ทำไมจึงฝันร้ายและความฝันเกิดจากสาเหตุใด


[ 28 ต.ค. 2554 ] - [ 18267 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา
 
 
 

คำถาม: เวลาลูกนอนหลับทำไมจึงฝันเป็นประจำ ทั้งๆ ที่ก่อนนอน ลูกก็ไหว้พระ สวดมนต์เป็นประจำ บางครั้งก็ฝันเห็น หรือได้เกี่ยวข้องกับบุคคลที่เราไม่รู้จัก หรือคุ้นเคยกันมาก่อนทั้งๆ ที่ไม่คิดอะไรมาก่อน ขอเรียนถามหลวงพ่อว่าความฝันเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไรคะ ?

 
เวลานอนหลับทำไมจึงฝันเป็นประจำ
เวลานอนหลับทำไมจึงฝันเป็นประจำ
 

คำถาม: ทำไมเวลานอนหนูมักฝันเห็นสิ่งที่น่ากลัว ทั้งๆ ที่ก่อนนอนหนู ก็ไหว้พระนะคะ หนูเพิ่งมาปฏิบัติ ธรรมได้ ๕ เดือน

คำตอบ:  ความฝันของมนุษย์มีสาเหตุอยู่ ๔ อย่าง คือ
        ๑. ฝันเพราะธาตุกำเริบ
        ๒. ฝันเพราะความกังวล หรือมีนิวรณ์ ๕ หรือสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
        ๓. ฝันเพราะเทวดามาบอกเหตุ
        ๔. ฝันเพราะกรรมในอดีตมาบอกเหตุ
 
        ธาตุกำเริบ คือธาตุภายในตัวแปรปรวนไป เนื่องจากสุขภาพไม่ดี อาจจะท้องเสีย อาจเป็นไข้ ธาตุภายนอกกำเริบ เช่นอากาศในห้องนอนมันถ่ายเทไม่ดี เพราะหน้าต่างมันน้อย อากาศไม่พอหายใจก็ทำให้ฝันได้ หรือว่าอากาศถ่ายเทเร็วเกินไป ลมโกรกตลอด ตกดึกมันหนาว ทำให้ธาตุในตัววิปริต ก็ทำให้ฝันได้ บ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ๆ กิ่งก้านแผ่คลุมบ้านทั้งหลัง ต้นไม้มันก็แย่งอากาศออกซิเจนที่เราต้องใช้หายใจตอนกลางคืน ทำให้อึดอัดๆ ธาตุวิปริตทั้งภายนอกภายใน ก็ฝันเป็นตุเป็นตะได้เหมือนกัน
 
        จิตนิวรณ์ คือกังวลในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็ทำให้ฝันได้
 
        เทวดามาบอกเหตุ คนบางคนสร้างบุญไว้มาก จนเทวดาลงรักษา จะมีเรื่องด้วย เรื่องดีอะไร ก็มาบอกเหตุทำให้ฝัน อย่างที่พูดกันว่าเทวดามาเข้าฝัน
 
        กรรมบอกเหตุ คือกรรมในอดีตของเรามาเตือนว่าเหตุอันนี้จะเกิดขึ้น ในกรณีที่ฝันเป็นประจำ อาจอยู่ใน ๒ สาเหตุแรก ถ้ากังวลก็เป็นเรื่องของธาตุวิปริต คือสุขภาพคุณไม่ดี ไปหาหมอเสียนะ หรือห้องนอนอับลม มีต้นไม้มากเกินไป ก็ตัดก็รานกิ่งมันเสียบ้าง ให้โปร่งโล่งขึ้น อากาศจะได้ไหลถ่ายเทสะดวกขึ้น จะได้นอนหลับสบาย เลิกฝันกันเสียที
 
        หลวงพ่อเมื่อก่อนนี้ก็เหมือนกัน ตามธรรมดาเป็นคนที่ไม่ค่อยจะฝัน แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนที่เป็นพระนี่แหละที่หลวงพ่อฝันเกือบทุกคืน แล้วเป็นการฝันที่ไม่ได้เรื่องได้ราว ก็หาสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไรในที่สุดก็พบคือที่กุฏิหลวงพ่อเขาปลูกต้นการเวกเอาไว้เป็นซุ้มรอบกุฏิใบการเวกนี่มันจะแย่งอากาศแย่งออกซิเจนไป แล้วคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา เพราะฉะนั้นหลวงพ่อก็ขาดออกซิเจน ทำให้ธาตุในตัววิปริต เมื่อธาตุมันวิปริตก็เลยมีอาการฝันเพ้อเจ้อไป ต่างๆ นานา
 
ทำไมจึงฝันร้าย
ทำไมจึงฝันร้าย
 
        การฝันเลอะเทอะไม่ได้เรื่องราวแน่นอน ไม่ใช่เทวดาบอกเหตุไม่ใช่กรรมบอกเหตุ จะต้องเป็น ๒ อย่างแรก คือ ถ้าไม่ฝันเพราะความกังวลเพราะสุขภาพ ก็ฝันเพราะธาตุภายนอกพวกสิ่งแวดล้อมเป็นแน่ ตรวจสอบตนเองแล้วก็มั่นใจว่าเราเป็นคนนั่งสมาธิมาเป็นแรมปีไม่มีกังวลแน่ ร่างกายเราโดยทั่วไปก็แข็งแรงดี แล้วธาตุจะวิปริตได้อย่างไรก็เหลือธาตุภายนอก ก็อาศัยวิชาเกษตรที่เรียนมาเป็นเครื่องตรวจสอบ อ้อ...ตอนดึกๆ นี่เป็นบ่อย โดยเฉพาะเวลาอากาศค่อนข้างอบอ้าว ดึกๆ จะฝันอึดอัดๆ แล้วตื่นขึ้นมาประมาณตี ๑ ตี ๒ จากนั้นนอนไม่หลับ อึดอัดอย่างนี้คงไม่ใช่อะไร เจ้าต้นการเวกนี่เอง ก็เลยสั่งโค่นทิ้ง พอโค่นทิ้ง วันนั้นก็เลิกฝันคืนนั้นเหมือนกันแล้วยังได้ทดลองต่อจนพบว่า
 
        พวกต้นไม้ใหญ่ที่เขาเรียก ต้นไม้ผีสิงได้ทดลองไปปักกลดนอนใต้ ต้นตอนกลางคืน พบว่าต้นไม้ที่ว่าผีสิงส่วนมากจะเป็นต้นไม้ที่ใบหน้าทึบ เช่น ต้นโพธิ์ ต้นไทร ใบมันทึบเป็นช่อเป็นชั้นแน่น เราไปนอนอยู่โคนต้น จึงถูกต้นไม้ มันแย่งอากาศออกซิเจนเกือบหมด เราจึงอึดอัดแล้วก็ฝันร้าย ถ้าจะนอนไม่ให้ฝันร้าย ต้องริดกิ่งข้างล่างทิ้งเสียให้หมด ให้มันโปร่ง แล้วจะนอนสบาย ผีสาง นางไม้ไม่มารบกวนแน่ ต้นเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างนี้นะ
 
        เพราะฉะนั้นก็ทำความเข้าใจด้วย สำหรับคุณหนูที่ถามปัญหาขอแนะนำให้ทำอย่างนี้ก็แล้วกันคือ ก่อนนอกนอกจากสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ แล้วก็ให้แผ่เมตตาด้วย คือพอนั่งแล้วรู้สึกสบายใจอย่างไร ก็นึกให้คนอื่นทั้งโลก รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลายสบายใจเหมือนอย่างเรา
 
        เมื่อทำอย่างที่ว่าแล้ว หนูไปดูสิว่าการระบายลม การระบายอากาศในห้องนอนของหนูดีไหม ถ้าห้องของเราอุดอู้ ออกซิเจนไม่พออากาศไม่พอก็จะฝันร้าย หรือไม่อย่างนั้นบางทีเราเปิดหน้าต่างโล่งหมดตกดึกลมโกรกหนาวจัดไป นั่นก็จะฝันร้าย ก็ไปดูให้ดีว่าจริงๆ แล้ว เพราะอะไรกันแน่ ไปสังเกตเอานะ แล้วแก้ที่ต้นเหตุ การฝันเห็นสิ่งที่น่ากลัวจะหมดไป
 
คำถาม: ไม่เคยทำจิตให้สงบในการนั่งสมาธิได้เลย นั่งสมาธิทีไร จะต้องฟุ้งซ่านเสมอ แต่ถ้านั่งสงบจิตแผ่เมตตา รู้สึกจะทำได้ดี เพราะอะไรคะ?
 
การแผ่เมตตาถือว่าเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง
การแผ่เมตตาถือว่าเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง
 
คำตอบ:   การแผ่เมตตาที่คุณทำนั้น ถือว่าเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งอยู่แล้ว มันทำให้ใจสงบ แต่ว่ายังไม่ตั้งมั่นเท่าที่ควรจะเป็นคราวต่อไปพอแผ่เมตตาจนใจชุ่มดีแล้ว ก็ให้กำหนดนิมิตเป็นองค์พระหรือเป็นดวงแก้วเอาไว้ในกลางท้องไปเลย พอทำอย่างนั้นอาการฟุ้งซ่านจะค่อยๆ หายไป จิตก็จะสงบเป็นสมาธิในที่สุด
 
คำถาม: ผมอยากทราบว่าขณะนั่งสมาธิด้วยกัน คนที่เข้าถึงธรรมกายแล้ว จะใช้จิตช่วยคนอื่นให้เข้าถึงธรรมกายเหมือนกันด้วยได้หรือไม่?
คำตอบ:   ไม่ได้ เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสไว้ชัดทีเดียวว่า แม้จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นได้แต่เพียงผู้ชี้ทาง ส่วนบุคคลอื่นเมื่อพระองค์ชี้ทางให้แล้วก็ต้องปฏิบัติเอง จะไปรอให้ใครช่วย อย่ารอเลยนะ เพราะเรื่องนี้ใครทำใครได้นะ
 
อตฺตาหิ อตฺโน นาโถ  “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
อตฺตาหิ อตฺโน นาโถ “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
 
        แต่ว่าแน่นอน ถ้าเราอยู่ใกล้ผู้เข้าถึงธรรมกายที่ท่านชำนาญแล้ว ท่านจะช่วยเราได้หลายๆ อย่าง เช่น พอใจเราเริ่มจะเขวไปคิดเรื่องไม่ดี ท่านก็เห็นในสมาธิของท่าน เห็นแล้วท่านจะเตือนสติเราเลยนี่คุณทำไมไปคิดเรื่องไม่ดีอย่างนั้น เราได้ยินแล้วก็สะดุ้งเลย เหมือนท่านมากระชากใจของเราให้กลับมาที่ศูนย์กลางกาย คนเราก็แปลกพอรู้ว่ามีคนอื่นรู้ว่าเราคิดอะไร ทีนี้ก็ระวังตัวแจ อะไรที่ไม่ดี ไม่กล้าคิดแล้ว ใจมีโอกาสจรดเข้าศูนย์กลางกายได้ง่ายเข้า
 
        เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติธรรม จึงนิยมไปฝึกไปปฏิบัติกับพระอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติด้วยตัวของท่านได้แล้ว ส่วนจะเข้าถึงธรรมได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าได้ตั้งใจทุ่มเทปฏิบัติตามที่ท่านสอนครบถ้วนแค่ไหน


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สมาธิเปลี่ยนนิสัยคนได้จริงหรือสมาธิเปลี่ยนนิสัยคนได้จริงหรือ

กระดูกจะกลายเป็นพระธาตุได้อย่างไรกระดูกจะกลายเป็นพระธาตุได้อย่างไร

ตอนนั่งสมาธิทำไมจิตใจมักคิดถึงแต่เรื่องไม่ดีตอนนั่งสมาธิทำไมจิตใจมักคิดถึงแต่เรื่องไม่ดี



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา