ข่าวน้ำท่วม 2557 น้ำจะท่วมใหญ่อีกครั้งเหมือนปี 2554 หรือไม่


[ 15 ก.ย. 2557 ] - [ 18270 ] LINE it!

เกาะติดสถานการณ์น้ำท่วมลาสุด น้ำท่วม 2557
ปีนี้น้ำจะท่วมเหมือนปี 2554 หรือไม่ มาวิเคราะห์กัน
 
ข่าวน้ำท่วม
 
 
 
ปทุมฯ-อยุธยา ลุ้นรับน้องน้ำ

     น้ำจะกลับมาท่วมใหญ่อีกครั้งเหมือนปี 2554 หรือไม่ เอาเข้าจริง นาทีนี้ไม่มีใครกล้าฟันธง แต่ภาพที่เห็น ไม่เพียงผักตบชวาถูกขุดลอกขึ้นมาจากหลายลำคลองกันโกลาหล กระสอบทรายกันน้ำท่วม ตามร้านค้าวัสดุก่อสร้าง เริ่มกลับมาเป็นอีกสินค้าขายดีที่น่าจับตา

     วิษณุ ดาวอร่าม หัวหน้าฝ่ายการโยธา เทศบาลเมืองท่าโขลง อ.คลองหลวง ปทุมธานี หนึ่งในพื้นที่ลุ้นระทึกว่า ปีนี้จะแจ็กพอตแตก เจอมวลน้ำก้อนใหญ่เหมือนเมื่อ 3 ปีที่แล้วอีกหรือไม่ กำลังง่วนอยู่กับการสั่งขนผักตบชวาที่ลอกขึ้นมาจากคลองระบายน้ำที่ 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ปทุมธานี ใส่รถบรรทุกนำไปกำจัด

     เขาบอกว่า คลองดังกล่าวที่จริงอยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน แต่ทางเทศบาลเมืองท่าโขลง ได้รับคำร้องเรียนจากชาวบ้านริมคลองจำนวนมาก ให้ช่วยกำจัดผักตบที่ขึ้นแน่นขวางทางน้ำอยู่ นอกจากชาวบ้านใช้คลองสัญจรไม่ได้ น้ำในคลองยังส่งกลิ่นเน่าอบอวล

     “ไม่มีใครบอกได้หรอกครับว่า ปีนี้น้ำจะกลับมาท่วมหนักเหมือนเมื่อปี 54 อีกหรือไม่ แต่เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ แม้คลองนี้เฉพาะในเขตรับผิดชอบของเทศบาลเมืองท่าโขลง เริ่มจากประตูน้ำพระอินทร์ ถึงหน้าวัดบางขัน มีระยะทางยาวถึง 9 กิโลเมตร ตลอดลำคลองเต็มไปด้วยผักตบ เพื่อความผาสุกและอบอุ่นใจของพี่น้องประชาชน ยังไงเราก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือไว้ก่อน”

     วิษณุบอกว่า ในส่วนของเทศบาลฯ ได้นำรถตักหน้า-ขุดหลัง ไปเข้าร่วมภารกิจนี้ วันละ 2 คัน กับรถบรรทุกหกล้อ ขนผักตบไปทิ้งอีก 2 คัน ขณะที่ทหารช่างจาก จ.ราชบุรี นำเรือสายพานช้อนผักตบ 1 ลำรถบรรทุก ของทหารอีก 6 คัน กับรถแบ็กโฮอีก 3 คัน มาร่วมภารกิจ นอกนั้นเป็นโป๊ะแบ็กโฮขุดตักของกรมชลประทาน

      ปลายทางของผักตบส่วนหนึ่ง ถูกโรงงานกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ มาขนซากนำไปตากแห้ง ใช้เผาเป็นเชื้อเพลิงปั่นกระแสไฟฟ้า อีกส่วนนำไปทำเป็นปุ๋ยที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ

       อย่างไรก็ตาม วิษณุสารภาพว่า ต่อให้ภารกิจที่ทั้ง 3 หน่วยงานร่วมกัน เร่งดำเนินการอยู่ขณะนี้สามารถลอกผักตบขึ้นจากลำคลองยาว 9 กม.
ได้สำเร็จ แต่ถ้าน้ำยังมามากแบบปี 54 ยังไงก็เอาไม่อยู่

     “อย่าลืมว่า เราแค่ลอกผักตบขึ้นจากคลอง ยังไม่ได้ขุดลอกคูคลองด้วยนะ ถ้าน้ำมาหนักแบบปี 54 ยังไงก็เอาไม่อยู่ แต่ปีนี้ คงไม่เป็นอย่างนั้น เพราะน้ำคลองนี้ไหลมาจากเขื่อนป่าสักฯ”

     ศุทวัฒน์ ชนะรัฐเศรษฐ์ เจ้าของ หจก.วินัยค้าวัสดุก่อสร้าง ริม ถ.บางขัน-เชียงราก ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง ปทุมธานี บอกว่า

      แม้ว่าช่วงนี้มวลน้ำก้อนใหญ่ ยังไม่มาเยือนชาวคลองหลวง อย่างเช่นเมื่อปี 2554 แต่จากประสบการณ์คนเคยโดนน้ำเล่นงานมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน ศุทวัฒน์หยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนคาดสถานการณ์ว่า

     “ถ้าช่วงนี้ ฝนไม่เทหนักลงมาอีกหลายวัน ผมว่า ไม่น่ามีปัญหานะ”

      แต่ศุทวัฒน์เองรู้ดีว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่แน่นอนที่สุด คือความไม่แน่นอน อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ต่อให้ใครหรือทางการจะป่าวประกาศว่าเอาอยู่หรือไม่ก็ตาม ผู้ที่ไม่ประมาท เอะใจเอาไว้ บ้างเลือกใช้วิธีกันไว้ก่อนดีกว่าแก้ ปลอดภัยที่สุด

      สำหรับสนนราคาทรายนั้น เสี่ยวัฒน์บอกว่า ช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ทรายหยาบ รับมาจากบ่อทรายแถว อ.กำแพงแสน นครปฐม หรือจากบ่อทรายแถว อ.บางบาล อยุธยา ต้นทุนขนมาส่งให้ถึงที่ร้านของเขา ราคาคิวละ 350 บาท เขานำไปขายหน้าร้านต่อในราคาคิวละ 450 บาท

       เทียบกับวันนี้ ขนาดน้ำยังไม่ท่วม แค่มีข่าวแว่วๆ ราคาทรายหยาบต้นทุนส่ง คิวละ 380 บาทแล้ว จึงต้องตั้งราคาขายหน้าร้านอยู่ที่คิวละ 450-480 บาท ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าซื้อมากหรือน้อย ถ้าซื้อทีละเป็นคันรถ 6 ล้อ ก็ถูกลง

     “ทรายคิวหนึ่งมีประมาณ 70 ปุ้งกี๋ ตักแบ่งใส่ถุงปุ๋ยขาย 1 ถุง ต้องใช้ทรายราวๆ 3 ปุ้งกี๋ ฉะนั้น คิวหนึ่งจะกรอกทรายใส่ถุงปุ๋ยได้ราวๆ 20 กว่าถุง ขายถุงละ 35 บาท หักเป็นค่าถุงปุ๋ยสภาพใหม่ใบละ 8 บาท เฉพาะค่าทรายล้วนๆ เท่ากับถุงละ 27 บาท หรือตกปุ้งกี๋ละ 9 บาท”

       เสรี มีเศรษฐี หรือที่ชาวบ้านเรียกเขาว่า “ป๋าเบิ้ม” ประธานบ่อทรัพย์ทรายสยามที่ ต.วัดยม อ.บางบาล พระนครศรีอยุธยา เจ้าของเรือดูดและบ่อทรายขนาดใหญ่ใน อ.บางบาล ตั้งข้อสังเกตเป็นราย ถัดมาว่า

        แม้จะมีข่าวชาวบ้านริมตลิ่ง อ.บางบาล อาจโดนน้ำท่วม แต่ช่วงนี้ยอดสั่งซื้อทรายจากลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ยังเป็นปกติอยู่ หรือไม่มีวี่แววว่าจะสั่งของไว้กักตุนล่วงหน้า

       “คนที่มีบ้านติดตลิ่งอยู่ริมน้ำ แถวคลองโผงเผง ได้ข่าวว่าเริ่มเคลื่อนย้ายของหนีน้ำกันบ้างแล้ว แต่พวกที่อยู่กลางทุ่งอย่างผม ยังไม่มีวี่แววว่าน้ำจะมาเยือนเหมือนเมื่อปี 54 นะ”

      ป๋าเบิ้มบอกว่า น้ำกับทราย หรือจะเรียกให้ถูก กระสอบทรายกับน้ำท่วม มักเป็นของคู่กัน ถ้าปีนี้น้ำจะท่วมใหญ่อีกรอบจริงเหมือน เมื่อปี 54 ป่านนี้ที่บ่อทรายของเขา คงมีลูกค้ามารุมรอซื้อทรายกันมืดฟ้ามัวดิน

       เขาแจกแจง ปัจจุบันทรายที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดมีอยู่ 4 แบบหลักๆคือ ทรายหยาบ ทรายละเอียด ทรายถม และทรายขี้เป็ด

        ณ วันนี้ราคาหน้าปากบ่อ ตักใส่รถบรรทุกให้เสร็จ ทรายหยาบ กับ ทรายละเอียด ซึ่งได้รับความนิยมมากสุด ขายอยู่คิวละ 180 บาททราย ขี้เป็ด คิวละ 120 บาท ส่วน ทรายถม คิวละ 80 บาท

       เบิ้มแยกแยะว่า ทรายหยาบ เป็นทรายเม็ดใหญ่ มีเหลี่ยมคม และแข็งแรง เหมาะกับงานคอนกรีตที่ต้องการความแข็งแรงทนทาน ทรายละเอียด จะมีขนาดเม็ดเล็กมาก จึงเหมาะกับงานปูนฉาบ ทำบัว หรือเอาไปทำอิฐมวลเบา

       ส่วน ทรายถม ถือเป็นทรายสกปรก คล้ายดินลูกรังละเอียด ราคาจึงถูกกว่าทรายหยาบ คุณสมบัติเด่นของทรายถมอยู่ที่โดนน้ำ ครั้งแรกมันจะเละเหลว แต่พอแห้งสนิทแล้วจะแข็งมาก ถูกน้ำครั้งต่อไป จะไม่เละอีก จึงเหมาะนำไปใช้ถมพื้น ปรับระดับพื้น หรือกรอกใส่ถุงปุ๋ย ทำเป็นกระสอบทรายกันน้ำท่วม

        ส่วน ทรายขี้เป็ด คือ หางทราย หรือทรายหางเลน มักจะมีขี้ดินเลนผสมอยู่ด้วย เป็นทรายสกปรกอีกแบบ แต่ก็มีจุดเด่นตรงที่มีปุ๋ย หรืออินทรียวัตถุผสมอยู่ในตัว ลูกค้าจึงนิยมซื้อไปปลูกต้นไม้ หรือถม ปรับระดับหน้าดินเพื่อปลูกต้นไม้ ราคาจึงสูงกว่าทรายถมเล็กน้อย คือคิวละ 120 บาท

      ป๋าเบิ้มโอดว่า เมื่อ 3 ปีก่อน ที่ดินใช้ทำบ่อทราย แถวบางบาลเฉลี่ย ไร่ละ 100,000 บาท แต่ปัจจุบันขยับขึ้นเป็นไร่ละ 230,000-240,000 บาท ยิ่งถ้าอยู่ห่างถนนใหญ่สัก 60 เมตร ไร่ละ 3 แสนกว่าบาท

     “ปีนี้น้ำจะท่วมหรือไม่ ไม่รู้ แต่ราคาทรายขยับ เพราะขยับตามราคาดีเซล ค่าแรง กับต้นทุนราคาที่ดินที่ซื้อมาทำบ่อทราย รวมแล้วค่าโสหุ้ยที่เพิ่ม แทบไม่คุ้ม ยังดีเดี๋ยวนี้มีโรงงานทำน้ำดื่ม มาขอซื้อบ่อทรายร้าง เอาไปทำเป็นแหล่งน้ำแร่ ขายกันไร่ละแสนกว่าบาท พวกบ่อทรายเลยอยู่รอด” / thairath.co.th

 
พายุคัลแมกี จ่อเข้าไทย 16-18 ก.ย.นี้ เตรียมรับมือฝนตกหนัก


       กทม. เตรียมพร้อมรับมืออิทธิพลพายุ คัลแมกี กระทบไทยมีฝนมากขึ้น ช่วงวันที่ 16-18 ก.ย.

          วานนี้ (14 กันยายน 2557) นายอดิศักดิ์ ขันตี ผู้อำนวยนการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 16-18 กันยายนนี้ กรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุโซนร้อนคัลแมกี บริเวณด้านตะวันออกของฟิลิปปินส์ แต่ไม่มาก ซึ่งทางสำนักการระบายน้ำได้เตรียมพร้อมการระบายน้ำไว้ในจุดเสี่ยงแล้ว

          ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา มีรายงานว่าพายุโซนร้อนคัลแมกี (Kalmaegi) มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางทะเลจีนใต้ตอนกลางในวันที่ 15 กันยายน และคาดว่าในช่วงวันที่ 16-18 กันยายน พายุนี้จะมีอิทธิพลต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้น คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้นด้วย จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดต่อไป



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานิสงส์การสร้างเจดีย์ พระมหาเจดีย์ทัตตชีโวอานิสงส์การสร้างเจดีย์ พระมหาเจดีย์ทัตตชีโว

ประมวลภาพตักบาตรสมุทรปราการ พระ 11,111 รูป 21 กันยายน พ.ศ. 2557ประมวลภาพตักบาตรสมุทรปราการ พระ 11,111 รูป 21 กันยายน พ.ศ. 2557

ประมวลภาพพิธีโปรยทรายและตอกเสาเข็มมงคล ประมวลภาพพิธีโปรยทรายและตอกเสาเข็มมงคล "พระมหาเจดีย์ทัตตชีโว"



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

เรื่องเด่นทันเหตุการณ์