ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 82


[ 3 พ.ค. 2551 ] - [ 18262 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 82

    จากตอนที่แล้ว  นางอมราเทวีได้เข้าเฝ้าพระเจ้าวิเทหราช กราบทูลความจริงให้พระองค์ทรงทราบว่า “มโหสถนั้นมิได้เป็นโจรดังคำกล่าวหาของบัณฑิตทั้ง ๔ แท้ที่จริงบัณฑิตทั้ง ๔ ต่างหากเล่าที่เป็นโจร” พร้อมกันนั้นก็ได้นำหลักฐานทั้งหมด พร้อมหนังสือที่บันทึกไว้ออกมายืนยัน

    ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราชทรงสดับเรื่องราวที่นางเล่ามาทั้งหมดด้วยพระอาการที่หม่นหมอง ไม่ตรัสอะไรเกี่ยวกับความผิดของอาจารย์ทั้ง ๔ อีก ทั้งมิได้ทรงรับสั่งให้สอบสวนอาจารย์ทั้ง ๔ แต่อย่างใด  เพราะยังทรงระแวงมโหสถบัณฑิตอยู่

    ทรงดำริว่า อาจารย์ทั้งสี่นั้น บัดนี้ก็ได้รับความอับอายหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว การที่พระองค์จะลงโทษสถานใดอีกก็จะไม่สมควร จึงมิได้ทรงตำหนิอาจารย์ทั้งสี่แต่อย่างใดอีก เพียงแต่มีพระดำรัสสั้นๆว่า “ท่านทั้งหลายจงกลับไปยังเรือนของตน อาบน้ำชำระกายให้สบายตัวเถิด”

    ส่วนนางอมราเทวี ได้เฝ้าสังเกตพระเจ้าวิเทหราชอยู่ตลอด รู้ว่าท้าวเธอยังไม่ทรงคลายความระแวงในสามีของนาง แต่ก็มั่นใจว่า สักวันหนึ่ง สิ่งที่นางกราบทูลไปแล้วนี้ จะทำให้ท้าวเธอทรงเข้าพระทัยมโหสถสามีของนางได้ในที่สุด จึงได้ถวายบังคมแล้วทูลลากลับ

    นับแต่มโหสถหนีไปจากมิถิลานคร ราชสำนักของพระเจ้าวิเทหราชก็ดูเงียบเหงาลงไป อารักขเทวดาผู้สถิตอยู่ ณ กำพูฉัตรของพระเจ้าวิเทหราชมีความเห็นว่า เราจะปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว จึงคิดที่จะเสี่ยงใช้อานุภาพของตนช่วยให้มโหสถได้กลับคืนสู่พระนคร

    ครั้นรัตติกาลใกล้รุ่ง ขณะที่พระเจ้าวิเทหราชกำลังทรงพระบรรทมภายในห้องพระบรรทม เทวดาตนนั้นจึงแสดงกายให้ปรากฏ แหวกกำพูฉัตรออกมาต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าวิเทหราช ออกมายืนอยู่ในอากาศให้พระเจ้าวิเทหราชได้ทอดพระเนตร พร้อมกับแผ่รัศมีกายให้สว่างไสวสาดกระทบไปทั้งห้องบรรทมของท้าวเธอ

    “ท่านเป็นใครกัน” พระเจ้าวิเทหราชตรัสถามด้วยทรงฉงนพระทัย พระสุรเสียงสั่นด้วยยังทรงหวาดหวั่นต่อแขกผู้มาเยือนโดยที่มิได้มีการนัดหมายมาก่อน

    “เราคือเทพยดาที่สถิตอยู่ ณ กำพูฉัตรของท่าน” เสียงตอบนั้นดังกังวานน่าเกรงขาม 

    ครั้นท้าวเธอทรงสดับว่าเป็นเทวดา ก็ทรงตื่นตระหนกยิ่งนัก ทรงใคร่จะทราบความประสงค์ในการมาของเทวดาตนนั้น จึงตรัสถามว่า “ท่านมาในที่นี้ ด้วยประสงค์สิ่งใดหรือ”

    เทวดาตนนั้นจึงตอบว่า “มหาราช เรามีข้อสงสัยบางอย่างจะถามท่าน เชื่อแน่ว่าปัญหาเหล่านี้ ถึงอย่างไรก็คงไม่พ้นวิสัยที่ท่านจะตอบได้”

    พระเจ้าวิเทหราชไม่ทรงรอช้า ตรัสตอบเทวดานั้นไปว่า “ท่านมีปัญหาอันใดก็จงว่ามาเถิด”

    “ถ้าเช่นนั้น ขอท่านจงฟังให้ดี เราจักกล่าวปัญหาทั้ง ๔ ข้อไปตามลำดับ เพื่อให้ท่านกำหนดจดจำ”  แล้วเทวดาก็เริ่มถามปัญหาตั้งแต่ข้อแรกจนถึงข้อที่ ๔ ว่า
 
    “บุคคลใดทำร้ายร่างกายผู้อื่นด้วยมือและเท้า ทั้งชกต่อยเตะตี แต่แล้วก็กลับยิ่งเป็นที่รักของผู้ที่ตนทำร้าย พระองค์ทรงเห็นว่า บุคคลที่ว่านั้นเป็นใคร นี้เป็นปัญหาข้อแรก”

    “ข้อที่สอง บุคคลใดทั้งด่าทั้งแช่งผู้อื่นตามชอบใจ แต่ถึงจะแช่งอย่างนั้น ก็ไม่ปรารถนาจะให้ผู้ที่ตนแช่งนั้นต้องประสบผลร้ายตามคำของตน และดูเหมือนผู้ที่ถูกแช่ง กลับยิ่งเป็นที่รักของผู้แช่ง พระองค์ทรงเห็นว่า บุคคลที่ว่านั้นเป็นใคร”

    “ข้อที่สาม บุคคลใดกล่าวตู่กันด้วยคำไม่จริง ต่างก็โต้เถียงกันด้วยวาจาเหลาะแหละ แต่สุดท้ายกลับเป็นที่รักของกันและกัน พระองค์ทรงเห็นว่า บุคคลที่ว่านั้นเป็นใคร”

    “ข้อที่สี่ บุคคลใดนำทรัพย์คือข้าว น้ำ ผ้า และที่นอนของผู้อื่นไป มีแต่จะขนไปฝ่ายเดียว แต่กลับเป็นที่รักของเจ้าทรัพย์ พระองค์ทรงเห็นว่า บุคคลที่ว่านั้นเป็นใคร”
 
    เมื่อกล่าวปัญหาเหล่านั้นจบลง เทวดาก็กล่าวสำทับลงไปว่า “ปัญหาใดๆที่เราประสงค์จะถาม เราก็ได้ถามไปจนสิ้นแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่ท่านจะต้องตอบเราแล้ว ขอให้ท่านจงตอบเรามาโดยเร็วเถิด”

    ขณะที่เทวดาเอ่ยถามปัญหาไปทีละข้อๆนั้น พระเจ้าวิเทหราชสดับคำถามเหล่านั้นแล้ว ก็ทรงตริตรองหาคำตอบไปตามลำดับเช่นกัน แต่แม้เทวดาจะกล่าวข้อปัญหาทั้ง ๔ จบลงแล้ว พระองค์ก็ยังไม่อาจจะทรงแก้ได้แม้เพียงสักข้อเดียว

    ท้าวเธอจึงขอผัดผ่อนกับเทวดาตนนั้นว่า “บัดนี้เรายังไม่อาจตอบอะไรท่านได้เลย เพราะปัญหาเหล่านี้ยังไม่แจ้งชัดในใจ ฉะนั้น ขอท่านจงอดใจรอฟังคำตอบจากเราในคืนพรุ่งนี้เถิด”

    เทวดาตนนั้นทราบดีว่า ถึงอย่างไรพระราชาก็ไม่อาจตอบคำถามของตนได้ จึงได้ยอมผัดผ่อนให้ตามคำขอของพระราชา โดยยินดีเลื่อนกำหนดให้พระองค์อีกหนึ่งวัน แต่ก็ได้กล่าวคาดโทษพระองค์เอาไว้ว่า “หากคืนพรุ่งนี้ ท่านยังไม่อาจจะแก้ปัญหาของเราได้ หรือไม่สามารถหาใครมาช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ท่านนั่นแหละ จะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างใหญ่หลวงทีเดียว” กล่าวดังนี้แล้ว เทวดาตนนั้นก็หายตัวกลับไปสู่วิมานของตน

    เมื่อเทวดาตนนั้นกลับไปแล้ว พระเจ้าวิเทหราชก็ไม่อาจที่จะทรงหลับต่อไปได้ ด้วยทรงกังวลถึงคำตอบของปัญหานั้นอยู่ตลอดเวลา

    เมื่อไม่อาจหาคำตอบต่อปัญหาของเทวดานั้นได้ ก็ให้ทรงหวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อมรณภัย จนมิอาจข่มพระเนตรลงได้ ทรงบรรทมอยู่ด้วยพระอาการกระสับกระส่ายตลอดคืนจวบจนรุ่งสาง
   
    ครั้นในเวลารุ่งเช้า ท้าวเธอจึงทรงมีรับสั่งให้เรียกอาจารย์ทั้ง ๔ มาเข้าเฝ้าโดยด่วน 

    อาจารย์ทั้ง ๔ ทราบจากมหาดเล็กว่า พระราชาทรงมีพระประสงค์จะซักถามข้อปัญหา ก็ใคร่จะทูลรับสนองพระบรมราชโองการในทันที แต่ก็ยังติดขัดอยู่หน่อยหนึ่ง ตรงที่ศีรษะของพวกตนยังโล้นอยู่ จึงไม่พร้อมที่จะเข้าเฝ้า เพราะเกรงจะอับอายข้าราชบริพารทั้งหลาย

    ดังนั้น อาจารย์เสนกะจึงได้ฝากมหาดเล็กให้กลับไปทูลพระราชา ถึงสาเหตุที่พวกตนไม่อาจไปเข้าเฝ้าได้

    ส่วนพระเจ้าวิเทหราชครั้นทรงรับทราบเหตุผลของบัณฑิตทั้ง ๔ ว่าพวกตนไม่อาจเข้าเฝ้าได้ในทันทีเช่นนั้น ก็ให้ทรงรู้สึกเร่าร้อนในพระราชหฤทัยยิ่งนัก แต่ว่าท้าวเธอจะทรงรับสั่งต่อมหาดเล็กเหล่านั้นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

 

พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 83ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 83

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 84ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 84

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 85ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 85



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก