ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 3


[ 6 ส.ค. 2549 ] - [ 18267 ] LINE it!
View this page in: 中文

 
 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  พระเตมีย์   ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี  ตอนที่ 3
 
    จากตอนที่แล้ว ได้กล่าวถึงอดีตกาลในกรุงพาราณสี ได้มีพระเจ้ากาสิกราชปกครองไพร่ฟ้าด้วยความร่มเย็นมาช้านาน แต่โดยส่วนพระองค์แล้วไม่ค่อยทรงสบายพระหฤทัยนัก เพราะทรงครองราชย์มานานแล้ว แต่ไม่มีพระโอรส หรือธิดาแม้เพียงพระองค์เดียว ชาวเมืองถึงกับมาชุมนุมกันร้องเรียนขอให้ทรงมีพระโอรสบ้าง
 
พระองค์จึงทรงรับสั่งให้ประชุมพระสนมกำนัล และพราหมณาจารย์ทั้งหลาย ให้ทำพิธีบวงสรวงอ้อนวอนเทวดาเพื่อขอพระโอรส แต่แม้จะทำพิธีผ่านไปนานแล้ว ก็ยังไม่มีพระเทวีองค์ใดให้กำเนิดพระโอรสเลยส่วนพระนางจันทาเทวี ผู้เป็นพระอัครมเหสี ทรงเห็นว่าแม้พระนางก็ควรจะทำความปรารถนาบุตรดูบ้างเมื่อถึงวันพระขึ้น 15 ค่ำ จึงสมาทานอุโบสถศีล แล้วตั้งสัจจอธิษฐานว่า ด้วยอำนาจแห่งศีลนี้ขอให้มีพระโอรสด้วยเถิด
 
    ด้วยอานุภาพแห่งศีลบารมีที่พระนางจันทาเทวีทรงบำเพ็ญดีแล้ว กอปรกับแรงสัจจอธิษฐานนั้น  ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ของท้าวสักกเทวราชผู้ปกครองภพดาวดึงส์จึงเกิดอาการร้อนขึ้น  เป็นเหตุให้ท้าวเธอร้อนรุ่มพระหฤทัยจนไม่อาจทนนิ่งเสวยทิพยสมบัติเป็นปกติสุขได้ จึงทรงสอดส่องทิพยเนตรตรวจดู ก็ทรงเห็นเหตุชัดเจนว่า พระนางจันทาเทวีทรงปรารถนาพระโอรสจึงทรงกำหนดในพระหฤทัยว่า เราจะให้พระโอรสแก่พระนางเจ้า ทรงพิจารณาดูว่า เทพบุตรองค์ใดหนอจะมีบุญญาธิการมากพอจะเป็นพระโอรสของพระนางเจ้าได้ ก็ทรงเห็นว่า มีเทพบุตรอยู่องค์หนึ่ง ชาติก่อนเคยเป็นพระเจ้ากรุงพาราณสี เสวยราชสมบัติอยู่เพียง 20 ปี
 
    เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว เพราะบาปที่สั่งลงทัณฑ์นักโทษ โดยสั่งจำขังบ้าง สั่งประหารด้วยวิธีการต่างๆ บ้าง จึงไปเกิดอยู่ในอุสสุทนรก ขุมบริวารของสัญชีวมหานรกอยู่ 8 แปดหมื่นปีเมื่อพ้นจากอุสสทนรกนั้นแล้ว ได้มาเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งบัดนี้ใกล้ที่จะจุติขึ้นไปเกิดในสวรรค์ชั้นที่สูงขึ้นไป
 
    ท้าวสักกเทวราช ทรงใคร่ครวญถึงเหตุนั้นแล้ว ก็ตกลงพระทัยที่จะเชื้อเชิญเทพบุตรผู้มากด้วยบุญญาธิการ มาถือปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางจันทาเทวี จึงเสด็จออกจากเวชยันต์ปราสาทด้วยราชรถอันตระการตา ไม่ช้าก็ไปปรากฏยังทิพยวิมานของเทพบุตรองค์นั้น ซึ่งมีรัศมีกายสว่างเรืองรองต่างจากเทพบุตรองค์อื่น ขณะเทพบุตรนั้น กำลังเสวยทิพยสมบัติอันโอฬารอย่างสุขสำราญภายในวิมานของตน เมื่อเสด็จเข้าไปประทับยืนใกล้เทพบุตรองค์นั้น ท้าวสักกะก็ตรัสเชื้อเชิญว่า “ข้าแต่ท่านผู้เปี่ยมด้วยบุญญาธิการ ขอท่านจงไปบังเกิดในครรภ์ของพระนางเจ้าจันทาเทวี อัครมเหสีของพระเจ้ากาสิกราชในเมืองพาราณสีด้วยเถิด เพราะบัดนี้เป็นโอกาสอันดี ที่ท่านจะได้บำเพ็ญบารมีให้บริบูรณ์ เพื่อประโยชน์สุขแก่โลกสืบไป”
 
    เทพบุตรโพธิสัตว์ได้สดับคำเชื้อเชิญของท้าวสักกะเช่นนั้น ก็มีความปีติยินดี ด้วยปรารถนาจะสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยมในเร็ววัน เพื่อมุ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นที่สุด  จึงตัดสินใจรับคำเชื้อเชิญของท้าวสักกเทวราช ส่วนเทพบุตรบริวารของพระโพธิสัตว์อีก 500 องค์ ก็ถึงเวลาใกล้จะจุติเช่นเดียวกัน จึงรับอาสาว่า แม้พวกตนก็ขออาสาที่จะจุติลงไปเกิดเพื่อเป็นบริวารของท้าวเธอ
 
    ในราตรีนั้น เทพบุตรโพธิสัตว์จึงจุติลงสู่พระครรภ์ของพระนางเจ้าจันทาเทวี ส่วนเทพบุตรบริวารทั้ง 500 องค์นั้น ก็จุติลงมาบังเกิดในครรภ์แห่งภรรยาของอำมาตย์ทั้งหลาย ในคืนที่เทพบุตรโพธิสัตว์เสด็จจุตินั้น พระนางเจ้าจันทาเทวีมีความรู้สึกประหนึ่งว่า พระอุทรของพระนางเต็มไปด้วยแก้ววิเชียรอันสว่างไสว ทำให้ทรงแน่พระทัยว่าทรงตั้งพระครรภ์แล้ว ครั้นทรงตื่นบรรทมในเวลาเช้า พระนางเจ้าทรงมีพระทัยยินดี ปรารถนาจะให้พระราชสวามีทรงมีความยินดีเช่นเดียวกับพระนาง จึงเสด็จเข้าสู่ห้องสรง ทรงพระภูษาอันวิจิตร แล้วรีบเสด็จเข้าไปกราบทูลพระราชสวามีให้ทรงทราบ   
 
    เพียงได้สดับว่า พระอัครมเหสีจะทรงมีพระราชโอรสแด่พระองค์ พระราชาก็ทรงดีพระหฤทัยยิ่งนัก ด้วยทรงปรารถนาพระราชโอรสมาเป็นเวลานานเหลือเกินแล้ว จึงทรงพระราชทานเครื่องบริหารพระครรภ์แก่พระนาง กำชับเหล่านางสนมกำนัลให้คอยระวังรักษาพระครรภ์ และดูแลพระพลานามัยของพระนางเป็นอย่างดี นับแต่วันที่พระนางทรงพระครรภ์ พระเจ้ากาสิกราชก็ทรงเฝ้ารอคอยวันที่พระนางจะประสูติพระราชโอรสอย่างใจจรดใจจ่อ แม้เหล่าข้าราชบริพารและชาวเมือง ต่างก็มีความปลื้มปีติใจกันทั่วหน้า มีใจเบิกบานแจ่มใสไม่น้อยไปกว่าพระราชาของตน
 
    เมื่อพระนางจันทาเทวีทรงพระครรภ์ครบกำหนด ๑๐ เดือน ก็ทรงประสูติพระราชกุมารผู้มีพระฉวีวรรณผุดผ่อง ทรงเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยบุญลักษณะอย่างหาผู้เปรียบปานมิได้ ฝ่ายพระเจ้ากาสิกราชเล่า เมื่อได้ทรงทราบข่าวจากเจ้าพนักงานว่า พระอัครมเหสีทรงประสูติพระราชโอรสแล้วเท่านั้น ก็ทรงปรีดาปราโมทย์ มีปีติซาบซ่านไปทั่วพระราชหฤทัย    เกิดความรักในพระราชโอรสเป็นกำลัง  ราวกับผืนดินอันแห้งผากได้รับฝนอันฉ่ำชื่นในยามวสันตฤดู  จึงทรงดำริว่า
 
“ลูกเราเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด ย่อมไม่เกิดเพียงลำพังผู้เดียว จะต้องมีบริวารติดตามมาเป็นแน่แท้”
 
จึงตรัสเรียกเสนาบดีมาเข้าเฝ้า แล้วรับสั่งว่า
 
“ท่านจงไปเที่ยวสืบดูทีซิว่า ในเรือนของเหล่าอำมาตย์ในวันนี้นะ มีทารกเกิดขึ้นบ้างหรือไม่”
 
ท่านเสนาบดีรับคำว่า “รับด้วยเกล้าพะย่ะคะ ข้าพระองค์จะรีบตรวจค้นตามเรือนอำมาตย์ให้ทั่ว ขอพระองค์ทรงวางพระทัยเถิดพระเจ้าข้า”แล้วก็เป็นจริงดังที่พระเจ้ากาสิกราชคาดการณ์ไว้ เพราะไม่ว่าท่านเสนาบดีจะไปสู่เรือนของอำมาตย์คนใด ก็ล้วนมีทารกที่กำเนิดในวันนั้นทั้งสิ้น เป็นที่อัศจรรย์ว่าในวันนั้น มีกุมารเกิดพร้อมกันจำนวนมากถึง 500 คน
    ท่านเสนาบดีทราบความนั้นแล้วก็รีบกลับมาเข้าเฝ้าพระราชา กราบทูลว่า “ขอเดชะ พระอาญาไม่พ้นเกล้า ในวันนี้ภรรยาของเหล่าอำมาตย์ได้ให้กำเนิดบุตร 500 คนพร้อมกัน พระเจ้าข้า”  ส่วนพระเจ้ากาสิกราชเมื่อทรงสดับข่าวสารอันเป็นมงคลนั้นแล้ว ก็ทรงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จะทรงรับสั่งประการใด เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
โดย : หลวงพ่อธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 4ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 4

ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 5ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 5

ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 6ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 6



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก