ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 55


[ 14 มี.ค. 2551 ] - [ 18267 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 55


        จากตอนที่แล้ว  พระเจ้าวิเทหราชได้ทอดพระเนตรทางช่องพระแกลทรงเห็นแพะกับสุนัขเกิดความสนิทสนมกัน จึงทรงผูกเป็นปริศนามาถามบัณฑิตทั้ง ๕ ว่า “สัตว์เดียรัจฉานผู้เป็นศัตรูกัน แต่บัดนี้ กลับมาเป็นมิตรสหายกันได้  และยังเที่ยวไปด้วยกัน นี้เป็นเพราะเหตุไร?”

        ตรัสปริศนานั้นจบลงแล้ว ก็ทรงสำทับอีกด้วยว่า “หากใครไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ภายในวันนี้ เราจักขับไปเสียจากแว่นแคว้นของเรา เพราะเราไม่ต้องการราชบัณฑิตที่มีปัญญาทราม”

        ท่านบัณฑิตทั้ง ๔ ฟังปัญหานั้นแล้ว ก็มืดแปดด้านไม่เห็นต้นเห็นปลายจึงหันไปทางมโหสถบัณฑิตด้วยคิดว่า คราวนี้มโหสถจะแก้ได้ไหมหนอ ได้สบกันสายตากับมโหสถแวบนึงก็พอเดาออกว่า แม้มโหสถก็ไม่เห็นเค้าเงื่อนเช่นกัน จึงใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย

        ส่วนมโหสถได้ฟังพระราชปุจฉานั้นแล้ว ก็มาหวนคิดว่า “โดยปกติ พระราชามิได้ทรงมีพระปรีชาลึกซึ้งอะไร พระองค์ตรัสปริศนาที่ซับซ้อนเช่นนี้ คงได้ทอดพระเนตรอะไรบางอย่างมาเป็นแน่”  แต่ก็นิ่งเสียมิได้กราบทูลสิ่งใด ด้วยคิดว่า เราเป็นผู้เข้ามาใหม่ให้อาจารย์เสนกะกราบทูลก่อนเถิด

        ในที่สุดท่านเสนกะจึงตัดสินใจกราบทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้าตระหนักดีว่า ปัญหานี้มิใช่ปัญหาธรรมดา แต่เป็นปัญหาที่มีเงื่อนงำที่ลึกล้ำ ขอพระองค์ทรงโปรดเลื่อนกำหนดไปอีกสักหน่อย เพื่อให้พวกข้าพระพุทธเจ้าได้มีเวลาพิจารณาข้อปัญหานี้ให้ถี่ถ้วนก่อนเถิด”

        ท้าวเธอสดับคำกราบบังคมทูลนั้นแล้ว ก็ทรงเห็นด้วยกับท่านเสนกะ จึงทรงยินดีที่จะประทานโอกาสให้ตามคำขอ โดยทรงเลื่อนกำหนดเวลาออกไปอีกหนึ่งชั่วราตรี ทั้งนี้ท้าวเธอยังทรงกำชับทิ้งท้ายด้วยว่า “เอาเถอะ เชิญพวกท่านไปคิดกันมาก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าเราจะมาฟังคำตอบจากพวกท่าน หากยังไม่อาจแก้ได้แล้วละก็ เราจะขับไล่พวกท่านออกไปทันที โดยจะไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น”
 
        เหล่าราชบัณฑิตทั้งหมดพากันถวายบังคมพระราชาก่อนแยกย้ายกันเดินออกจากท้องพระโรง

        อาจารย์ทั้ง ๔ เดินเกาะกลุ่มล่วงหน้าไปก่อนมโหสถ พลางปรึกษาหารือกันว่า “แย่แล้วพวกเรา คราวนี้พระราชาทรงเอาจริงแน่ๆ ที่นี้ เราจะทำอย่างไรกันดีเล่า” 

        ท่านเสนกะผู้มีอาวุโสกว่า จึงพูดตัดบทว่า “พวกท่านอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปเลย เราต่างคนต่างกลับไปนั่งคิดที่เรือนของตนก่อนเถิด อาจมองเห็นช่องทางสำเร็จได้บ้างหรอก”

        อาจารย์ทั้ง ๓ ต่างพากันรับคำแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจคลายความหนักใจในข้อปริศนาลงได้ แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับสู่เรือนของตน

        ส่วนมโหสถนั้นได้เดินตามหลังอาจารย์ทั้ง ๔ มาอย่างเงียบๆ และแทนที่จะกลับไปนอนขบคิดปัญหาที่เรือนของตน มโหสถกลับตรงไปเข้าเฝ้าพระนางอุทุมพรเทวีทันที

        ถวายบังคมแล้วจึงขอพระราชทานวโรกาสทูลถามพระนางว่า “ข้าแต่พระเทวี ข้าพระบาทใคร่จะทูลถามพระนางว่า เมื่อเช้านี้หรือเมื่อวานนี้ เจ้าเหนือหัวประทับอยู่ในที่ไหนเป็นเวลานานๆ บ้าง พระเจ้าข้า”

        พระนางอุทุมพรทรงนิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ตรัสตอบมโหสถว่า “มโหสถน้องรัก เมื่อวานนี้พี่เห็นทูลกระหม่อมประทับยืนอยู่ที่ช่องพระแกลตรงเฉลียงหน้ามุขอยู่นานทีเดียว น้องถามทำไมหรือ”

        “หามิได้พระพุทธเจ้าข้า หม่อมฉันเพียงแค่ทูลถามดูเท่านั้นเอง”  มโหสถสนทนาอยู่กับพระนางครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้รีบถวายบังคมลา แล้วออกไปยืนอยู่ที่เฉลียงหน้ามุขตรงบริเวณช่องพระแกลตามที่พระนางตรัสเล่า มโหสถทดลองมองผ่านทางช่องพระแกล กวาดสายตาไปโดยรอบ

        ในที่สุดจึงได้พบกับเงื่อนงำแห่งปริศนา ณ ที่นั้นเอง คือมโหสถได้เห็นแพะกับสุนัขอาศัยอยู่ที่ริมผนังพระมหาปราสาท สัตว์ทั้งสองดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันยิ่งนัก มโหสถเฝ้าสังเกตดูอยู่ครู่ใหญ่ จึงได้รู้ความเป็นไประหว่างแพะกับสุนัข เช่นเดียวกับที่พระราชาได้ทรงเห็นตั้งแต่แรก

        เรื่องราวมีอยู่ว่า แพะนั้นเข้าไปในโรงช้าง เห็นหญ้าที่คนเลี้ยงช้างวางไว้สำหรับช้าง ก็ยากที่จะอดใจได้ เพราะหญ้าเป็นอาหารโปรดของแพะ มันจึงแอบกินหญ้านั้นเรื่อยมา 

        แต่ต่อมาพวกคนเลี้ยงช้างเห็นเข้า จึงคว้าไม้ไล่ตะเพิดแพะ  คนเลี้ยงช้างอีกคนหนึ่งคว้าไม้พลองได้ ก็หวดไม้ลงไปกลางหลังอย่างเต็มเหนี่ยว จนแพะหลังแอ่น มองเห็นดาวเดือนเกลื่อนฟ้าแม้ในเวลากลางวัน แล้วมันก็รีบวิ่งหอบสังขาร หนีไปนอนโอดครวญอยู่บนแคร่ที่วางชิดผนังปราสาท

        ส่วนสุนัขก็เช่นกัน มันอาศัยเศษอาหาร และกระดูก ในครัวเสวยของพระราชาจนอ้วนพี แต่อยู่มาวันหนึ่ง หลังจากพ่อครัวตกแต่งเครื่องเสวยเสร็จ ก็ครอบสำรับไว้ด้วยฝาภาชนะ แล้วเดินออกไปรับลมข้างนอกให้เหงื่อแห้ง

        ขณะนั้นสุนัขมันได้กลิ่นเนื้ออันโอชะเข้าเท่านั้น ก็น้ำลายสอสุดที่จะระงับความอยากไว้ได้ จึงฉวยโอกาสเหมาะ ค่อยๆย่องเข้าไปในห้องเครื่อง เอาปากดุนฝาภาชนะที่ครอบสำรับออก แล้วขย้ำชิ้นเนื้อกินอย่างตะกละตะกลาม ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น

        พ่อครัวได้ยินเสียงนั้นเข้า จึงเกิดความสงสัย รีบตามเข้าไปดูทันที ครั้นเห็นเจ้าหัวขโมยพร้อมของกลางคาหนังคาเขา ก็ให้แค้นใจยิ่งนัก รีบคว้าท่อนไม้ขว้างไปถูกเข้าที่ขาของมันจนขาแพลง

        เจ้าสุนัขตกใจสุดขีดรีบคายชิ้นเนื้อทิ้ง กลายเป็นสุนัขขาเขยก วิ่งร้องลั่นออกมานอกประตู ก็โดนพ่อครัวอีกคนซึ่งคอยดักอยู่ริมประตู เอาดุ้นฟืนอันเบ้อเร่อฟาดตูมลงกลางหลังสุนัขเต็มแรง  ทันทีที่ถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ มันก็วิ่งหลังแอ่นร้องครวญครางออกมา เขย่งขาไว้ข้างหนึ่งกลายเป็นสุนัขสามขา เผ่นแนบมานอนซุกอยู่ใต้แคร่เดียวกันกับเจ้าแพะ

        เจ้าแพะซึ่งนอนอยู่บนแคร่ เห็นสุนัขขาเป๋วิ่งมาหลบมุมอยู่ใกล้ๆ ก็เกิดความสงสาร จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นก่อนว่า “แกเป็นอะไร ทำไมถึงต้องวิ่งหลังแอ่นสามขามานอนซมอยู่อย่างนี้ละ”

        สุนัขถูกแพะถามดังนั้นก็นึกเคือง ย้อนถามบ้างว่า “แล้วแกล่ะ ไปโดนอะไรมา ถึงได้มานอนหลังแอ่นอยู่เหมือนกันนั่นนะ” แพะจึงได้เล่าเรื่องของตนให้ฟัง

        สุนัขนั้นเมื่อเห็นว่าแพะเล่าให้ฟังโดยดี จึงได้เล่าเรื่องของตนให้ฟังบ้าง เมื่อต่างฝ่ายต่างได้รู้ความทุกข์ยากของกันและกันก็เกิดความเห็นใจกัน     แพะจึงเอ่ยกับสุนัขว่า “เพื่อนเอย เรื่องที่สองเราเคยเป็นอริกันมานั้น ก็ขอให้เลิกแล้วต่อกันเถิด นับแต่นี้ไป สหายจงไปที่โรงช้าง คนเลี้ยงช้างก็จะไม่สงสัย เพราะสุนัขที่ไหนจะกินหญ้า แต่พอสบโอกาส สหายก็จงคาบฟ่อนหญ้ามาให้ข้าเถิด”   “แล้วข้าล่ะ จะกินอะไร ขืนให้กินหญ้า ข้าก็แย่น่ะซี” สุนัขเอะอะโวยวายเสียงดัง

        แพะจึงรีบปลอบสุนัขว่า “อย่าห่วงเลยสหาย ถึงอย่างไรเราก็ต้องรักษาผลประโยชน์ร่วมกัน อย่าลืมสิว่าข้าน่ะมิใช่สัตว์กินเนื้อ เมื่อข้าเตร็ดเตร่อยู่ในห้องเครื่อง พ่อครัวก็คงไม่ระแวงเหมือนกัน เมื่อได้โอกาส ข้าก็คาบชิ้นเนื้อมาให้นาย แล้วเราก็มาแลกกันที่นี่ ดีไหมเล่า” 

        ต่างฝ่ายต่างก็ตกลงตามนั้น เมื่อได้อาหารมา ก็นำมาแลกกันกินที่ริมผนังพระมหาปราสาท ความสัมพันธ์อันดีระหว่างแพะกับสุนัขจึงได้เริ่มต้นและงอกงามขึ้นนับแต่นั้นเป็นต้นมา ปัญหาของพระราชาจึงได้กระจ่างแจ้งแก่มโหสถ ที่ยืนมองดูการกระทำของสัตว์ทั้งสองอยู่ที่ช่องพระแกล ส่วนเหตุการณ์ต่อเบื้องพระพักตร์ในวันรุ่งขึ้นจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 56ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 56

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 57ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 57

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 58ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 58



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก