ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 35


[ 8 ธ.ค. 2550 ] - [ 18269 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 35

 
        จากตอนที่แล้ว พระเจ้าวิเทหราชเมื่อได้สดับคำถามย้อนปัญหาจบลง ก็ทรงทราบว่าเป็นอุบายของมโหสถทั้งสิ้น ทรงย้อนระลึกถึงบททดสอบแต่ละข้อที่มโหสถแก้ไขผ่านมา ก็ทรงโสมนัสดำริในพระทัยว่า “บัณฑิตน้อยนามว่ามโหสถนี้ ได้กำหัวใจของเราไว้แล้ว”

        ท้าวเธอจึงทรงตัดสินพระทัยมั่นว่า “คราวนี้ ไม่ว่าท่านอาจารย์เสนกะจะเห็นด้วยกับเราหรือไม่  เราก็จักต้องรับตัวมโหสถเข้ามาสู่พระราชสำนักให้จงได้” จึงมีรับสั่งให้เรียกท่านอาจารย์เสนกะเข้าเฝ้าโดยเร็ว 

        ท่านอาจารย์เสนกะได้ฟังพระดำรัสสั้นๆ ของท้าวเธอ ที่ทรงยืนยันว่าจะรับตัวมโหสถมาให้ได้ ก็ยิ่งกระอักกระอ่วนใจ รีบกราบทูลว่า “บุคคลแม้จะเฉลียวฉลาดสักปานใด แต่หากว่ายังอยู่ในวัยเด็ก ก็ยากนักที่จะรู้จักระวังยับยั้งอย่างผู้เจริญวัยแล้ว  หากทรงรีบแต่งตั้งเขาไว้ในตำแหน่งราชบัณฑิต ภายหลังเขาอาจเกิดความทะนงตน ลำพองใจในอำนาจวาสนา เกิดกระทำผิดถึงขั้นที่จะต้องทรงบำราบด้วยพระราชอาญา ถึงเวลานั้น พระองค์ก็จะเหมือนบุคคลก่อกองทรายด้วยมือ แต่สุดท้ายก็จำต้องทำลายลงด้วยเท้า พระเจ้าข้า”

        พระเจ้าวิเทหราชทรงนิ่งสดับคำพูดของท่านเสนกะที่กราบทูลมายืดยาว แต่พระพักตร์นั้นกลับทรงนิ่งเฉยมิได้แสดงพระอาการว่าเข้าพระทัยหรือทรงเห็นด้วยแต่อย่างใด เพราะในพระราชหฤทัยขณะนี้มีเพียงมโหสถเท่านั้นเข้าไปนั่งอยู่เต็มดวงเสียแล้ว

        คำกราบทูลของท่านอาจารย์เสนกะ แม้จะเต็มไปด้วยเหตุผลเพียงพอที่จะยับยั้งพระเจ้าวิเทหราชมิให้ตรัสสิ่งใดออกมาตามพระประสงค์ก็จริง แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่อาจจะยับยั้งพระหฤทัยของท้าวเธอ ให้คลายจากพระประสงค์ที่จะรับตัวมโหสถเข้ามาเป็นราชบัณฑิตของพระองค์ได้เลย

        เมื่อทรงปักพระทัยมั่นเช่นนั้นแล้ว พระเจ้าวิเทหราชก็ไม่ปรารถนาจะทรงใส่ใจคำทูลทัดทานของท่านเสนกะอีกต่อไป

        วันต่อมา พระองค์จึงทรงตัดสินพระทัยเด็ดขาด ที่จะเสด็จไปยังบ้านปาจีนยวมัชฌคามเพื่อรับตัวมโหสถมาสู่พระราชวังด้วยพระองค์เอง จึงทรงรับสั่งให้พวกทหารราชวัลลภเข้าเฝ้า แล้วแจ้งพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนม้าพระที่นั่ง   เหล่าราชวัลลภผู้ใกล้ชิดรับพระบรมราชโองการแล้ว ก็เร่งจัดเตรียมขบวนม้าจนพร้อมเสร็จสรรพ จากนั้นท้าวเธอก็ประทับม้าพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินนำหน้าขบวนม้า ออกจากพระนครไปโดยมิได้ทรงรั้งรอสิ่งใด

        ขณะนั้น ท่านอาจารย์เสนกะและปุโรหิตทั้งสามคือท่านปุกกุสะ กามินทะ และเทวินทะ กำลังปรึกษากันถึงเรื่องที่จะประวิงพระราชาไว้ เพื่อกีดกันมิให้รับตัวมโหสถเข้ามาได้ โดยหารู้ไม่ว่า บัดนี้พระเจ้าวิเทหราชได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังบ้านปาจีนยวมัชฌคามแล้ว
 
        “โอ...พวกเราจะทำอย่างไรกันดี ข้าพเจ้าเองเห็นทีว่าจะหมดปัญญาที่จะยับยั้งพระองค์เสียแล้ว พวกท่านล่ะ จะว่าอย่างไร พอจะมีลู่ทางดีๆบ้างไหมเล่า”
 
        อาจารย์เสนกะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีร้อนรน รู้ทั้งรู้ว่าในบรรดาปุโรหิตทั้งสี่คนของพระราชา คงไม่มีใครที่จะหลักแหลมยิ่งไปกว่าตน แต่ก็ถามไปอย่างนั้นเอง เพื่อจะได้ระบายความอัดอั้นตันใจออกไปเสียบ้าง  แล้วก็จริงอย่างที่อาจารย์เสนกะคาดคิดไว้ไม่มีผิด พวกปุโรหิตทุกคนต่างส่ายหน้าพร้อมกันเหมือนนัดหมายกันมา

        อาจารย์ปุกกุสะซึ่งเป็นผู้อาวุโสสูงสุด เห็นทุกคนนิ่งเงียบกันไปหมด จึงกล่าวแทนทุกคนว่า “ท่านเสนกะ ท่านน่ะเป็นที่พึ่งของพวกกระผม ถ้าท่านยังยอมรับว่าสิ้นปัญญา แล้วพวกกระผมจะเอาปัญญามาแต่ที่ไหนเล่า”

        ท่านเสนกะได้แต่รับฟังด้วยความห่อเหี่ยวใจ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว จึงเฝ้าครุ่นคิดต่อไปว่า จักทำอย่างไรดีจึงจะสามารถยับยั้งพระองค์ไว้ได้

        ขณะนั้นเองท่านเสนกะก็ได้ยินเสียงพนักงานกรมวังซึ่งเป็นผู้คุ้นเคยและชอบพอกับตนมานาน กำลังส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายมาแต่ไกล ทุกคนในที่นั้นจึงเบนความสนใจจากเรื่องที่คุยอยู่ แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งกำลังเร่งสาวเท้าก้าวมาหาอย่างรีบร้อน พอมาถึงก็รีบกล่าวขึ้นด้วยอาการกระหืดกระหอบ “ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้ ท่านอาจารย์กำลังประชุมกันพร้อมหน้าพร้อมตากันเชียว”

        “มีข่าวอะไรหรือท่าน” อาจารย์เสนกะซักด้วยความสงสัย

        “พวกท่านทราบหรือยังว่า พระราชาของเรา เสด็จไปบ้านปาจีนยวมัชฌคามแล้วล่ะ” ชายผู้เป็นพนักงานกรมวังแจ้งข่าวด่วนให้ทราบสถานการณ์ล่าสุด

        ปุโรหิตทั้งหมดได้ฟังข่าวนั้นแล้ว ก็ตื่นตะลึงไปตามๆกัน โดยเฉพาะท่านเสนกะนั้นแทบจะหัวใจวายเสียให้ได้  ไม่คิดเลยว่า พระราชาจะทรงตัดสินพระหฤทัยอย่างฉับพลันทันด่วนเช่นนั้น “ฮ้า...ท่านว่าอย่างไรนะ...พระราชาเสด็จไปแล้วอย่างนั้นหรือ”

        “ใช่แล้วท่านเสนกะ แล้วทำไมพวกท่านต้องตกใจถึงขนาดนั้นด้วยล่ะ” พนักงานกรมวังถามด้วยความแปลกใจ

        ท่านอาจารย์เสนกะกลับได้สติ จึงรีบบอกเหตุผลอย่างอื่น และกล่าวขอบคุณเพื่อกลบเกลื่อน “เอ้อ..คือว่า เราไม่คิดว่าพระองค์จะตัดสินพระทัยอะไรเร่งด่วนอย่างนี้เท่านั้นเอง ขอบใจท่านมากนะ ที่นำข่าวมาบอก”

        แล้วท่านอาจารย์เสนกะก็ซักเพิ่มว่า “พระราชาเสด็จไปนานแล้วหรือ”

        “เมื่อสักครู่นี่เอง พอพระองค์เสด็จไป กระผมก็รีบตรงมาหาท่านนี่แหละ แต่กระผมก็มีภาระที่จะต้องทำต่อ จึงต้องขอตัวกลับก่อนล่ะ” ว่าแล้วเขาก็รีบร่ำลาท่านเสนกะและสหายปุโรหิต เพื่อกลับไปทำภารกิจของตน  
  
        ท่านอาจารย์เสนกะไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง พร้อมกับกำชับทิ้งท้ายว่า “หากท่านทราบข่าวคืบหน้าใดๆ ก็จงช่วยนำข่าวมาบอกเราด้วยก็แล้วกัน”

        ความริษยานั้น เมื่อมันเข้าครอบงำใจบุคคลใด ก็ย่อมทำให้บุคคลนั้นมีจิตใจคับแคบ ทนไม่ได้เมื่อเห็นผู้อื่นได้ดีมีสุขกว่าตน เร่าร้อนอยู่ด้วยไฟแห่งริษยา จากคนที่มีปัญญามาก มีความสง่าผ่าเผย กลับต้องปิดบังซ่อนเร้นการกระทำที่ไม่ซื่อของตน ก็จะกลายเป็นคนอาภัพไร้ยศศักดิ์ในที่สุด

        สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า  บุคคลบางคนในโลกนี้ จะเป็นสตรีหรือบุรุษก็ตาม มีใจริษยา  มุ่งร้ายในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูชาของคนอื่น เขาตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ในภายหลัง เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมเป็นคนมีศักดิ์น้อย  นี่คือโทษแห่งความริษยาโดยย่อ ดังนั้น เราจึงไม่ควรคิดริษยาใครเลยแม่เพียงนิด ส่วนว่าพระเจ้าวิเทหราช ซึ่งกำลังเสด็จไปรับตัวมโหสถ เหตุการณ์จะราบรื่นหรือไม่นั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 36ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 36

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 37ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 37

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 38ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 38



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก