"หมอแท้จริง"ได้ทีรุก เอาโทษเมาแล้วขับ "จำคุก"สถานเดียว


[ 24 เม.ย. 2550 ] - [ 18263 ] LINE it!

"หมอแท้จริง"ใช้วิกฤตเป็นโอกาสหลังถูกคนขับเมาพุ่งชนเก๋งเจ็บพร้อมภรรยา รณรงค์เสนอโทษเมาขับจำคุกสถานเดียว ผบช.ภ.1 สั่งดำเนินคดีคู่กรณีเด็ดขาด



กรณี นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พร้อมด้วย พญ.ภัทราวดี ศิริพานิช ภรรยา และ น.ส.คำเพียร บุญศรี แม่บ้าน ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ถูกรถเก๋งซึ่งมีนายอานนท์ พงษ์สว่าง อายุ 33 ปี ขับชนท้ายบริเวณถนนเทศบาล 4 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ทั้ง 3 คน ได้รับบาดเจ็บและถูกนำส่งโรงพยาบาลสระบุรี ซึ่งผลเอ็กซเรย์ร่างกาย นพ.แท้จริงแล้วไม่พบสิ่งใดผิดปกติ มีฐานนิ้วก้อยซ้ายที่แตกต้องเข้าเฝือกนิ้วไว้ ส่วนภรรยาและแม่บ้านปลอดภัยบาดเจ็บเล็กน้อย สำหรับนายอานนท์คู่กรณีตำรวจอยู่ระหว่างนำส่งตรวจเช็คระดับแอลกอฮอล์นั้น

เมื่อวันที่ 23 เมษายน ร.ต.ต.อุดร ขัดแก้ว ร้อยเวร สภ.อ.เมืองสระบุรี เปิดเผยว่า แจ้งข้อหานายอานนท์ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย พร้อมทั้งได้ให้ทางโรงพยาบาลมิตรภาพสระบุรี ตรวจวัดแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดของนายอานนท์ ต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน จึงจะทราบผล

เวลา 09.20 น. พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ รักษาการ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เยี่ยมอาการของ นพ.แท้จริงและภรรยา พร้อมสั่งกำชับให้ พ.ต.อ.หัสนัย จันทร์ฉายะ รอง ผบภ.ภ.จว.สระบุรี เร่งคดีให้เร็วหากพบว่าคนขับรถคู่กรณีมีเมาสุราเกินกฎหมายกำหนดให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด ส่วน นพ.แท้จริง พร้อมภรรยา และแม่บ้าน เดินทางกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านพักในกรุงเทพมหานครแล้ว

ทางด้าน นพ.แท้จริง เปิดเผยว่า คืนที่เกิดเหตุขับรถด้วยความเร็วเพียง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่คนขับเร็วอะไร แต่อยู่ๆ ก็มีรถเก๋งขับมาชนท้ายอย่างจัง จนทำให้รถพุ่งชนกับกำแพงข้างทาง เป็นเหตุให้กระดูกนิ้วมือซ้ายแตกหัก 2 นิ้ว คิ้วซ้ายแตก และเจ็บบริเวณทรวงอก ขณะที่ภรรยาและแม่บ้านได้รับบาดเจ็บเพียงแผลฟกช้ำดำเขียว หลังเกิดเหตุพยายามเข้าไปเจรจากับคู่กรณี พบว่าคู่กรณีมีอาการของการดื่มสุรา เนื่องจากกลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก อย่างไรก็ตาม นับว่าโชคดีที่ไม่ต้องมาเสียชีวิตเพราะคนเมา

นพ.แท้จริงกล่าวว่า แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะมีกฎหมายลงโทษผู้ขับรถขณะเมาสุรา โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่แข็ง แต่เมื่อนำมาบังคับใช้จริงกลับเป็นกฎหมายที่นำมาบังคับใช้ได้น้อยมาก หากเทียบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบอุบัติเหตุในแต่ละครั้ง ทั้งๆ ที่หากมีการบังคับใช้กฎหมายให้ผู้ขับรถขณะเมาสุราต้องจำคุกสถานเดียว ก็จะเกิดการเกรงกลัวและไม่กล้าฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ความเป็นจริงบทลงโทษกลับเป็นเพียงปรับและรอลงอาญาเท่านั้น ขณะที่มาตรการและบทลงโทษในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย แรงมาก เนื่องจากหากใครขับรถขณะเมาจะจับกุมและจำคุกทันที

"จากนี้ไปผมจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสรณรงค์ถึงอันตรายจากการเมาแล้วขับให้มากขึ้น และผมก็จะเป็น 1 ในเหยื่อรณรงค์ด้วย หลังจากพักฟื้นจนอาการดีขึ้นแล้ว คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะทำงานได้ทันที" นพ.แท้จริงกล่าว

ขณะที่ นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยถึงสถิติการคุมความประพฤติคดีขับรถขณะเมาสุราในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 11-17 เมษายนที่ผ่านมาว่า จากการสำรวจสถิติคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจรทางบกจากสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ พบว่า ใน 7 วันอันตรายของเทศกาลสงกรานต์ปี 2550 มีผู้เมาแล้วขับถูกจับคุมประพฤติ 4,077 คน ขณะที่ปี 2549 มีผู้ถูกคุมประพฤติในช่วง 10 วันอันตรายจำนวน 4,841 คน ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า มีการจับกุมผู้ที่เมาแล้วขับสูงขึ้นประมาณ 10%

"กรมคุมประพฤติจะส่งผู้ที่ถูกศาลสั่งคุมประพฤติไปทำงานบริการสังคม โดยจะเน้นให้ทำงานดูแลผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหรือพิการจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับในโรงพยาบาลต่างๆ หากตรวจสอบพบผู้ที่ถูกคุมประพฤติจากการเมาแล้วขับมากระทำความผิดซ้ำ กรมคุมประพฤติจะทำรายงานเสนอให้ศาลขยายระยะเวลาการคุมประพฤติให้นานขึ้น" อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าว

นายวันชัยกล่าวอีกว่า สำหรับ 10 อันดับจังหวัดที่มีผู้ถูกคุมประพฤติจากการเมาแล้วขับ ได้แก่ กรุงเทพฯ 397 คดี บุรีรัมย์ 357 คดี สุรินทร์ 266 คดี นครราชสีมา 199 คดี สกลนคร 192 คดี ลำปาง 189 คดี ขอนแก่น 156 คดี ชลบุรี 140 คดี อุบลราชธานีและนนทบุรี จังหวัดละ 121 คดี ยโสธร 83 คดี

นายวันชัยกล่าวด้วยว่า กฎหมายจราจรทางบกที่กำหนดบทลงโทษเอาไว้ต่ำ ทำให้ผู้ขับขี่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย แม้แต่เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ยังถูกคนเมาขับรถยนต์มาชนจนได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องยกร่างแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก เพื่อเพิ่มโทษคดีขับรถขณะเมาสุรา จากเดิมมีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 10,000 บาท เมื่อจำเลยรับสารภาพโทษจำคุกและปรับจะลดลงครึ่งหนึ่ง ทำให้คุมประพฤติได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ จำเป็นต้องเสนอแก้ไขเป็นจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยการแก้ไขกฎหมายจะทำให้ศาลสามารถสั่งคุมประพฤติได้นานขึ้น แม้จำเลยจะรับสารภาพก็ยังคุมประพฤติได้อีก 6 เดือน

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยอ้างองค์การอนามัยโลก (ฮู) ว่า แต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถบนท้องถนนทั่วโลกราว 1.2 ล้านคนและบาดเจ็บอีกนับล้านคน โดยเฉลี่ยผู้เสียชีวิตอายุต่ำกว่า 25 ปี มี 1 พันคนต่อวันโดย 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตอยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางหรือต่ำในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งในรายงานระบุด้วยว่าอุบัติเหตุทางรถบนท้องถนนเป็นต้นเหตุของผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก
ของกลุ่มคนอายุระหว่าง 15-19 ปี หมายถึงผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนมีมากกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์

ทางฮูระบุว่าส่วนหนึ่งของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในเอเชียเป็นกลุ่มขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ทั้งนี้รถมอเตอร์ไซค์เป็นรถประจำครอบครัวในหลายประเทศในเอเชีย ผู้ขับขี่ไม่ยอมสวมหมวกกันน็อค ขับด้วยความเร็ว และเมาแล้วขับ ฮูเปิดเผยด้วยว่าการสวมหมวกกันน็อคช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ 40 เปอร์เซ็นต์และป้องกันการได้รับบาดเจ็บได้ 72 เปอร์เซ็นต์ 
 
 
 
 
ที่มา-


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สุราทำลายสุขภาพหญิงเร็วกว่าชายสุราทำลายสุขภาพหญิงเร็วกว่าชาย

วธ.พบหน่วยงานราชการขาดศาสนพิธีกรวธ.พบหน่วยงานราชการขาดศาสนพิธีกร

แฮปปี้ โยนหินกระทบธุรกิจปลดล็อก 'วันหมด'แฮปปี้ โยนหินกระทบธุรกิจปลดล็อก 'วันหมด'



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

DMC NEWS