นรก-สวรรค์


[ 30 พ.ย. 2555 ] - [ 18278 ] LINE it!

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
 
 
นรก-สวรรค์

 


6.  ทูตสูตร
ว่าด้วยเทวทูต 3 จำพวก

         [475] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวทูต 3 นี้ 3 คืออะไรบ้าง คือ

          บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติทุจริตด้วยกาย... ด้วยวาจา ... ด้วยใจ บุคคลนั้นครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย... ด้วยวาจา... ด้วยใจแล้ว เพราะกายแตก ตายไปย่อมเข้าถึงอุบาย ทุคติ วินิบาต นรก นิรยบาลทั้งหลาย ต่างก็จับบุคคลนั้นที่แขนไปแสดงแก่พญายมว่า

          ข้าแต่เทวะ บุรุษผู้นี้เป็นคนไม่เกื้อกูล มารดา... บิดา... สมณะ... พราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุล ขอพระองค์จงลงทัณฑ์แก่บุรุษนี้เถิด.

          พญายมซักไซ้ไล่เลียง เทวทูตที่หนึ่ง กะบุรุษนั้นว่า ดูก่อนพ่อ เจ้าไม่ได้เห็นเทวทูตที่หนึ่ง ซึ่งปรากฏอยู่ในหมู่มนุษย์หรือ.

          บุรุษนั้นตอบว่า ไม่ได้เห็น เจ้าข้า.

          พญายม เจ้าไม่ได้เห็นหรือ ในหมู่มนุษย์ หญิงหรือชายที่แก่แล้ว มีอายุ 80 ปีบ้าง 90 ปีบ้าง 100 ปีบ้าง เป็นคนชราหลังโกง ค่อม กรานไม้เท้าเดินงกเงิ่น กระสับกระส่าย สิ้นความเป็นหนุ่มสาวแล้ว ฟันหัก ผมหงอก เกรียน หัวล้าน ตัวเป็นเกลียวตกกระ.

    บุรุษนั้น ได้เห็น เจ้าข้า.

          พญายม เจ้าน่ะ เป็นผู้ใหญ่รู้เดียงสาแล้ว ไม่ได้คำนึงบ้างหรือว่า ถึงตัวเราก็มีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงความแก่ไปได้ มาเราจะทำความดีด้วยกาย วาจา ใจเถิด.

          บุรุษนั้น เปล่าเลย เจ้าข้า มัวประมาทเสีย.

         พญายม เจ้าไม่ได้ทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ เพราะมีความประมาท แน่ละ เขาจะต้องทำกะเจ้าตามฐานที่ประมาท ก็แต่ว่า บาปกรรมนั่นน่ะ มารดา... บิดาก็มิได้ทำให้เลย พี่น้องชาย... พี่น้องหญิง ก็มิได้ทำให้ มิตร อำมาตย์... ญาติสาโลหิตก็มิได้ทำให้ เทวดาก็มิได้ทำให้ สมณพราหมณ์ก็มิได้ทำให้ เจ้าทำเองแท้ ๆ เจ้าก็จะต้องรับผลของบาปกรรมนั่นเอง.
 
         พญายม ครั้นซักไซ้ไล่เลียงเทวทูตหนึ่งแล้ว จึงซักไซ้ไล่เลียงเทวทูตที่สองว่า เจ้าไม่ได้เห็นเทวทูตที่สองอันปรากฏอยู่ในหมู่มนุษย์หรือ



          บุรุษนั้นตอบว่า ไม่ได้เห็น เจ้าข้า.

         พญายม เจ้าไม่ได้เห็นหรือ ในหมู่มนุษย์ หญิงหรือชาย ที่ป่วยเจ็บไข้หนัก นอนเกลือกมูตร(ปัสสาวะ) และกรีส(อุจจาระ) ของตน มีคนพยุงให้ลุก... ให้นอน.

           บุรุษนั้น ได้เห็น เจ้าข้า.

         พญายม เจ้าเป็นผู้ใหญ่รู้เดียงสาแล้ว ไม่ได้คำนึงบ้างหรือว่า ถึงตัวเราก็มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงความเจ็บไข้ไปได้ มาเราจะทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ เถิด.

          บุรุษนั้น เปล่าเลย เจ้าข้า มัวประมาทเสีย.

         พญายม เจ้าไม่ได้ทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ เพราะมีความประมาท แน่ละ เขาจะต้องทำกะเจ้าตามฐานที่ประมาท ก็แต่ว่าบาปกรรมนั้นนั่น มารดา บิดาก็มิได้ทำให้เลย ฯลฯ เจ้าทำเองแท้ ๆ เจ้าก็จะต้องรับผลของบาปกรรมนั้นเอง.

         พญายม ครั้นซักไซ้ไล่เลียงเทวทูตที่สองแล้ว จึงซักไซ้ไล่เลียงเทวทูตที่สามว่า เจ้าไม่ได้เห็นเทวทูตที่สามอันปรากฏอยู่ในหมู่มนุษย์หรือ.

         บุรุษนั้นตอบว่า ไม่ได้เห็น เจ้าข้า.

          พญายม เจ้าไม่ได้เห็นหรือ ในหมู่มนุษย์ หญิงหรือชายที่ตายแล้ว หนึ่งวันบ้าง... สองวันบ้าง... สามวันบ้าง ขึ้นพอง เขียว น้ำเหลืองไหล.

          บุรุษนั้น ได้เห็น เจ้าข้า.

         พญายม เจ้าเป็นผู้ใหญ่รู้เดียงสาแล้ว ไม่ได้คำนึงบ้างหรือว่า ถึงตัวเราก็มีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงความตายไปได้ มาเราจะทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ เถิด.

         บุรุษนั้น เปล่าเลย เจ้าข้า มัวประมาทเสีย.

         พญายม เจ้าไม่ได้ทำความดีด้วยกาย วาจา ใจ เพราะมีความประมาท แน่ละ เขาจะต้องทำกะเจ้าตามฐานที่ประมาท ก็แต่ว่าบาปกรรมนั้นนั่น มารดา... บิดาก็มิได้ทำให้เลย ฯลฯ เจ้าทำเองแท้ ๆ เจ้าก็จะต้องรับผลของบาปกรรมนั่นเอง.

          พญายม ครั้นซักไซ้ไล่เลียงเทวทูตที่สามกะบุรุษนั้นแล้วก็นิ่งอยู่.
 


         ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกนิรยบาลทำกรรมกรณ์ ชื่อ เบญจพิธพันธนะกะบุรุษนั้น คือ เอาตาปูเหล็กแดงตรึงมือ 2 ข้าง เท้า 2 ข้าง และกลางอก บุรุษนั้นเสวยทุกขเวทนาอันกล้า หนัก เผ็ดร้อนอยู่ ณ ที่นั้น และไม่ตายตลอดเวลาที่บาปกรรมยังไม่สิ้น.

          พวกนิรยบาล จับบุรุษนั้นนอนลงแล้วถากด้วยขวานผึ่ง...

       ตั้งเอาเท้าขึ้นศีรษะลงแล้วถากด้วยพร้า...

       จับเอาเทียมรถให้แล่นไปแล่นมาบนพื้นอันร้อนลุกเป็นเปลวช่วงโชติ...

      บังคับให้ขึ้นลงภูเขาเถ้าถ่านอันร้อนลุกโชน...

      จับเอาเท้าขึ้นศีรษะลง ทุ่มลงไปในโลหกุมภี อันร้อนแดงลุกเป็นแสง บุรุษนั้นถูกต้มอยู่ในนั้นจนตัวพอง เมื่อถูกต้มจนตัวพองอยู่ในนั้น ลางทีก็โผล่ขึ้นมา ลางทีก็จมลงไป ลางทีก็ลอยขวางไป บุรุษนั้นเสวยทุกขเวทนาอันกล้า หนัก เผ็ดร้อนอยู่ ณ ที่นั้น และไม่ตายตราบเท่าบาปกรรมยังไม่สิ้น.

         ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกนิรยบาลจับบุรุษนั้นไปลงมหานรก ก็มหานรกนั้น

                 มีสี่มุม สี่ประตู แบ่งออกเป็นส่วน ๆ มีกำแพงเหล็กล้อมรอบ ครอบด้วย (ฝา) เหล็ก พื้นก็ล้วนไปด้วยเหล็ก ร้อนลุกโชน แผ่ (ความร้อน) ไปถึง 100 โยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ.

          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีแล้ว ความปริวิตกนี้ได้มีแก่พญายมว่า

          ได้ยินว่า ชนเหล่าใดทำกรรมทั้งหลายที่เป็นบาปในโลก ชนเหล่านั้นย่อมถูกทำกรรมกรณ์ต่าง ๆ เช่นอย่างนี้

          เจ้าประคุณ ขอให้ข้า ฯ ได้เป็นมนุษย์เถิด กับขอพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พึงบังเกิดในโลก ขอให้ข้า ฯได้เข้าใกล้พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ขอพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นพึงทรงแสดงธรรม และขอให้ข้า ฯ พึงรู้ทั่วถึงธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเถิด

          ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราได้ฟังเรื่องนั้นต่อผู้อื่น เป็นสมณะหรือ พราหมณ์ก็ตาม จึงมากล่าวอย่างนี้ หามิได้ ที่จริง เรากล่าวเรื่องที่เราได้รู้เอง ได้เห็นเอง แจ่มแจ้งเอาทีเดียว.

                 คนเหล่าใดถูกเทวทูตเตือนแล้วยัง ประมาทอยู่ คนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงกาย  อันเลว โศกเศร้าสิ้นกาลนาน

                ฝ่ายคนเหล่าใด เป็นสัตบุรุษผู้สงบ ในโลกนี้ ถูกเทวทูตเตือนแล้วไม่ประมาทในธรรมของพระอริยเจ้าเสมอไป เห็นภัยในเพราะอุปาทานอันเป็นแดนเกิดแห่งชาติและมรณะ เลิกยึดถือ หลุดพ้นไปเพราะสิ้นชาติและมรณะ คนเหล่านั้น ถึงความเกษมเป็นสุข ดับทุกข์ได้ในชาติปัจจุบัน พ้นเวรภัยทั้งปวง ล่วงทุกข์ทั้งหมด
 
จบทูตสูตรที่ 6

จากพระไตรปิฎกฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย พุทธศักราช 2525 พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ทูตสูตรที่ 6 เล่มที่ 34 หน้าที่ 148-152
 
รับชมวีดีโอ
 

รับชมคลิปวิดีโอนรก อบาย หลายวิบากกรรม
ชมวิดีโอนรก อบาย หลายวิบากกรรม  MP3 ธรรมะนรก อบาย หลายวิบากกรรม   Download ธรรมะนรก อบาย หลายวิบากกรรม

 




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?ถ้าจิตขุ่นมัวในขณะนั้น ตายแล้วไปไหน ?

เมื่อสวรรค์มีจริง ทำอย่างไรจึงจะได้ไปสวรรค์ ?เมื่อสวรรค์มีจริง ทำอย่างไรจึงจะได้ไปสวรรค์ ?

ศีลดี คือ อะไร ?ศีลดี คือ อะไร ?



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก