เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 102
จากตอนที่แล้ว มโหสถเมื่อกลับมาถึงเรือนแล้ว ก็รีบอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็บริโภคอาหารมื้อค่ำตามปกติ ก่อนจะเข้านอน ได้เรียกคนเฝ้าประตูมาสั่งให้คอยระวังอยู่ที่หน้าประตูให้ดี หากว่ามีคนในวังมาขอพบ ก็ให้รีบมาบอก แล้วก็เข้านอนโดยมิได้มีความกังวลใดๆ
พระนางอุทุมพรเทวีซึ่งบรรทมร่วมพระแท่น ทรงเห็นพระราชสวามีอาการผิดไปจากทุกวัน จึงทูลถามว่า “พระองค์ทรงกังวลอะไร เหตุไฉนจนดึกดื่นแล้วก็ยังไม่ยอมบรรทม”
พระเจ้าวิเทหราชตรัสตอบพระนางว่า “พี่กำลังไม่สบายใจ เพราะได้มอบพระแสงขรรค์ให้อาจารย์ทั้ง ๔ ไปฆ่ามโหสถเสียเมื่อตอนกลางวันนี้เอง เพราะอาจารย์ทั้ง ๔ ได้แจ้งข่าวว่า มโหสถคิดจะก่อการกบฏ พี่ไม่ควรรีบด่วนตัดสินใจเลย”
พระนางอุทุมพรเทวีทรงทราบเช่นนั้น ก็ทรงโทมนัสอย่างหนักเพราะความรักและสงสารมโหสถผู้เป็นดุจน้องชายร่วมอุทรของพระนาง ในพระอุราก็ทรงอึดอัดเหลือประมาณ ราวกับมีภูเขาหินมหึมาท่วมทับอยู่
พระนางทรงดำริดังนี้แล้ว จึงสู้อดกลั้นพระทัยไว้ไม่แสดงอาการเศร้าโศกให้ปรากฏ ครั้นแล้วจึงทูลถามพระราชสวามีว่า “มโหสถได้กระทำความผิดอะไรหรือเพคะ”
“เทวี ก็วันนี้พี่ถามมโหสถว่า ความลับควรบอกแก่ใคร แต่มโหสถกลับบอกว่า ควรเก็บความลับไว้กับตนเท่านั้น ไม่ควรบอกแก่ใครเลย พี่ได้ยินดังนี้ จึงเชื่อตามที่อาจารย์ทั้ง ๔ ได้เคยกล่าวว่า “มโหสถเป็นคนมีลับลมคมใน เธอกำลังคิดการกบฏ ดังนั้น พี่จึงได้มอบภาระให้อาจารย์เหล่านั้นจัดการฆ่ามโหสถเสียในวันพรุ่งนี้ เรื่องก็เป็นเช่นนี้แหละ เทวี”
พระนางทรงสดับคำของพระราชสวามีแล้ว ก็รู้ว่าท้าวเธอทรงกังวลพระทัยในความผิดที่พระองค์ได้กระทำลงไป ด้วยความเป็นผู้มีปฏิภาณว่องไว พระนางจึงได้ตรัสคล้อยตามพระราชอัธยาศัย เพื่อปลอบโยนพระราชสวามี ให้ทรงคลายความกระวนกระวาย
“ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่า มโหสถมีลับลมคมในจริงๆ ก็ในเมื่อพระองค์ทรงเห็นว่า ผู้ใดมีท่าทีว่าจะเป็นเสี้ยนหนามแก่ราชบัลลังก์ของพระองค์ ก็เป็นหน้าที่ของพระองค์ที่จะต้องรีบกำจัดให้สิ้นไป เหมือนถอนวัชพืชที่กำลังขึ้นคลุมต้นไม้ใหญ่ หรือเหมือนดับไฟที่ต้นเพลิงโดยไม่รอให้ลุกโหมเสียก่อน หม่อมฉันเห็นว่า การที่ทรงยื่นพระแสงขรรค์ให้อาจารย์เหล่านั้นช่วยกันประหารผู้ที่คิดร้ายต่อพระองค์ ข้อนั้นก็ควรอยู่แล้วนี่เพคะ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระองค์จะทรงวิตกกังวลไปไยเล่า ทรงบรรทมเสียจะมิดีกว่าหรือเพคะ”
พระเจ้าวิเทหราชทรงสดับพระวาจานั้นแล้ว พระหฤทัยก็คลายจากความเศร้าโศก พระพักตร์แลดูผ่องใสขึ้นเล็กน้อย ไม่ช้านานเท่าใด ท้าวเธอก็สามารถเสด็จเข้าสู่นิทรารมย์ได้ในที่สุด
พระนางอุทุมพรเทวีทอดพระเนตรเห็นพระราชสวามีบรรทมสนิทดีแล้ว จึงเสด็จจากพระแท่นบรรทมเข้าสู่อีกห้องหนึ่ง
ครั้นแล้วจึงทรงพระอักษร มีข้อความสำคัญไปถึงมโหสถเสนาบดี ความว่า “มโหสถน้องรัก ขณะนี้พระราชาทรงกริ้วเธอมาก เพราะทรงหลงเชื่อคำยุยงของอาจารย์ทั้ง ๔ พี่ได้ทราบมาว่าพระราชาประทานพระแสงขรรค์ เพื่อให้เขานำไปฆ่าเธอที่ประตูวัง ฉะนั้น ในวันพรุ่งนี้ ขอเธอจงอย่ามาสู่พระราชสำนักนี้เลย
แต่หากว่าจะต้องมาจริงๆ ก็ไม่พึงมาเพียงผู้เดียว ควรจัดกองอารักขาไว้ให้มั่นคง ห้อมล้อมด้วยมหาชนชาวมิถิลาที่ภักดีต่อเธอ เมื่อทำได้ดังนี้แล้ว เธอจึงค่อยมา”
เมื่อทรงพระอักษรเสร็จ พระนางก็ทรงสอดเข้าไว้ในห่อ พันด้วยด้ายดิบอีกครั้ง แล้วจึงวางลงในภาชนะทองคำซึ่งปิดไว้อย่างมิดชิด ประทับตราพระลัญจกรเช่นเดียวกับทุกครั้ง จากนั้นจึงเรียกนางข้าหลวงคนสนิทมา แล้วประทานภาชนะนั้นแก่นาง พลางกำชับว่า “เจ้าจงนำสิ่งของนี้ไปมอบให้มโหสถน้องชายของเราโดยเร็วที่สุด” แล้วพระนางก็เสด็จเข้าสู่ที่บรรทม
เมื่อถูกนายประตูแต่ละชั้นๆ ทักว่า “ดึกดื่นเห็นปานนี้ เธอจะรีบไปไหนหรือ”
นางก็ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “พระอัครมเหสีให้นำของไปประทานแด่ท่านเสนาบดี”
นายประตูแต่ละชั้นทราบเช่นนั้น ก็เต็มใจเปิดทางให้นางเข้าออกโดยไม่มีการทักท้วงหรือซักถามอะไรอีก เพราะต่างก็ทราบโดยทั่วกันว่า ข้อนี้พระนางได้เคยทูลขอพรแด่พระเจ้าวิเทหราชไว้แล้ว
การณ์ครั้งนี้ เป็นที่น่าชื่นชมพระนางอุทุมพรเทวี ที่พระนางทรงมีไหวพริบปฏิภาณเป็นเยี่ยม ทรงดับความเร่าร้อนในพระทัยของพระเจ้าวิเทหราช ทำให้พระองค์บรรทมหลับลงได้ ประดุจน้ำที่ช่วยดับไฟมิให้ลุกลามต่อไป
ทั้งยังส่งข่าวไปให้มโหสถบัณฑิตได้รับรู้ถึงเภทภัยที่จะมาถึงตน พร้อมทั้งยังแนะนำถึงสิ่งที่ควรจะทำต่อไป จะได้แก้ไขเภทภัยนั้นให้ผ่อนคลายดับสลาย ส่วนว่า มโหสถเมื่อได้ทราบข่าวจากพระนางแล้วจะคิดอ่านทำประการใดนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)