ณ ป่าประดู่ลาย
ต้องอุทิศ จึงได้รับ
ต้องอุทิศ จึงได้รับ
ผ้านั้นถึงท่านจะให้ที่มือของฉันเองก็ไม่สำเร็จแก่ดิฉัน ถ้าในหมู่ชนนี้ มีอุบาสกผู้มีศรัทธา เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอท่านจงให้อุบาสกนั้นนุ่งห่มผ้าที่จะให้ดิฉันแล้วอุทิศส่วนกุศลให้ดิฉัน เมื่อท่านทำอย่างนั้นดิฉันจึงจะได้นุ่งห่มผ้านี้ตามปรารถนา ประสบความสุข
ขัลลาติยเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๙๒
มาอย่างไรไปอย่างนั้น ๑
(บิดาของผู้ตาย) : บุตรของเราละสรีระอันคร่ำคร่าของตนไป เหมือนงูลอกคราบฉะนั้น เมื่อสรีระแห่งบุตรของเราใช้สอยไม่ได้ ละไปแล้ว มีกาละอันกระทำแล้วอย่างนี้ บุตรของเราเมื่อญาติเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไรของญาติทั้งหลาย เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เศร้าถึงเขา คติอันใดของเขามีอยู่ เขาได้ไปสู่คติอันนั้นแล้ว
อุรคเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๑๒๐
มาอย่างไรไปอย่างนั้น ๒
(มารดาของผู้ตาย) : บุตรของดิฉัน ดิฉันไม่ได้เชิญมา ก็มาแล้วจากปรโลก ดิฉันไม่ได้อนุญาตให้ไป ก็ไปแล้วจากมนุษย์โลกนี้ เขามาอย่างไร เขาก็ไปอย่างนั้น ทำไมจะต้องร่ำไรในการจากโลกนี้ไปของเขาเล่า บุตรของดิฉันเมื่อพวกญาติเผาอยู่ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไรของหมู่ญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่ร้องไห้ถึงบุตรนั้น คติอันใดของเขามีอยู่ เขาได้ไปสู่คติอันนั้นแล้ว
อุรคเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๑๒๐
มาอย่างไรไปอย่างนั้น ๓
(น้องสาวของผู้ตาย) : ถ้าดิฉันร้องไห้ก็จะเป็นผู้ซูบผอม ผลอะไรจะพึงมีแก่ดิฉันในการร้องไห้นั้น ความไม่สบายใจก็จะพึงมีแก่ญาติและมิตรสหายทั้งหลาย โดยยิ่ง พี่ชายของดิฉันอันญาติเผาอยู่ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไรของญาติทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่ร้องไห้ถึงพี่ชายของดิฉันนั้น คติอันใดของเขามีอยู่ เขาได้ไปสู่คติอันนั้นแล้ว
อุรคเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๑๒๑
มาอย่างไรไปอย่างนั้น ๔
มาอย่างไร ไปอย่างนั้น
(ภรรยาของผู้ตาย) : ผู้ใดเศร้าโศกถึงคนที่ล่วงลับไปแล้ว ผู้นั้นก็เปรียบเหมือนทารกร้องไห้ถึงพระจันทร์อันลอยอยู่ในอากาศฉะนั้น สามีของดิฉันอันญาติเผาอยู่ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไรของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่ร้องไห้ถึงเขา คติอันใดของเขามีอยู่ เขาได้ไปสู่คติอันนั้นแล้ว
อุรคเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๑๒๑
มาอย่างไรไปอย่างนั้น ๕
(นางทาสีของผู้ตาย) : ข้าแต่ท่านผู้เป็นเหล่ากอแห่งพรหม หม้อน้ำอันแตกแล้ว พึงประสานให้ติดอีกไม่ได้ ฉันใด ผู้ใดเศร้าโศกถึงผู้ล่วงลับไปแล้ว ผู้นั้นก็เปรียบเหมือนหม้อน้ำอันแตก ฉันนั้น นายของดิฉันอันพวกญาติเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไรของญาติทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่ร้องไห้ถึงท่าน คติอันใดของท่านมีอยู่ ท่านได้ไปสู่คติอันนั้นแล้ว
อุรคเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๑๒๑
กายงามปากเหม็น
(พระนารทะ) : กายของท่านล้วนมีสีเหมือนทองคำ รัศมีของท่าน สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ แต่หน้าของท่านเหมือนหน้าสุกร เมื่อก่อนท่านได้ทำกรรมอะไรไว้
(นางเปรต) : ข้าแต่พระนารทะ เมื่อก่อนข้าพเจ้าได้สำรวมกาย แต่ไม่ได้สำรวมวาจา
เพราะเหตุนั้นรัศมีกายของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นกับที่ท่านเห็นอยู่นั้น เพราะเหตุนั้น
ข้าพเจ้าขอกล่าวกับท่าน สรีระของข้าพเจ้าท่านเห็นเองแล้ว ขอท่านอย่าทำบาปด้วยปาก อย่าให้หน้าสุกรเกิดมีแก่ท่าน
สูกรเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๑๗