศีลและนั่งสมาธิกันเป็นประจำ  ต้องเอาบุญกันให้เต็มที่ อย่าได้ประมาท เกิดมาแล้วต้องทำความดีจนคุ้น  เหมือนหมู่ภมรที่คุ้นกับละอองเกสร เมื่อละโลกแล้วเราจะได้มีสุคติเป็นที่ไปกันทุกคน

พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๔๘ หน้า ๘๙


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานิสงส์ถวายทานด้วยตัวเองอานิสงส์ถวายทานด้วยตัวเอง

อานิสงส์ถวายเภสัชอานิสงส์ถวายเภสัช

อานิสงส์การเป็นศรีภรรยาที่ดีอานิสงส์การเป็นศรีภรรยาที่ดี



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน