พระภัททกาปิลานี เกิดในตระกูลดีแต่มีกลิ่นตัวแรง


[ 4 เม.ย. 2555 ] - [ 18289 ] LINE it!

ทองคำ
 
กับเส้นทางการสร้างบารมี
ของผู้มีบุญในพระไตรปิฎก
 
พระภัททกาปิลานีเถรี 
 

        หากคุณเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยงาม เกิดในตระกูลที่ดี แต่มีกลิ่นตัวเหม็นขนาดที่สามีทนไม่ไหว จนต้องไล่ออกจากบ้าน คุณจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?

 
        ในที่นี้เราอยากให้คุณพบกับเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเคยประสบปัญหานี้ และสามารถหาทางออกที่สวยงามได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ตัวเธอเองก็คาดไม่ถึง ผู้หญิงคนนี้ ในชาติสุดท้ายได้เป็นพระอรหันตเถรี ผู้มีความสามารถในการระลึกชาติเป็นเยี่ยม จนกระทั่งได้รับการยกย่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ในด้านผู้มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (มีญาณอันเป็นเครื่องระลึกชาติได้) ชื่อของท่านคือ พระภัททกาปิลานีเถรี
 
        ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ พระภัททกาปิลานี เกิดเป็นหญิง และได้แต่งงานกับชายหนุ่มในตระกูลเศรษฐี อาศัยอยู่ในกรุงหังสวดี นางเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลอยู่เป็นประจำ วันหนึ่ง นางได้ไปฟังธรรมกับสามี และเห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งภิกษุณีผู้เลิศทางปุพเพนิวาสานุสสติญาณ นางจึงบำเพ็ญมหาทานกับพระศาสดาและพระภิกษุสงฆ์ แล้วตั้งความปรารถนาที่จะได้ตำแหน่งนั้นในสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต
 
        สามีของนาง (ในชาติสุดท้ายคือพระมหากัสสปะ) ก็ตั้งความปรารถนาที่จะได้ตำแหน่งผู้เป็นเลิศในทางถือธุดงค์เป็นวัตร จากนั้น ทั้งสองก็สร้างบุญกุศลร่วมกันตลอดมา เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานแล้ว เศรษฐีผู้เป็นสามีของนางเชิญชวนญาติมิตรสร้างพระเจดีย์ด้วยรัตนะสูง 7 โยชน์ และปลูกต้นพญารังที่มีดอกบานสะพรั่ง เพื่อบูชาพระศาสดา ส่วนนางก็จัดเครื่องบูชาและตกแต่งประดับประดาพระเจดีย์นั้น โดยให้ช่าง 7 คน นำรัตนะ 7 อย่าง มาทำตะเกียง 700,000 ดวง จากนั้นเอาน้ำมันหอมใส่จนเต็มทุกดวง แล้วจุดประทีปไว้ที่พระเจดีย์ จนไฟลุกโพลงสว่างไสวเจิดจ้า เพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
        นอกจากนี้ นางยังให้ช่างทำหม้อที่เต็มไปด้วยรัตนะอันล้ำค่าต่างๆ ไปประดับเจดีย์ ระหว่างหม้อทุกๆ 8 หม้อ มีวัตถุที่ควรบูชาทำด้วยทองตั้งไว้ ที่ประตูทั้ง 4 ของเจดีย์ยังมีเสาระเนียดทำด้วยรัตนะ มีแท่นที่ทำด้วยรัตนะ มีธงรัตนะ และปลูกดอกไม้น้ำสวยงามในคูน้ำ ทำให้บริเวณเจดีย์งดงามและรุ่งเรืองสว่างไสวราวกับพระอาทิตย์ส่องแสง นางและท่านเศรษฐีบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และถวายทานแด่พระสงฆ์ตลอดชีวิต เมื่อละโลกแล้ว นางได้ไปเกิดในสวรรค์ มีทิพยสมบัติอันอลังการ เวียนว่ายตายเกิดอยู่แต่ในสุคติภูมิ เคียงคู่เศรษฐีผู้เป็นสามีเสมือนเงาที่ติดตามตัวไป
 
        ชาติหนึ่ง ในยุคไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิด เศรษฐีสามีได้เป็นพระราชาแห่งกรุงพาราณสี นางได้เป็นมเหสีของพระราชา และเป็นที่โปรดปรานของพระราชายิ่งกว่าใครๆ เพราะมีความรักความผูกพันกันมาแต่ภพชาติก่อน วันหนึ่ง นางได้ถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า 8 พระองค์ และสร้างมณฑปแก้วประดับทองที่งดงามมาก สูง 100 ศอก แล้วอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามารับมหาทาน
 
        ชาติต่อมา นางได้แต่งงานกับชายในตระกูลกุฏุมพีที่มั่งคั่ง ครั้นเจริญวัยขึ้น นางได้แต่งงานกับชายในตระกูลที่มั่งคั่งเช่นกัน หลังจากแต่งงานแล้ว นางและน้องสาวสามีของนางเกิดการกระทบกระทั่งกัน ต่อมาเมื่อน้องสาวสามีถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ด้วยความโกรธที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจ ทำให้น้องสาวสามีของนางตั้งความปรารถนาว่า “ขอให้เราห่างไกลคนพาลเช่นนี้ 100 โยชน์” เมื่อนางได้ยินเข้าก็โกรธมาก และคิดว่า “พระปัจเจกพุทธเจ้าจงอย่าฉันภัตตาหารที่หญิงคนนี้ถวายเลย” นางจึงรับบาตรมาแล้วเอาภัตตาหารเททิ้ง แล้วเอาโคลนใส่จนเต็มถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า
 
        น้องสาวสามีเห็นเช่นนั้นจึงพูดว่า “นางคนพาล เจ้าจะด่าหรือทุบตีเราก็ได้ แต่ไม่ควรทิ้งภัตตาหารจากบาตรของท่านผู้บำเพ็ญบารมีมาตลอด 2 อสงไขย แล้วถวายโคลนตม” เมื่อได้ยินดังนั้น นางจึงได้สติแล้วรับบาตรมาล้างและขัดถูด้วยผงเครื่องหอม เอาของมีรสอร่อย 4 อย่าง ใส่จนเต็มบาตร แล้วราดด้วยเนยใสซึ่งมีสีเหมือนดอกบัวไว้ข้างบน แล้วตั้งความปรารถนาว่า บิณฑบาตนี้มีแสงสว่างฉันใด ขอเราจงมีแสงสว่างฉันนั้น” พระปัจเจกพุทธเจ้าอนุโมทนาแล้วเหาะไปบนอากาศ
 
        อานิสงส์แห่งบุญที่ถวายภัตตาหารแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทำให้นางมีรูปงามทุกภพทุกชาติ แต่มีกลิ่นตัวเหม็นเพราะกระทำกรรมหนัก คือ ถวายโคลนแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า สองสามีภรรยาบำเพ็ญกุศลตราบสิ้นอายุขัยแล้วไปบังเกิดบนสวรรค์ ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งคู่จุติจากสวรรค์มาเกิดในกรุงพาราณสี ด้วยบุญที่เคยสร้างมาทำให้สามีได้เกิดเป็นบุตรของเศรษฐีมีสมบัติถึง 80 โกฏิ ส่วนภรรยาก็ได้เกิดเป็นธิดาของเศรษฐีอีกตระกูลหนึ่ง และมีรูปงามมาก แต่ด้วยผลแห่งบาปที่เอาโคลนใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า นางจึงมีร่างกายที่มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง เป็นที่รังเกียจของมหาชน
 
        ต่อมา เศรษฐีผู้มีสมบัติ 80 โกฏิ ส่งคนมาสู่ขอนางให้ไปแต่งงานกับลูกชายของตน เมื่อนางไปถึงบ้านท่านเศรษฐี ทั้งบ้านก็มีกลิ่นเหม็นเหมือนส้วมที่เปิดฝาไว้ เหม็นตั้งแต่นางย่างเท้าเข้าไปภายในธรณีประตูเลยทีเดียว พอลูกชายเศรษฐีรู้ว่าเป็นกลิ่นของนาง เขาก็ให้คนพานางกลับไป นางถูกรับถูกส่งกลับไปกลับมาอยู่ถึง 7 ครั้ง ทำให้เกิดความทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อมา เมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน มหาชนพร้อมใจกันก่อสร้างเจดีย์สูง 1 โยชน์ โดยใช้ทองคำแท่งแทนอิฐ ธิดาเศรษฐีรู้จักเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส นางคิดว่า “เราคงมีกรรมที่ทำไว้ในอดีต จึงต้องมาประสบความทุกข์เช่นนี้ ชาตินี้เราจะต้องสั่งสมบุญให้มากๆ ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอกับความทุกข์ขนาดนี้” จากนั้นนางก็นำเครื่องประดับไปให้ช่างหลอมทำอิฐทองคำร่วมสร้างเจดีย์
 
นางถวายแผ่นอิฐทองคำสร้างเจดีย์แล้วบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัว 8 กำ
นางถวายแผ่นอิฐทองคำสร้างเจดีย์แล้วบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัว 8 กำ
 
        ในขณะที่นางไปถึงสถานที่สร้างเจดีย์ พอดีมีก้อนอิฐตกลงมาก้อนหนึ่ง นายช่างขาดอิฐที่จะใช้เชื่อมต่อเจดีย์อยู่ 1 ก้อน เขาจึงบอกให้นางวางอิฐทองคำลงในบริเวณนั้นด้วยตนเอง และเอาน้ำมันผสมหรดาลกับมโนศิลาก่ออิฐให้แน่น แล้วบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยดอกบัว 8 กำ และตั้งความปรารถนาว่า “ด้วยบุญกุศลนี้ ขอให้ข้าพเจ้ามีกลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากตัว กลิ่นอุบลฟุ้งออกจากปาก” น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก บุญที่ตัดใจถวายเครื่องประดับทองคำอันล้ำค่าเพื่อทำอิฐสร้างเจดีย์ 1 ก้อน มีอานุภาพอันไม่มีประมาณเกินคาดหมายจริงๆ เพราะนอกจากสามารถตัดรอนวิบากกรรมหนักที่นางเคยทำมาในอดีตชาติ ทำให้กลิ่นเหม็นเหมือนส้วมที่ติดตัวนางมามลายหายสูญไปแล้ว ยังบันดาลให้มีกลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากร่างกายและกลิ่นดอกบัวฟุ้งออกจากปากอีกด้วย ในขณะเดียวกันลูกชายเศรษฐีก็คิดถึงนางขึ้นมาจับใจ จนต้องรีบส่งคนรับใช้มาตามนางกลับไป
 
        เมื่อนางไปถึงบ้านท่านเศรษฐี ทันทีที่นางเข้าบ้าน กลิ่นจันทน์และกลิ่นดอกบัวก็ฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน ลูกชายเศรษฐีจึงถามว่า “เมื่อก่อนมีกลิ่นเหม็นฟุ้งออกจากร่างกายของเจ้า แต่เดี๋ยวนี้มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งออกจากร่างกาย กลิ่นดอกบัวฟุ้งออกจากปาก เจ้าไปทำอะไรมาหรือ” นางจึงเล่าให้ฟังว่า นางถวายแผ่นอิฐทองคำสร้างเจดีย์บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และผลบุญที่ถวายอิฐทองได้ตัดรอนวิบากกรรมเหล่านั้นจนหมดสิ้น
 
        ลูกชายเศรษฐีเป็นผู้มีปัญญามาก เมื่อเห็นอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของบุญที่เกิดจากการร่วมสร้างเจดีย์ด้วยทองคำ ที่สามารถส่งผลได้อย่างอัศจรรย์ในปัจจุบันชาตินี้ ก็รู้ว่าบุญต้องแรงมาก เขาปรารถนาที่จะได้บุญนี้บ้าง จึงให้ช่างนำทองคำไปทำดอกประทุมทองขนาดเท่าล้อรถ เพื่อนำไปประดับเจดีย์ และนำผ้ากัมพลที่มีราคาแพงที่สุดในสมัยนั้นไปหุ้มเจดีย์ให้สวยงามยิ่งขึ้น
 
        ในชาติสุดท้าย ธิดาเศรษฐีจุติจากพรหมโลกมาเกิดในครั้งพุทธกาล ในตระกูลพราหมณ์ มีชื่อว่าภัททา สามีมาเกิดในตระกูลพราหมณ์เช่นกัน ชื่อ ปิบผลิ เมื่อนางภัททามีอายุได้ 16 ปี ปิบผลิมาณพ มีอายุ 20 ปี ทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานกัน เพราะไม่อาจขัดความประสงค์ของบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ได้ หลังแต่งงาน เนื่องจากทั้งสองไม่ฝักใฝ่ในโลกีย์เหมือนกัน จึงเป็นสามีภรรยากันแต่เพียงในนาม มิได้ข้องเกี่ยวกันในทางกามคุณ
 
        เมื่อบิดามารดาของทั้งสองสิ้นชีวิตแล้ว ทรัพย์สมบัติของ 2 ตระกูล ที่รวมกันเป็นจำนวนมหาศาลถึง 87 โกฏิ กลายเป็นภาระอันหนักอึ้งในการดูแล อีกทั้งเมื่อบริวารทำไร่ไถนา เครื่องมือหว่านไถก็จะไปถูกสัตว์เล็กสัตว์น้อยเสียชีวิต หรือเวลาตากถั่วตากงา ก็จะมีนกกามาจิกกินหนอนและแมลงทั้งหลาย ทั้งคู่เกรงว่าบาปเหล่านี้จะตกถึงตนผู้เป็นเจ้าของไร่นา แม้ไม่ได้ลงมือทำเองก็ตาม สองสามีภรรยาจึงปรึกษากันว่า เหตุใดเราต้องมาคอยรับบาปกรรมที่คนอื่นทำ ควรสละการครองเรือน แล้วออกบวชหาหนทางหลุดพ้นจากวัฏสงสารดีกว่า
 
        จากนั้นสองสามีภรรยาก็ช่วยปลงผมให้กัน แล้วครองผ้าย้อมน้ำฝาด และอธิษฐานว่า “พระอรหันต์เหล่าใดมีอยู่ในโลก เราจักบวชเพื่ออุทิศแด่พระอรหันต์เหล่านั้น” แล้วทั้งคู่ก็สะพายบาตรดินเดินออกจากปราสาทโดยปราศจากความกังวลใดๆ เมื่อทั้งคู่เดินไปจนถึงทางสองแพร่ง ปิบผลิได้กล่าวขึ้นว่า “หากเธอเดินตามหลังเราอย่างนี้ ใครๆ ก็จะพากันคิดว่าพวกเราบวชแล้วยังไม่ยอมพรากจากกัน อกุศลจิตเช่นนี้จะทำให้พวกเขาตกนรก เธอจงเลือกเอาทางหนึ่ง เราจะไปอีกทางหนึ่ง” นางกระทำประทักษิณ 3 รอบ และประคองอัญชลีพร้อมกล่าวว่า “ความสนิทสนมกันฐานมิตรที่มีมาประมาณแสนกัปสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้” จากนั้นทั้งคู่ก็แยกทางกันไป
 
        ในคัมภีร์บันทึกไว้ว่า ขณะที่ทั้งสองแยกจากกัน แผ่นดินไหวสะเทือนปานจะกล่าวว่า “แม้เราสามารถรองรับขุนเขาในจักรวาลและเขาพระสุเมรุได้ แต่ไม่สามารถจะรองรับคุณธรรมทั้งหลายของท่านทั้งสองได้” ขณะนั้นแม้ยอดเขาพระสุเมรุก็เอนเอียงบันลือลั่นในอากาศก็มีฟ้าแลบแปลบปลาบ จากนั้น ปิบผลิ พราหมณ์เดินไปพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับขัดสมาธิอยู่ที่ใต้ต้นไทร และได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในวันที่ 8 ท่านได้บรรลุอรหัตผลพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ และต่อมาได้รับการยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นเลิศในทางถือธุดงค์เป็นวัตร ส่วนนางภัททกาปิลานีไปบวชอยู่ในสำนักปริพาชก เนื่องจากในสมัยนั้นพระบรมศาสดายังมิได้มีพุทธานุญาตให้สตรีบวช ต่อมาเมื่อพระปชาบดีโคตรมีเถรีบวชเป็นภิกษุณีรูปแรกในพระพุทธศาสนาแล้ว นางจึงมาขอบวชเป็นภิกษุณี และได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ 4 วิชชา 3 วิโมกข์ 8 และอภิญญา 6
 
        พระภัททกาปิลานี สร้างบุญในพระพุทธศาสนามาหลายภพหลายชาติ และเคยถวายทองคำบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายครั้ง ทำให้ท่านสมบูรณ์พร้อมด้วยรูปสมบัติ คือเกิดมามีรูปงามทุกชาติ และสมบูรณ์พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ คือได้เกิดในตระกูลเศรษฐี มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ในชาติสุดท้าย ท่านมิเพียงรูปงามและร่ำรวยเท่านั้น แต่ยังได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ สมบูรณ์พร้อมด้วยคุณสมบัติทั้งปวง คือถึงพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ 4 วิชชา 3 วิโมกข์ 8 อภิญญา 6 และยังมีความสามารถในการระลึกชาติ จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องท่านไว้ในตำแหน่งเป็นเลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลาย ในด้านผู้มีปุพเพนิวาสานุสสติญาณ เป็นภิกษุณี 1 ในจำนวน 13 รูป ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะ
 
        พวกเราทั้งหลายก็เคยสร้างบารมีมาหลายภพหลายชาติเช่นกัน มิฉะนั้นคงไม่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ได้มาพบพระพุทธศาสนา ไม่ได้มาสร้างบุญสร้างบารมีอย่างทุกวันนี้ และหลายๆ คน อาจเคยทำบุญด้วยทองคำมามิใช่น้อย ในปัจจุบันนี้หากมีโอกาสได้ทำบุญด้วยทองคำอีก ก็ควรทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ทำกับเนื้อนาบุญที่เปี่ยมไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ดังเช่น พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ บุญก็จะแรงมาก แม้ทำเพียงเล็กน้อยอานิสงส์แห่งบุญก็จะส่งผลมหาศาลเกินจะคาดคิด ยิ่งทำมากอานิสงส์ยิ่งมาก และเมื่อบุญมีกำลังมากพอ ความสุขความสำเร็จจะบังเกิดขึ้นกับเราอย่างเป็นอัศจรรย์ในปัจจุบันชาตินี้เลย โดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า เพราะบุญสามารถดึงดูดสิ่งดีๆ คนดีๆ ของดีๆ ช่องทางดีๆ โอกาสดีๆ ให้เข้ามาในชีวิตของเราได้อย่างไม่คาดฝัน และสามารถขจัดปัดเป่าปัญหาต่างๆ ให้มลายหายสูญ วิบากกรรมที่ทำให้เกิดทุกข์ โศก โรค ภัย ก็จะถูกตัดรอนให้เบาบางลงหรือหมดสิ้นไปอย่างฉับพลันทันทีในปัจจุบันชาตินี้เลย ดังเรื่องราวของพระภัททกาปิลานีที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
 
(จากอรรถกถาภัททกาปิลานีเถรีคาถา)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อุบาสิกาเสสวดีผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอุบาสิกาเสสวดีผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

พระภัททิยเถระกับการสร้างบุญพิเศษอย่างหนึ่งให้เต็มที่เต็มกำลังพระภัททิยเถระกับการสร้างบุญพิเศษอย่างหนึ่งให้เต็มที่เต็มกำลัง

ชฎิลเศรษฐีผู้มีภูเขาทองคำเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ด้วยบุญที่เคยทำไว้ชฎิลเศรษฐีผู้มีภูเขาทองคำเกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ด้วยบุญที่เคยทำไว้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก