ทำไมจึงมีสถิติการหย่าร้างเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ


[ 28 มิ.ย. 2555 ] - [ 18269 ] LINE it!

ข้อคิดรอบตัว
 
 
รัก เลิก อย่าร้าง
 
        การแต่งงานคือสิ่งที่หลายๆท่านคิดว่าเป็นที่สุดแล้วของชีวิตคู่ หรือที่สุดของความรักแล้วตัดสินใจแต่งงานกัน แต่ยังมีอะไรอีกมากมายต่อจากนี้ หลายๆท่านก็ไม่สมหวังกับความรัก หลายๆท่าน ก็หย่าร้างกัน
 
        ที่ผ่านมามีหนังสือพิมพ์ของประเทศจีนโดยรายงานจากสถิติจาก กระทรวงกิจการพลเรือนมีคู่ที่หย่าร้างกันในปี พ.ศ.2553 ในประเทศจีนถึง 1.96 ล้านคู่เลยทีเดียว แต่มีคู่แต่งงานกันมี 1.2 ล้านคู่ เห็นได้ชัดว่ามีสถิติการหย่าร้างมากกว่าเยอะเลย
 

ในปัจจุบันจะเห็นว่ามีสถิติการอย่าร้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

 
        ต้องบอกว่าแนวโน้มในอนาคตนั้นมีสิทธิ์จะเพิ่มขึ้น เป็นเพราะเหตุผลใหญ่ๆ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ ความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ ถ้าในสมัยก่อนผู้ชายจะเป็นหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาฝ่ายหญิงก็มักจะกล้ำกลืนฝืนทน อดทนเพื่อครอบครัวให้อยู่รอด แต่ปัจจุบันผู้หญิงก็มีงานทำและพึ่งตัวเองได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งอดทนทางเศรษฐกิจอีกแล้ว ความอดทนมันน้อยลง เพราะแรงบีบด้านเศรษฐกิจมีกำลังอ่อนลง
 
ปัญหาครอบครัว ครอบครัวแตกแยก
ปัญหาครอบครัว ครอบครัวแตกแยก
 
        ประการที่สอง คือ สิ่งแวดล้อมของทั้งชายและหญิงเริ่มมีความแตกต่างกัน อย่างในสมัยก่อนมักเจอสิ่งแวดล้อมเดียวกัน หัวข้อสนทนามักเป็นเรื่องเดียวกันหมด คุยกันรู้เรื่อง ช่องว่างระหว่างคนมีน้อย แต่ในปัจจุบันทั้งสามีภรรยาต่างก็ทำงานกันคนละที่ เลิกงานแล้วก็มีกลุ่มเพื่อนไปกันคนละทาง สามีชอบอย่างภรรยาไปอีกแบบ จึงมีโอกาสที่จะไม่เข้าใจกันมาก
 

คำว่ารักแรกพบนั้นมีจริงๆ หรือไม่และจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคู่แท้แน่นอน?

 
        ต้องบอกว่า มี จริงๆ เพราะความรักจะเกิดขึ้นได้ต้องประกอบด้วยเหตุ 2 ประการ
 
        1. เกิดจากเคยเป็นคู่กันมาในอดีต
 
        2. การเกื้อกูลกันในปัจจุบัน เปรียบเหมือนดอกบัว จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยโคลนตม(คล้ายๆ เหตุผูกพันในอดีต) และน้ำ เหตุทั้ง 2 ประกอบกันเข้า ดอกบัวก็จะเจริญงอกงามขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่อย่างนี้ทุกราย บางรายในอดีตไม่ได้มีความผูกพันกัน แต่เพราะการเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ก็เลยรักใคร่ชอบพอแล้วแต่งงานกันก็มี
 
        แต่ปัจจุบันคำว่ารักแรกพบอาจจะกลายเป็นรักแรกลืม อย่างนี้เป็นการตามใจตัวเอง จึงต้องแยกให้ออกให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ให้ถูกต้องตามประเพณี
 
เราพอจะมีหลักการอย่างไร ในการพิจารณาดูผู้ที่จะมาเป็นคู่ครองของเรา?
 
        หลักในการเลือกคู่ครองที่จะทำให้รักกันยั่งยืน มีอยู่ 4 ข้อ เรียกว่า สมชีวิธรรม คือ
 
        1. สมสัทธา คือ มีศรัทธาเสมอกัน
 
        2. สมสีลา คือมีศีลเสมอกัน
 
        3. สมจาคา คือมีจาคะความเสียสละเสมอกัน
 
        4. สมปัญญา คือมีปัญญาเสมอกัน
 
        เราลองพิจารณาดูว่า ถ้าสามีภรรยาคนใดคนหนึ่งมีศรัทธาไม่เหมือนกัน คนหนึ่งอยากไปวัด คนหนึ่งชอบกินเหล้า ชีวิตมันก็ดูไม่ราบรื่นแล้ว ฉะนั้นความศรัทธา ความเชื่อต้องใกล้เคียงกัน ไปในทิศทางเดียวกันในแง่มุมต่างๆ เริ่มตั้งแต่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นต้นไป
 
        เรื่องที่ 2 การมีศีลเสมอกัน ถ้าคนหนึ่งรักษาศีลแต่อีกฝ่ายผิดศีล ชีวิตก็มีปัญหา จึงจำเป็นต้องมีศีลเสมอกันถึงจะไปด้วยกันได้
 
        เรื่องที่ 3 สมจาคา คือมีจาคะความเสียสละเสมอกัน ถ้าคนหนึ่งมีจิตใจโอบอ้อมอารี แต่อีกคนตระหนี่ ชีวิตคู่ก็จะไม่เป็นสุข จึงควรต้องมีความเสียสละเสมอกัน
 
        เรื่องที่ 4 สมปัญญา คือมีปัญญาเสมอกัน ก็จะคุยกันรู้เรื่อง แล้วก็จะไปด้วยกันอย่างราบรื่น ทั้ง 4 เรื่องนี้ถ้ามีเสมอกันแล้ว การครองชีวิตคู่ก็จะราบรื่น ฉะนั้นการเลือกคู่ครองจึงควรต้องพิจารณาดูทั้ง 4 ด้านนี้
 
กรณีที่แต่งงานกันแล้วและมีปัญหาจากสาเหตุที่กล่าวมา ทำอย่างไรให้สามารถประคับประคองชีวิตคู่ให้อยู่ได้?
 
        แม้เราจะได้พิจารณาดูทั้ง 4 ข้อนั้นแล้ว ก็ยังมีปัญหาอยู่ ที่ไม่มีปัญหาเลยนั้นแทบไม่มี ขนาดพี่น้องท้องเดียวกันเกิดมาก็ยังมีปัญหากันเลย และไม่มีใครที่ไม่เคยนึกขัดใจตัวเองเลย เพราะบางครั้งตัวเราเองแท้ๆ ยังไม่ถูกใจตัวเองเลย แล้วจะไปนึกฝันให้คนอื่นทำอะไรถูกใจเรานั้นก็ยาก จึงต้องเข้าใจว่าเมื่ออยู่ด้วยกันก็เหมือนลิ้นกับฟันมันต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ให้เตรียมตัวเตรียมใจแต่เนิ่นๆ อย่าไปตั้งความหวังไว้สูงนัก และให้อดทนให้มากๆ ให้รู้ว่าชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ
 
บางคู่ที่แต่งกันไปแล้วความรักลดน้อยลง แล้วกลับไปชอบพอคนอื่นเข้าจะทำอย่างไรดี?
 
        จริงๆ แล้วมันก็เหมือนเดิม เมื่อถูกใจคนอื่น สักพักก็ไปถูกใจคนใหม่อีก เวียนไปเรื่อยๆ เพราะเป็นเรื่องของอารมณ์ คือจะเอาตามความถูกใจไม่ได้ ให้พิจารณาให้มากว่าเราจะตามใจกิเลสตัวเองแค่ช่วงสั้นๆ แต่มีความทุกข์รออยู่มากมาย มันจะคุ้มกันไหม
 
        ผู้ชายไทยบางคนมีไม่น้อยเลยที่มีความเชื่อผิดๆ คือมีความรู้สึกว่า พระเอกในอุดมคติคือ ขุนแผน ต้นแบบความเจ้าชู้ รู้สึกว่าตัวเองแน่ เก่ง เยี่ยม ถ้ามีสาวมาชอบเยอะๆ แล้วคุมได้ สามารถคุยโอ้อวดกันได้ แต่ถ้าลองไปดูชีวิตจริงๆ ของเขาแล้วจะเห็นว่า เขาไม่มีความสุขเลย เพราะต้องมีแรงกดดันตลอดเวลา ยังไงก็สู้คนที่มีคู่เดียวไม่ได้ ฉะนั้นโดยสรุปแล้ว อย่าไปหลงผิดกับภาพลักษณ์พระเอกในวรรณคดีเลย เราควรจะสร้างวรรณคดีให้เป็นภาพลักษณ์ที่เป็นผู้ชายที่เข้มแข็ง นิสัยดี รับผิดชอบครอบครัวและสังคม ยืนหยัดในศีลธรรมเป็นหลักแบบอย่างได้ แบบนี้จะส่งผลต่ออุปนิสัยชายไทยมากเลย
 
มีหลักในการประคับประคองชีวิตคู่อย่างไรไม่ให้มีผลกระทบต่อลูกได้?
 
        ผู้ที่เป็นพ่อแม่นั้น เวลาจะทำอะไรให้คิดถึงลูกให้มาก ครอบครัวไหนที่มีปัญหาพ่อแม่หย่าร้าง ลูกมักจะขาดความอบอุ่น จะเสียใจมากแต่พูดไม่ออก จะเป็นปมอยู่ในใจ มีสถิติออกมาว่าเด็กที่มีปัญหาพ่อแม่หย่าร้างมีแนวโน้มแต่งงานเร็วกว่าเด็กที่มีครอบครัวอบอุ่น เพราะเขาหวังจะมีใครมาให้ความรักแทน แล้วก็มักจะผิดหวัง เพราะตัวเองขาดแบบอย่างที่ดีในการมีครอบครัวที่อบอุ่น และมีแนวโน้มที่จะหนีเรียน ติดยาเสพติด มีปัญหาทางเพศ อะไรอีกมากที่จะตามมา ฉะนั้นพ่อแม่จะทำอะไร ก็ให้คิดถึงลูกให้มากๆ
 
การประคับประคองชีวิตคู่ไม่ให้มีผลกระทบต่อลูกได้
การประคับประคองชีวิตคู่ไม่ให้มีผลกระทบต่อลูกได้
 
        ทำอย่างไรจะให้ครอบครัวดี ก็ขอฝากเอาไว้ 4 ข้อ คือ สังคหวัตถุ 4 มี ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตา ซึ่งเราก็คุ้นหูกันอยู่ ทาน คือ มีน้ำใจต่อกัน ซึ่งนี่เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว เพราะถ้าบ้านไหนคนละกระเป๋า มีการเอาเปรียบกัน มีความตระหนี่เกิดขึ้น ก็มีโอกาสเกิดปัญหาสูง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ครอบครัว คือ ครัวที่กินข้าวอยู่ในครอบเดียวกัน คืออิ่มก็อิ่มด้วยกัน อดก็อดด้วยกัน อย่างนี้ถึงเรียกว่าเป็นครอบครัวร่วมกัน มีน้ำใจต่อกัน ตรงนี้เป็นพื้นฐานเลย
 
        ถัดมาคือ ปิยวาจา คือ การให้เกียรติกัน ห้ามดูถูกกัน อย่าใช้คำพูดที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของกันและกัน
 
        อัตถจริยา คือ การทำตัวให้เป็นประโยชน์ ต่างคนต่างไม่นิ่งดูดาย ฝึกตัวเองให้เป็นคนมีประโยชน์ ห้ามเอาเปรียบกัน ต้องรับผิดชอบช่วยเหลืองานซึ่งกันและกัน อย่างถ้าบ้านไหนสามีเป็นคนหลักลอย ไม่ทำงาน ต่อไปก็มีปัญหา เพราะความเกรงใจของภรรยาที่มีต่อสามีก็จะลดลง และสามีเองก็มีปมด้อยเพราะตัวเองไม่ได้ทำงานอะไรให้เกิดประโยชน์ บางทีก็สร้างปมเขื่องมาข่มปมด้อย โดยการวางอำนาจบาตรใหญ่เพื่อกดปมด้อยข้างใน ก็ทำให้เกิดปัญหา แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างฝึกตนเองให้เป็นคนมีประโยชน์ก็จะมีความเคารพตัวเอง จิตใจจะมั่นคงมากกว่า และการอยู่ร่วมกันจะสันติมากกว่า
 
        สมานัตตา คือ ทำตัวสม่ำเสมอ ไม่ผีเข้าผีออกหรืออารมณ์แปรปรวนไม่แน่นอน ต้องมีความสม่ำเสมอทางด้านอารมณ์ วางบทบาทตัวเองให้เหมาะสมกับฐานะ และทำอย่างสม่ำเสมอ
 
เราควรจะยึดหลักอะไรให้ชีวิตเราดำเนินไปได้อย่างถูกต้องเหมาะสม?
 
        หลักง่ายๆ คือ ชวนกันเข้าวัด เพราะจะทำให้เกิดสิ่งแวดล้อมใหม่ที่เป็นหลักร่วมเดียวกัน ก็จะมีเรื่องธรรมะให้ได้คุยกันเป็นเรื่องเดียว และเรื่องนี้เมื่อคุยแล้วจิตใจจะผ่องใสสบายใจ จะทำให้มีศรัทธา ศีล เกิดขึ้นเสมอกัน ความคิดเรื่องการให้ การแบ่งปันก็เกิดขึ้น ปัญญาทางธรรมก็เริ่มมีเพราะเป็นหัวข้อเรื่องที่คุยกันได้เพลิดเพลิน สบายใจ
 
        ฉะนั้นเมื่อชวนกันเข้าวัดได้ก็จะแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ได้มากเลย วันธรรมดาก็ติดจานดาวธรรมดูช่อง DMC หรือถ้ามีช่องทางอื่นที่จะดูได้ก็ให้ขวนขวายหาดู วันอาทิตย์ก็ชวนกันเข้าวัด ถ้าทำได้อย่างนี้ครอบครัวก็จะอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขแน่นอน


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
วิธีการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติวิธีการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

การบวชจะช่วยทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้อย่างไรการบวชจะช่วยทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้อย่างไร

ทำอย่างไรให้ความฝันกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ทำอย่างไรให้ความฝันกลายเป็นจริงขึ้นมาได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว