รู้ทันความขี้เกียจ


[ 28 ก.ย. 2556 ] - [ 18272 ] LINE it!

ข้อคิด รอบตัว

รู้ทันความขี้เกียจ



รู้ทันความขี้เกียจ
เรียบเรียงมาจากรายการ ข้อคิด รอบตัว ที่ออกอากาศทางช่องDMC




 ความขี้เกียจ   อุปสรรคตัวสำคัญของมนุษย์
 หากชีวิตคนเราไม่เดินไปข้างหน้าแล้ว
 ความหวัง  ความฝันที่ตั้งไว้ ก็คงไม่มีวันเป็นจริง
 เพราะถูก ความขี้เกียจ กัดกินจนหมดสิ้น


 
ต้นตอของความขี้เกียจคืออะไร?
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
นิวรณ์ทั้ง 5 ประการ
 
 
     ถ้าหากดูจากนิวรณ์สิ่งที่กีดขวางมนุษย์จากการที่ใจนิ่งเป็นสมาธิ พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่ามี 5 อย่าง

1.กามฉันทะ ได้แก่ ความเพลิดเพลินไปในเบญจกามคุณทั้ง ๕ รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัส เมื่อไปเพลิดเพลินในสิ่งเหล่านี้มากเท่าไหร่จะบั่นทอนความวิริยะ อุตสาหะของเราลงทันที และเกิดเป็นอาการเกียจคร้าน
 
2.พยาบาท ได้แก่ เมื่อมีความโกรธแค้นใคร ส่งผลให้ทำงานไม่รู้เรื่อง หูอื้อ ตาลาย คิดอะไรไม่ออก ต้องทำใจเราให้โปร่งๆ เพราะถ้าพยาบาทเมื่อไหร่จะทำให้ใจเราเสียคุณภาพของใจ              
 
3.ถีนมิทธะ ได้แก่ ความท้อถอย หดหู่หรือความง่วงหงาวหาวนอน เมื่อมีอาการง่วงๆ ทำให้ความขยันลดลงหรือช่วงที่ใจกำลังหดหู่มีความรู้สึกว่าทำไม่ได้ ทำไม่ไหวความรู้สึกที่ต้องต่อสู้กับงานจึงถอย
 
4.อุทธัจจกุกกุจจะ ได้แก่ ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ถ้าเราอยู่ในช่วงที่มีเรื่องฟุ้ง กังวล คิดไปสารพัด ทำให้ไม่ได้งานเพราะมัวแต่ใจลอยคิดมากทำให้งานไม่เกิด
 
5.วิจิกิจฉา ได้แก่ ความลังเล สงสัย เมื่อจะทำงานก็มีความลังเลไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร ไม่รู้จะไปทางไหนดี

 
     นิวรณ์ทั้ง 5 นี้คือเครื่องกีดขวางความสำเร็จและเป็นเหตุให้เราเกิดความขี้เกียจขึ้นมา


หลักธรรมใดที่ช่วยแก้ไขความขี้เกียจได้บ้าง?
 
 
รู้ทันความขี้เกียจเมื่อใดที่ประโยชน์ชัดเจนความพากเพียรจะตามมา
 
 
     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์กล่าวไว้ว่า อิทธิบาท 4 คือ หนทางนำไปสู่ความมีฤทธิ์หรือความสำเร็จ

1.ฉันทะ ความรัก ความเต็มใจที่จะทำงาน
2.วิริยะ ความพากเพียร อุตสาหะ
3.จิตตะ ความมีใจจดจ่อ
4.วิมังสา ความเข้าใจในงานที่ทำ

     ทั้ง 4 อย่างนี้คือสิ่งที่จะทำให้เราเอาชนะความขี้เกียจและนำไปสู่ความสำเร็จ เริ่มจากฉันทะ ท่านกล่าวไว้ว่า จะเกิดขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ เมื่อรู้ว่าทำแล้วเราจะได้ประโยชน์อย่างไรก็จะเกิดความอยากทำขึ้นมา เช่น ถ้ามีประชุมคน 100 คน ขอรับสมัครคนทำงานก่อนสักชั่วโมงให้ค่าตอบแทนแสนบาท  เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ทำมีประโยชน์และคุ้มค่าจึงเกิดความตั้งใจที่จะทำงาน
 
    แต่มีข้อเปรียบเทียบแบบให้เห็นชัดเจนว่า เมื่อใดที่ประโยชน์ชัดเจนคนจะมีความรู้สึกอยากทำ แต่ถ้าเป็นประโยชน์แบบไกลๆ ไม่ค่อยชัดเจนนัก ความรู้สึกอยากทำก็น้อยลง เช่น เด็กเรียนหนังสือรู้หรือไม่ว่าจบมาแล้วจะมีงานดีๆทำ  ถ้าเรียนก็จะทำให้มีอนาคตที่ดีซึ่งรู้กันอยู่ทุกคน แต่ต้องใช้เวลากว่าหลายปีจึงทำให้รู้สึกท้อบ้าง แต่ถ้าขยันชั่วโมงเดียวสำเร็จทั้งชีวิตคงขยีนกันหมดทั้งโลก  เมื่อระยะเวลาที่นานอาจทำให้ขยันบ้างไม่ขยันบ้าง แต่โดยสรุปแล้วคือ  เมื่อใดก็ตามที่เห็นประโยชน์ที่ชัดเจน  รวดเร็วเท่าไหร่ฉันทะจะเกิดและวิริยะความพากเพียรจะตามมา
 

อยากประสบผลสำเร็จเรื่องการเรียน มีเคล็ดลับอย่างไร?
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
ทำตารางชีวิตเราให้เป็นระเบียบ
 
 
     เรื่องการเรียนทุกคนต้องมีประสบการณ์ที่ผ่านมาค่อนข้างคล้ายกัน คือ เมื่อสอบไล่ปลายภาคและเกรดออกต้องดูเกรดก่อน  พอผลที่ออกมาไม่ค่อยด๊ก็ตั้งใจว่าเทอมหน้าต้องตั้งใจเริ่มใหม่  เมื่อเปิดเทอมใหม่ก็ตั้งใจจะขยันอ่านหนังสือตามความตั้งใจแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะเห็นเพื่อนๆไปเที่ยวเล่นสนุกสนาน คิดว่าไม่อ่านวันนี้คงไม่เป็นไรพรุ่งนี้ค่อยอ่านต่อคงไม่เป็นไร  จึงปล่อยผ่านไปทุกวันๆ จนกระทั่งตอนสอบจึงค่อยมาอ่านเมื่อผลก็ออกมาก็เป็นเหมือนเดิม ปรากฏว่าเป็นแบบนี้ทุกเทอมตั้งแต่ประถมจนจบมหาวิทยาลัย
 
     ซึ่งเด็ก 80-90% ส่วนใหญ่เป็นกัน พบว่าการอ่านหนังสือแต่ละครั้งต้องใช้กำลังเป็นอย่างมาก แต่ความจริงมีวิธีที่ดีกว่านั้น คือ ทำตารางชีวิตเราให้เป็นระเบียบทั้งเรื่องการบ้าน เรื่องงาน อ่านหนังสือ ทบทวนวิชาเรียน  เมื่อทำได้เป็นประจำจนติดเป็นนิสัยจะพบว่าเมื่อถึงเวลาเราจะทำเองโดยอัตโนมัติ ซึ่งใช้ความพยายามในตอนต้นเท่านั้น แต่ใครที่ไม่มีกิจวัตรประจำวันแบบนี้ตั้งแต่เล็กจนโต  ทุกครั้งที่หยิบหนังสือมาอ่านต้องใช้กำลังใจอย่างยิ่งยวดทุกครั้งมากกว่าการทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน  ทำให้คุ้นเป็นนิสัยซึ่งจะติดตัวเราไปตลอดเราก็จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ        
 
 
เรียนไม่รู้เรื่อง จะแก้ไขอย่างไรดี?


รู้ทันความขี้เกียจ
แม้เราจะไม่เก่ง แต่ให้เรามีความตั้งใจ
 
 
     มีตัวอย่างของคนที่ไม่ชอบเรียนในบางวิชา แต่ต่อมาอีก 1-2 ปี กลับเป็นคนที่ชอบวิชานั้นไปได้ เมื่อดูจะพบว่าสาเหตุเกิดจากการดูว่าตนเองทำได้หรือไม่ เพราะวิชาไหนที่ทำได้ก็จะชอบเป็นพิเศษคิดว่าเรียนสู้คนอื่นได้  ฉะนั้นการรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องบางครั้งอยู่ที่จุดเริ่มต้น เช่น เรียนวิชานั้นตอนต้นมาแล้วมีเหตุไม่สบาย  ไม่ได้ไปโรงเรียนหรือไปสนใจสิ่งอื่นกระทั่งละเลยไป
 
     ทำให้พื้นฐานไม่พอทำให้เป็นวิชาที่ไม่ค่อยชอบส่งผลให้คะแนนไม่ดี ถ้าหากเราทุ่มเทมากขึ้นสิ่งไหนที่ทำไม่ได้ยิ่งทุ่มเทเป็นพิเศษ และดูแบบจริงจังจนกระทั่งรู้เรื่อง จะพบว่าเราพ้นจากโรคภูมิแพ้วิชานั้นแล้ว กลายเป็นวิชาที่ชอบหรือเป็นวิชาโปรดแทน ต้องเอาใจจดจ่อและมีความเข้าใจในการศึกษาในการเรียนต้องอดทนผ่านไปให้ได้  ถึงแม้เราจะไม่เก่ง แต่ให้เรามีความตั้งใจ ทำอย่างเต็มที่ความสำเร็จรอเราอยู่ข้างหน้า
 

ทำไมคนจีนจึงได้ชื่อว่าเป็นคนขยัน?
 

รู้ทันความขี้เกียจ
หล่อหลอมจนฝังเป็นวัฒนธรรมของชาติ
 
 
     เรารู้ประวัติศาสตร์ของจีนมาค่อนข้างมาก ทุกคนที่โตมาต้องสู้กันทุกคน เป็นชีวิตที่ต้องปากกัด ตีนถีบเพราะมีคู่แข่งมาก ฉะนั้นคนจีนจึงถูกสถานการณ์แวดล้อมหล่อหลอมจนฝังเป็นวัฒนธรรมของชาติ ทุกคนใฝ่ฝันความสำเร็จ ปลุกฝังกระทั่งว่าแม้แต่ขอทานยังสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ นำตัวอย่างที่ดีจากประวัติศาสตร์มาสอน เช่น จูหยวนจาง ปฐมฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หมิง  อดีตเป็นแค่คนขอทานต่อมาไปเป็นหลวงจีนและศึกมามีภรรยาและลูกของหัวหน้าโจร สู้จนกระทั่งขับไล่มองโกลออกจากประเทศได้สำเร็จ  จึงสถาปนาราชวงศ์หมิงครองอำนาจในจีนอยู่เป็นเวลา 300 ปี
 
     คนจีนจึงนำมาสอนกันว่า แม้แต่ขอทานยังก้าวมาเป็นฮ่องเต้ได้ แล้วทำไมลูกฉันจะเป็นฮ่องเต้ไม่ได้ คนจีนทุกคนเกิดมาพ่อแม่จึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับลูก อนาคตลูกต้องเป็นสุดยอดในสังคมจีน เด็กจีนทุกคนจึงมีความใฝ่ฝันและมีความทะเยอทะยาน ทำถูกหลักในการปลูกฝังฉันทะ  เพราะล้วนมีความฝันสูงและหนทางของความฝันคืออะไรที่จะทำให้ก้าวไปตรงนั้น จำเป็นต้องมีความรู้ จึงจ้องพยายามเรียนหนังสือ เมื่อมีโอกาสมาเมื่อไหร่ต้องทุ่มเท
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
ปลูกฝังลูกให้ประสบความสำเร็จ
 

     มีตัวอย่างเล่าต่อกันมา สมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าบางคนครอบครัวยากจนมากทั้งวันต้องชายงานในสวน ไร่นาพ่อแม่ ตกกลางคืนจะอ่านหนังสือเพราะไม่มีเวลาอ่านกลางวันบางคนต้องปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านเพื่ออ่านหนังสือ  บางคนไปจับจิ้งหรีดมาห่อผ้าไว้เพื่ออาศัยแสงจากจิ้งหรีดเพราะไม่มีเงินซื้อแม้กระทั่งเทียนไข  คนจีนมีเรื่องเล่ามากมายที่มาเล่าให้ลูกหลานฟังตั้งแต่ยังเล็กทำให้เด็กจีนถูกปลูกฝังมาตลอด พ่อแม่จีนแต่ละคนจะมีคำติดปากว่า "สิ่งใดที่ข้าพเจ้ายังทำไม่สำเร็จ จะทุ่มเทให้ลูกมาทำให้สำเร็จ" ซึ่งถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ความหวังของพ่อแม่จึงฝากไว้กับลูก  ตนเองทำสุดชีวิตยังไม่สำเร็จไม่เป็นไรเพราะลูกจะมารับภาระนี้แทน จึงฝึกลูก ดูแลและให้ได้รับการศึกษาอย่างดีที่สุด เพราะชีวิตคนเราสั้นจึงต้องมีคนมารับผิดชอบต่อ
 
      คนจีนจึงมีคติที่ว่า อกตัญญูมีอยู่ 3 ไร้ทายาท จัดอยู่อันดับหนึ่ง ไม่มีทายาทถือเป็นการอกตัญญูจึงต้องพยายามมีลูกและถ่ายทอดความฝันให้แก่ลูก  เพื่อให้มาสร้างชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ลูกหลานทุกคนต้องคำนึงถึงพ่อแม่และบรรพบุรุษ เพื่อพยายามทำให้ดีที่สุด ซึ่งฝากกันมารุ่นต่อรุ่น ในภาวะสังคมที่แข่งขันกันมาก ทุกคนต้องสู้ดังนั้นเมื่อใครที่ให้โอกาสแก่เขา เขาจะรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากและเห็นคุณค่าของโอกาส ตระหนักสำนึกในพระคุณ คนจีนจึงมีคติว่าบุญคุณต้องทดแทน ของไทยเราจึงไม่เข้มแข็งเท่ากับของจีน ทำให้ประเทศจีนพัฒนาประเทศได้รวดเร็ว ตั้งแต่ที่เติ้ง เสี่ยวผิงเปิดประเทศใช้ระบบการตลาดเข้ามาถือเป็นโอกาสที่ดี จึงทำให้ทุกคนทุ่มเทสุดชีวิต สังคมโดยรวมจึงเกิดการเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งสอดคล้องตามหลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 

ขยันเกินกลัวเครียด จะขยันอย่างไรให้มีความสุข?


รู้ทันความขี้เกียจ
การทำงานในแบบ Active
 
 
     คนที่ทำงานอย่างนี้เขามีความสุขที่ได้ทำงาน ถ้าเมื่อไหร่ที่ไม่ได้ทำงานจะเฉามาก บางคนทำงานมาทั้งชีวิต อายุ 70-80 ก็ยังทำเพราะทำถึงมีความสุข เมื่อไหร่ที่ลูกบอกให้อยู่บ้านเพราะอายุมากแล้วเกิดอาการเฉาชีวิตได้  คนที่เป็นนักทำงานระหว่างที่ทำงานหนักๆเขามีความสุข
 
   ขึ้นอยู่กับว่าเราทำแบบเป็นผู้กระทำหรือถูกบังคับให้กระทำ ถ้าทำงานอย่าง Active ทำแบบเป็นผู้กระทำเราเป็นเจ้าของงาน ควบคุมการทำงานว่าทำมากทำน้อยเราจะไม่เครียด แต่ถ้าทำแบบ Passive เป็นการฝืนใจบังคับ ฝืนใจให้กระทำ เจ้านายเร่งมาไม่ทำก็ต้องโดน เมื่อเจองานมากๆเข้ายิ่งทำให้เครียดเพราะถูกบังคับให้ทำ
 

เทคโนโลยีปัจจุบัน มีส่วนทำให้เราขี้เกียจไหม?
 

รู้ทันความขี้เกียจ
รู้จักการเพาะปลูกเพื่อผลผลิตที่มากขึ้น
 
 
    ทำให้เราสะดวกมากขึ้นแต่จะขี้เกียจหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าเราดูสัตว์ที่หากินเองตามธรรมชาติไม่ใช่สัตว์เลี้ยง สัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติทั้งวันอยู่กับการหาอาหาร มนุษย์ในยุคโบราณที่ยังเป็นลักษณะเร่ร่อนอยู่ก็คล้ายๆสัตว์ อาศัยอยู่ในถ้ำ ถือตะบองตระเวนไปหาผลไม้ป่าหรือล่าสัตว์มาบ้างเพื่อเป็นอาหารซึ่งก็วุ่นอยู่กับการหาอาหาร
 
     การปฏิวัติครั้งใหญ่ของมนุษย์คือการปฏิวัติเกษตรกรรม เราเคยได้ยินแต่ปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่การปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่กว่าคือเกษตรกรรม เกิดขึ้นเมื่อมนุษย์รู้จักการเพาะปลูก จะกินก็ไม่ต้องไปเดินหาในป่าแต่ปลูกสวนผลไม้ ปลูกข้าวซึ่งได้มากกว่าการหาเก็บ เมื่อเกิดการปฏิวัติทำให้มนุษย์ผลิตอาหารได้คราวละมากๆ  มากจนเพียงพอที่จะกินแล้วเหลือทำให้มีคนบางกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องผลิต  เพราะถ้าทุกคนทำนาทั้งหมดทำให้ข้าวเหลือกิน บางส่วนจึงแยกมาทำไร่สวนผลไม้ที่เหลือก็ไปเป็นช่างฝีมือ ประดิษฐ์ประดอยข้างของเครื่องใช้ ทอผ้าและต่างๆ
 
     มีชนชั้นปกครองอยู่ลงไปเป็นเมืองเกิดขึ้น บางคนก็ใช้เวลาทั้งวันในการแต่งโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนและสร้างวรรณกรรมซึ่งถ้าเป็นยุคเร่ร่อนไม่สามารถทำได้เพราะทุกคนต้องตั้งหน้าตั้งตาหาอาหารเท่านั้น  แต่เมื่อมีการปฏิวัติทางการเกษตรเกิดขึ้นจึงสามารถกันคนส่วนหนึ่งของสังคมที่ไม่ต้องทำงานอย่างคนอื่น  แต่มาใช้สร้างสรรค์อารยธรรมของมนุษย์ในยุคของเกษตรกรรมอารยธรรมจึงเกิดขึ้นอย่างจริงจัง
 
 
รู้ทันความขี้เกียจ
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
 

     เมื่อเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็เป็นการต่อยอด ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีการพัฒนาสิ่งต่างๆเพื่อให้สะดวกสบายมากขึ้นกว่าเดิมทำให้ชีวิตง่ายขึ้น  ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ทำให้เราขี้เกียจหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้เวลาทำอะไร  คนในยุคนี้ยุ่งกว่ายุคก่อนมากเพราะต้องมีการติดตามข้อมูลข่าวสารให้ทัน  เพื่อแข่งขันกันถ้าไม่ตามเดี๋ยวไม่ทันสู้คนอื่นไม่ได้
 
     เทคโนโลยีความสะดวกทำให้ชีวิตเราเองง่ายขึ้นแต่เมื่อง่ายขึ้นไม่ใช่คนจะขี้เกียจขึ้นแต่กลายเป็นยั่งกว่าด้วยซ้ำ  จะขี้เกียจหรือขยันขึ้นอยู่กับนิสัยของคนๆนั้นว่าจะใช้เวลาที่เหลือทำอะไร  แต่ถ้าใช้เวลาที่เหลือที่ประหยัดได้ไปทำกิจที่เป้นประโยชน์อย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นการแสวงหาความรู้หรือทำงานเพิ่มเติมก็ตาม เป้นการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกวิธี ทำให้เราเองใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
 
 
 
รับชมวิดีโอ
 

รับชมคลิปวิดีโอรู้ทันความขี้เกียจ
ชมวิดีโอรู้ทันความขี้เกียจ    Download ธรรมะรู้ทันความขี้เกียจ




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
บอกข่าวร้ายแบบไม่ทำร้ายคนฟัง บอกข่าวร้ายแบบไม่ทำร้ายคนฟัง

ความสุข ทำอย่างไรให้มีความสุขความสุข ทำอย่างไรให้มีความสุข

รับมือกับความผิดหวังรับมือกับความผิดหวัง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

Review รายการ