ความสุขที่ไร้พรมแดน อยู่ที่ศูนย์กลางกาย


[ 30 ก.ค. 2554 ] - [ 18267 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2554
ความสุขที่ไร้พรมแดน อยู่ที่ศูนย์กลางกาย

 
 
 
พลิกชีวิตด้วยบุญบวช
ตอน ความสุขที่ไร้พรมแดน อยู่ที่ศูนย์กลางกาย
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
        กระผม พระชัย ชาตรูโป อายุ 29 ปี ปัจจุบันเป็นพระพี่เลี้ยง อยู่ที่ศูนย์อบรมวัดภาวนาภิรตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ขอรายงานตัวครับ หลวงพ่อครับ กระผมเป็นชาวพม่าครับ ชีวิตของกระผมก่อนมาบวช บอกได้อย่างเดียวครับว่า “ต้องสู้เท่านั้นจึงจะชนะ” ชีวิตของกระผมที่ผ่านมา เดี๋ยวมันก็ขึ้นเดี๋ยวมันก็ลง เหมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาเลยครับ กว่าชีวิตของกระผมจะพบกับความสดใสเหมือนรถไฟที่ได้กลับเข้าชานชาลา ก็คือ...ตอนที่กระผมได้มาพบกับหลวงพ่อนี่ละครับ
 
พระชัย ชาตรูโป
 
พระชัย ชาตรูโป
 
        หลวงพ่อครับ ชีวิตของกระผมทั้งต้องดิ้นรนทั้งต้องอดทนสารพัดเพื่อความอยู่รอด มาตั้งแต่กระผมอายุได้ 16 ปีครับ กระผมเริ่มเข้ามาทำงานในเมืองไทยเป็นครั้งแรกเมื่อ 13 ปีที่แล้วครับ โดยตอนนั้นกระผมได้ทำงานเป็นคนงานอยู่ที่สวนเผือกที่ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ แต่ปะเหมาะเคราะห์ร้าย เกิดเหตุการณ์พม่ากับไทยใหญ่ยิงกันเสียก่อน กระผมจึงต้องระเหเร่ร่อนไปหางานใหม่และได้งานที่โรงงานผลิตไม้แถวๆอำเภอแม่แจ่ม ได้ค่าจ้างวันละ 85 บาทครับ เมื่อรวมค่าล่วงเวลาแล้ว กระผมได้ค่าจ้าง 4,500 บาทต่อเดือน โดยต้องทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน และด้วยความที่กระผมเป็นคนที่รักแม่มาก อยากดูแลท่าน เพราะท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ กระผมจึงส่งเงินไปให้ท่านใช้เดือนละ 3,000 บาททุกเดือน ตอนนั้นกระผมมีชีวิตแบบกระท่อนกระแท่นมากครับ เพราะเงินไม่พอใช้
 
        กระผมอดทนทำงานอยู่ที่นั่น 2 ปี จนรู้สึกว่าไส้แห้งแบบเหลืออดแล้ว จึงไปขอลาออก แล้วได้ไปทำงานเป็นคนงานก่อสร้างครับ ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย คือ ได้วันละร้อยกว่าบาท งานที่กระผมทำ ก็มีแต่แบกๆหามๆ ทั้งหนักทั้งเหนื่อย ร้อนก็ร้อน แต่ใจของกระผมก็สู้นะครับ แต่แล้วกระผมก็โดนโกงค่าแรง เมื่อนายจ้างไม่ยอมจ่ายค่าจ้างเอาดื้อๆ ครั้นจะให้กระผมไปเอาเรื่องเรียกร้องอะไร กระผมก็ทำไม่เป็น กระผมจึงต้องยอมยกธงและลาจากมาอย่างเงียบๆ ถึงแม้ในตอนนั้นกระผมจะรู้สึกผิดหวังกับการโดนโกงค่าแรงสักเพียงไร แต่กระผมก็ไม่ถึงกับสิ้นหวังในชีวิตนะครับ เพราะความรู้สึกในใจลึกๆแล้ว กระผมคิดถึงแม่ และเป็นห่วงท่านมากกว่าห่วงตัวเองเสียอีกครับ กระผมจึงบอกกับตัวเองว่า “เพื่อแม่ เราจะไม่ยอมแพ้ เราจะไม่ท้อแท้ และไม่ยอมท้อถอยง่ายๆ”
 
        จากนั้น กระผมจึงตัดสินใจเดินทางไปจังหวัดระยอง และไปได้งานทำที่โรงงานผลิตเส้นด้ายแห่งหนึ่งครับ ได้เงินเดือนเดือนละ 28,000 บาท กระผมดีใจมากครับ แต่ต้องทำงานหนักวันละ 16 ชั่วโมงทุกวันไม่มีวันหยุด ในเวลานั้นใจของกระผมคิดสู้อย่างเดียว แต่ชีวิตของกระผมก็ไม่วายต้องประสบโชคร้ายซ้ำซ้อนอีก เมื่อโรงงานประกาศปิดกิจการ กระผมได้แต่งุนงงเป็นอย่างมากกับชีวิตของตนเองครับ กระผมได้แต่คิดว่า “ทำไม โชคถึงไม่เข้าข้างเราสักที และทำไม ชีวิตของเราถึงมีแต่เรื่องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า” กระผมคิดไปก็หางานใหม่ทำไปด้วย และไปได้งานใหม่ที่โรงงานทำถุงมือยาง ซึ่งค่าจ้างที่เขาให้ก็พอถูๆไถๆสำหรับไว้เป็นค่าใช้จ่าย กระผมจึงตกลงใจทำงานกับเขาอย่างเสียไม่ได้ครับ
 
        ตอนนั้น กระผมนอนคิดทุกวันว่า “เราคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ชีวิตของเราดีขึ้น” กระผมจึงตื่นตั้งแต่ตีสาม มาหุงข้าวทำกับข้าวใส่บาตรทุกวัน จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่กระผมยืนรอใส่บาตรอยู่นั้น ก็มีผู้นำบุญชื่อ “ครูต่าย” เดินเข้ามาคุยกับกระผม ถามชื่อ, ที่อยู่ และก็ขอเบอร์โทรศัพท์ของกระผมไปครับ จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณเดือนกว่าๆ ครูต่ายก็โทรศัพท์มาถามว่า “ชัยอยากบวชไหม” กระผมตอบทันทีว่า “อยากบวชครับ” จากนั้นครูต่ายได้จัดการดำเนินเรื่องให้กระผมทุกอย่าง จนกระผมได้มาบวชในรุ่นแสนแรกครับ
 
พระชัย ชาตรูโป
 
พระชัย ชาตรูโป
 
        พอเข้าโครงการก็รู้สึกชอบใจมาก แต่หลวงพ่อครับ กระผมขอสารภาพครับว่า แรกๆกระผมนั่งสมาธิไม่ได้เลย เพราะเพื่อนข้างๆมัวแต่ผุดลุกผุดนั่ง บางคนก็คุยกันครับ ใจกระผมจึงไม่นิ่ง จนกระทั่งถึงวันบรรพชาเป็นสามเณร กระผมก็ยังนั่งไม่ได้ครับ ตอนนั้นกระผมไม่รู้จะทำใจอย่างไร กระผมจึงนั่งหลับตาเล่นๆและภาวนา “สัมมาอะระหัง” กำกับ แล้วเอาใจใส่ไว้ที่กลางท้อง แต่อยู่ดีๆก็มีแสงสว่างวาบออกมาที่หน้ากระผมครับ จากนั้นตัวกระผมก็เบาขึ้นๆเรื่อยๆ แล้วกระผมก็เห็นคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูงครับ กระผมจึงอธิษฐานกับท่านว่า “ถ้าผมมีครูบาอาจารย์จริง ก็ขอให้ผมนั่งสมาธิได้ และขอให้ชีวิตของผมมีแต่ความสุขความเจริญ”
 
ภาพวาดประสบการณ์ภายในของพระชัย ชาตรูโป
 
ภาพวาดประสบการณ์ภายในของพระชัย ชาตรูโป
 
        จากนั้น ก็มีองค์พระผุดออกมาจากกลางกายของกระผมครับ องค์พระสว่างมาก ตอนนั้นตัวกระผมเบามากเหมือนตัวเองไร้น้ำหนักเหมือนสำลี และรู้สึกว่าตัวเองหายไปเหมือนไม่มีตัวตนครับ กระผมเห็นองค์พระชัดมาก องค์พระเป็นสีทองดูงามมากเหมือนมีชีวิต และกายของท่านยังมีรัศมีเปล่งแสงออกมาด้วยครับ กระผมดูท่านไปก็รู้สึกปลื้มใจมาก มีความสุขมาก พอออกจากสมาธิ กระผมรีบโทรศัพท์ไปหาโยมแม่ทันที และบอกท่านว่า “พระเอาบุญมาฝาก และพระคงไม่สึกแล้ว เพราะพระจะช่วยหลวงพ่อฟื้นฟูพระพุทธศาสนา หากไม่ตายคงจะได้เจอกันอีก” ซึ่งโยมแม่ก็อนุโมทนากับกระผมด้วยครับ แล้วกระผมมาทราบทีหลังว่า จู่ๆอาการป่วยของโยมแม่ก็หายเป็นปกติอย่างน่าประหลาดใจ
 
        หลวงพ่อครับ กระผมปลื้มมาก และกระผมอยากจะบอกกับหลวงพ่อเหลือเกินครับว่า “กระผมรู้สึกว่าหลวงพ่อเหมือนพ่อของกระผมครับ ขออันตรายใดๆอย่าได้เกิดกับหลวงพ่อเลยครับ ขอให้หลวงพ่อมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ กระผมรักหลวงพ่อมากๆครับ”
 
กราบคารวะด้วยความเคารพอย่างสูง
 
พระชัย ชาตรูโป
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก ตอนที่ 4ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก ตอนที่ 4

เรียน DOU เพื่อตนเอง เพื่อสังคม และเพื่อโลกของเราเรียน DOU เพื่อตนเอง เพื่อสังคม และเพื่อโลกของเรา

บวชเปลี่ยนชีวิตบวชเปลี่ยนชีวิต



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน