มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - เนื้อนาบุญอันเลิศ


[ 10 ธ.ค. 2550 ] - [ 18275 ] LINE it!


 
มงคลที่ ๑๕

บำเพ็ญทาน
เนื้อนาบุญอันเลิศ

        ทานอันบุคคลให้แล้วในบุญเขตใด เป็นทานมีผลมาก บุคคลพึงเลือกให้ทานในบุญเขตนั้น พระสุคตเจ้าทรงสรรเสริญการเลือกให้ทานที่บุคคลให้แล้ว ในทักขิไณยบุคคลทั้งหลาย  ที่มีอยู่ในโลกคือหมู่สัตว์ที่ยังเป็นอยู่นี้ มีผลมาก เหมือนพืชที่บุคคลหว่านแล้วในนาดี ฉะนั้น

        การทำพระนิพพานให้แจ้งนี้ เป็นวัตถุประสงค์หลักที่  แท้จริงของมนุษย์ทั้งหลาย ในครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่ เมื่อเกิดมาในโลกมนุษย์ ท่านก็ทำแต่ความดีเรื่อยไปจนกระทั่งหมดอายุขัย และตลอดระยะเวลานั้น ท่านไม่เคยละเลยต่อการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ทรงทำภาวนาอย่างนี้ทุกภพทุกชาติ จนบารมีของท่านเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ และได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบรมครูของเรา สั่งสอนสัตวโลกให้เข้าถึงธรรมตามพระองค์ไปนับไม่ถ้วน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า
 
        "ทานอันบุคคลให้แล้วในบุญเขตใด เป็นทานมีผลมาก บุคคลพึงเลือกให้ทานในบุญเขตนั้น พระสุคตเจ้าทรงสรรเสริญการเลือก ให้ทานที่บุคคลให้แล้ว  ในทักขิไณยบุคคล ทั้งหลาย ที่มีอยู่ในโลกคือหมู่สัตว์ที่ยังเป็นอยู่นี้ มีผลมาก เหมือนพืชที่บุคคลหว่านแล้วในนาดี ฉะนั้น"
 
        *ในสมัยพุทธกาล มีอุบาสกท่านหนึ่งเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ในแต่ละวัน ท่านจะต้องทำบุญตักบาตร สมาทานศีล ๕ ทำสักการะแด่พระบรมศาสดา และพระภิกษุสงฆ์ไม่เคยขาด วันหนึ่งอุบาสกท่านนี้อยากทำมหาสักการะแด่พระธรรมรัตนะบ้าง จึงนำของหอมและไทยธรรมจำนวนมากไปวัดพระเชตวัน พลางกราบทูลถึงความประสงค์ของตนเอง  พระพุทธองค์ตรัสว่า "ถ้าเธอปรารถนาจะทำสักการะแก่พระธรรมรัตนะ ก็จงทำสักการะแก่อานนท์ ผู้เป็นคลังพระธรรมเถิด"

        อุบาสกกราบทูลรับด้วยความร่าเริงบันเทิงใจ เข้าไปหาพระอานนท์เถระ นิมนต์ให้ท่านนั่ง และทำการบูชาด้วยของหอม ดอกไม้ ถวายโภชนะมีรสเลิศต่างๆ อีกทั้งได้ถวายผ้าจีวรราคาแพง พระเถระคิดว่า สักการะนี้อุบาสกทำเจาะจงแด่พระธรรมรัตนะ ไม่สมควรแก่เรา สมควรถวายแด่พระสารีบุตรผู้เป็นพระธรรมเสนาบดี จึงถือเครื่องสักการะทั้งหมดและผ้าไปสู่วิหาร ถวายพระสารีบุตร

        พระสารีบุตรคิดว่า สักการะนี้เขากระทำแก่พระธรรมรัตนะ ควรแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นเจ้าของแห่งพระธรรมพระองค์เดียวเท่านั้น ท่านจึงถวายแด่พระบรมศาสดา พระภิกษุได้สนทนากันถึงเรื่องอุบาสก ผู้รู้จักถวายไทยธรรมแด่พระทักขิไณยบุคคลอันเลิศ พระบรมศาสดาจึงนำอดีตนิทานมาเล่าให้ฟังว่า แม้ในกาลก่อน เมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่อุบัติขึ้น ก็ได้เกิดเรื่องเช่นนี้ในทำนองเดียวกัน

        เรื่องมีอยู่ว่า ในอดีตกาล พระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี เมื่อพระองค์ตรวจดูจริยาวัตรของพระองค์เอง ไม่เห็นมีใครติเตียนโทษของพระองค์เลย วันหนึ่ง พระองค์ทรงดำริว่
จะออกไปฟังข่าวนอกเมือง ดูว่าจะมีใครกล่าวโทษพระองค์บ้างไหม จึงทรงมอบราชสมบัติให้พวกอำมาตย์ และปลอมพระองค์เป็นชาวบ้านธรรมดา เสด็จไปตามชนบทพร้อมด้วยปุโรหิต แต่เนื่องจากพระราชาทรงครองแผ่นดินโดยธรรม จึงไม่ทรงพบผู้ที่กล่าวโทษของพระองค์แม้สักคน มีแต่คนกล่าวชมอย่างเดียว
 
        วันหนึ่ง พระองค์เสด็จไปถึงชายแดน ประทับนั่งที่ศาลาสำหรับคนเดินทางไกล  ขณะนั้นกุฎุมพีคนหนึ่งมีสมบัติอยู่ ๘๐ โกฏิ ได้ไปที่ท่าน้ำกับพวกบริวาร เขามองเห็นพระราชามีผิวพรรณละเอียดอ่อน ผ่องใสกว่าคนธรรมดา มีความสุขุม สำรวมกิริยามารยาทน่าเลื่อมใส จึงเข้าไปหาแล้วสนทนาปราศรัยด้วยน้ำใจไมตรี เมื่อรู้ว่าเป็นพระราชา จึงกลับบ้านไปจัดแจงโภชนะมีรสเลิศ เพื่อจะนำมาถวายพระราชา

        ขณะนั้นเอง ดาบสซึ่งอยู่ในหิมวันตประเทศได้อภิญญา ๕ เข้ามาพักที่ศาลาหลังนั้นเหมือนกัน พระปัจเจกพุทธเจ้าก็เสด็จมาทางอากาศ นั่งที่ศาลานั้นอีกองค์หนึ่ง กุฎุมพีถวายน้ำชำระพระหัตถ์แด่พระราชา และน้อมนำอาหารรสเลิศเข้าไปถวาย  พระราชาทรงรับอาหารนั้นแล้ว แทนที่จะเสวยเอง พระองค์กลับพระราชทานแก่ปุโรหิต พราหมณ์ปุโรหิตได้ถวายแด่พระดาบสอีกทอดหนึ่ง  ฝ่ายพระดาบสได้ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า

        กุฎุมพีเห็นภัตตาหารของตนถูกส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ เช่นนี้ เกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ จึงเข้าไปทูลถามพระราชาว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เห็นพระองค์ผู้ทรงเป็นสุขุมาลชาติเคยประทับในพระตำหนักอันประเสริฐ ทรงบรรทมเหนือพระยี่ภู่อันใหญ่โต เสด็จจากพระราชวังมาต่างถิ่นที่ปราศจากความเจริญ จึงได้ทูลถวายข้าวสุกอย่างดีมีกับเลิศรสเช่นนี้ พระองค์รับภัตตาหารนั้นแล้วไม่เสวยเอง แต่พระราชทานแก่พราหมณ์ผู้เป็นปุโรหิตทำไม พระเจ้าข้า"

        พระราชาตรัสตอบว่า "พราหมณ์เป็นอาจารย์ของฉัน เป็นผู้คอยตักเตือนฉันอยู่เป็นประจำ ฉันจึงควรให้โภชนะแก่อาจารย์"
 
        กุฎุมพีได้ถามพราหมณ์ปุโรหิตว่า "พระราชาทรงพระราชทานอาหารรสเลิศอย่างนี้ ทำไมท่านนำไปถวายดาบส" 
 
        ปุโรหิตตอบว่า "ข้าพเจ้ายังกำหนัดอยู่ ยังเป็นผู้ครองเรือน ต้องเลี้ยงบุตรและภรรยา ข้าพเจ้าควรถวายโภชนะแด่ดาบส  ผู้เรืองตบะเป็นวุฒิบุคคล อบรมตนดีแล้ว"

        กุฎุมพีถามท่านฤๅษีว่า "บัดนี้ข้าพเจ้าขอถามท่านฤๅษี ผู้ซูบผอม สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็น ท่านอยู่ในป่าผู้เดียวไม่ห่วงใยชีวิต ภิกษุที่ท่านถวายโภชนะนั้นดีกว่าท่านอย่างไร ทำไมถึงไม่ฉัน  ภัตตาหารนี้เสียเองเล่า"
 
        พระดาบสตอบว่า "อาตมภาพยังขุดเผือกขุดมันมาบริโภค ความยึดถือของอาตมายังมีอยู่ เมื่ออาตมายังหุงต้ม ก็ควรถวายโภชนะแด่ท่านผู้ไม่หุงต้ม ยังมีกังวล อาตมาก็ควรถวายโภชนะแด่ผู้ไม่มีความกังวลใจ อีกทั้งยังมีความถือมั่น ก็ควรถวายโภชนะแด่ท่านผู้ไม่มีความถือมั่นแล้ว"

        กุฎุมพีถามพระปัจเจกพุทธเจ้าต่อไปว่า "กระผมขอถามท่านภิกษุผู้มีสำรวมดีแล้วในศีล พระดาบสถวายภัตตาหารอันเลิศแด่ท่าน ท่านรับภัตตาหารนั้นแล้วนั่งนิ่ง ฉันอยู่องค์เดียวไม่เชื้อเชิญใครๆ เลย ผมขอนมัสการเรียนถามพระคุณเจ้า อะไรเป็นธรรมอันประเสริฐในตัวท่าน"
 
        พระปัจเจกพุทธเจ้าตอบว่า  "ดาบสรู้ว่า เราไม่มีความกังวล เป็นผู้ห่างไกลจากบาปทั้งหลาย จึงถวายภัตตาหารที่มีรสเลิศนี้แก่เรา บุคคลเหล่านี้ยังมีความห่วงใย ยังมีความยึดถือ จึงให้ทานแก่เราผู้ไม่มีความยึดถือในสังขารทั้งปวง"

        กุฎุมพีฟังคำของท่านแล้วรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง อุทานว่า "วันนี้พระราชาผู้ประเสริฐเสด็จมา ณ ที่นี้ เพื่อประโยชน์แก่  ข้าพระพุทธเจ้าหนอ ข้าพระพุทธเจ้าเพิ่งรู้ชัดวันนี้เองว่า ทานที่ให้ในท่านผู้ใดจักมีผลมาก" ด้วยอานิสงส์การทำทานในครั้งนั้น ทำให้กุฎุมพีเสวยทิพยสมบัติในสุคติโลกสวรรค์ บันเทิงในบุญตลอดเวลา ไม่เคยตกไปในอบายภูมิ ครั้นมาในชาตินี้จึงได้เป็นอุบาสกผู้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย

        การถวายทานถูกทักขิไณยบุคคลเป็นมหากุศลที่ยิ่งใหญ่ บุญที่เกิดขึ้นจะปรับปรุงกาย วาจา ใจของเราให้มีความบริสุทธิ์ผ่องใส อันจะเป็นต้นเหตุแห่งความสุขที่แท้จริง คือการเข้าถึงพระธรรมกายภายใน ความสำเร็จทุกระดับ ตั้งแต่ความสำเร็จในเรื่องการทำมาหากิน ธุรกิจการงาน การศึกษาเล่าเรียน     จนกระทั่งเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสมบัติทั้ง ๓ ประการ คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ล้วนอาศัยการทำบุญถูกเนื้อนาบุญนี่แหละ

        เหมือนดังที่พระพุทธองค์ตรัสกับอังกุรเทพบุตรว่า ทานอันบุคคลให้แล้วในบุญเขตใด เป็นทานมีผลมาก บุคคลพึงเลือกให้ทานในบุญเขตนั้น พระสุคตเจ้าทรงสรรเสริญการเลือกให้ ทานที่บุคคลให้แล้วในทักขิไณยบุคคลทั้งหลายที่มีอยู่ในโลก    มีผลมาก เหมือนพืชที่บุคคลหว่านแล้วในนาดี
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

*มก. ภิกขาปรัมปรชาดก เล่ม ๖๐ หน้า ๕๓๐


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - เศรษฐีผู้มีใจตระหนี่มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - เศรษฐีผู้มีใจตระหนี่

มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - ผลของการให้ด้วยความเคารพมงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - ผลของการให้ด้วยความเคารพ

มงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - ทำบุญก่อนได้ก่อนมงคลที่ ๑๕ บำเพ็ญทาน - ทำบุญก่อนได้ก่อน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน