ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 142


[ 15 ธ.ค. 2551 ] - [ 18264 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 142
 
 
    จากตอนที่แล้ว พราหมณ์อนุเกวัฏกลับเข้าไปในฐานทัพแล้ว ก็ตะโกนก้องร้องประกาศแก่พวกพ้องว่า “พระเจ้าจุลนีหนีไปแล้ว...พวกเรารีบหนีกันเร็ว ขืนอยู่จักต้องตายไปตามๆกัน ไปเถิดพวกเรารีบหนีเร็วเข้า” บรรดาผู้สืบราชการลับเมื่อได้ยินเสียงตะโกนร้อง ก็พากันตะโกนบอกต่อๆกันไป จนเสียงดังระเบ็งเซ็งแซ่ไปทั้งกองทัพปัญจาละ
 
    ฝ่ายพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ทรงสดับเสียงนั้นก็ทรงสำคัญว่า มโหสถบัณฑิตได้ยกพลจะมาจับพระเจ้าจุลนี ท้าวเธอจึงต้องรีบเสด็จหนีไปก่อน “หากมโหสถจับพวกเราได้ ชีวิตของพวกเราคงจะไม่รอดแน่” จึงรีบฉวยม้าพระที่นั่งควบหนีไปโดยเร็ว แม้เหล่าแม่ทัพนายกอง พร้อมด้วยทหารทั้ง ๑๘กองทัพ ต่างก็พากันวิ่งหนีเอาตัวรอด
 
    ขณะเดียวกัน ทหารฝ่ายมิถิลาต่างช่วยโห่ร้องสำทับให้ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกทุกๆด้าน ประหนึ่งว่าจะมีกองทัพมาโจมตี ทำให้ทหารฝ่ายปัญจาลนครยิ่งตื่นตระหนกตกใจ จึงจำต้องยอมสละละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วรีบหนีไปให้เร็วที่สุด เมื่อถึงเช้าวันใหม่ ทหารฝ่ายมิถิลาได้พากันออกสำรวจตรวจตราดูสิ่งของต่างๆ เห็นทรัพย์สินของกองทัพฝ่ายปัญจาลนครมูลค่ามหาศาล กองพะเนินรอบพระนคร
 
    มโหสถจึงมีคำสั่งว่า “ให้รวบรวมเครื่องราชูปโภคทุกอย่างไปทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระเจ้าวิเทหราช ส่วนเครื่องอุปโภคของราชาอำมาตย์ชั้นผู้ใหญ่ให้รวบรวมมาไว้ที่เรา และที่เหลือนอกนั้นก็ให้แจกจ่ายแบ่งปันแก่ชาวมิถิลาอย่างทั่วถึง” ส่วนพราหมณ์อนุเกวัฏนั้น ก็ได้รับบำเหน็จจากมโหสถบัณฑิตอย่างมโหฬาร ทั้งลาภทั้งยศปรากฏเกียรติไปทั่วพระนคร ตั้งแต่นั้นมามิถิลานครก็เป็นดินแดนแห่งรัตนะนานัปการ ประชาชนต่างก็มีแต่ความร่มรื่นร่มเย็นเป็นสุขสถาพรตลอดมา
 
    วันคืนล่วงไปนานนับแรมปี ภายหลังจากที่กองทัพฝ่ายปัญจาลนครเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ ต้องถอยหนีกลับมาอย่างไม่เป็นท่า เพราะอุบายอันแหลมคมของมโหสถบัณฑิต พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ทั่วสกลชมพูทวีป เพียงแค่ได้ยินชื่อว่ามโหสถบัณฑิตเท่านั้น ทุกพระองค์ต่างขนพองสยองเกล้า รู้สึกเข็ดขยาดไปตามๆกัน โดยเฉพาะพระเจ้าจุลนีพรหมทัตนั้น ครั้นพระองค์ทรงทราบภายหลังว่า ได้เสียรู้ให้กับมโหสถด้วยอุบาย ก็ยิ่งทรงขุ่นแค้นขัดเคือง จนรอยแค้นฝังลึกในพระหทัยอย่างยากที่จะลืมเลือน เหมือนกับว่าทรงผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นมาเมื่อวานนี้เอง
 
    แต่ผู้ที่ทั้งเจ็บตัว และเจ็บใจ เจ็บจนไม่มีวันลืมเลือน เหตุการณ์ในครั้งนั้นได้ เห็นจะไม่มีใครเกินพราหมณ์เกวัฏปุโรหิตของพระเจ้าจุลนี ผู้ซึ่งบัดนี้ได้ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ปราชัยพ่ายแพ้แล้วโดยสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังถูกมโหสถฝากรอยแผลไว้ที่แสกหน้าให้เจ็บและอาย มาจนถึงทุกวันนี้
 
    ยามใด ที่พราหมณ์เกวัฏส่องดูใบหน้าของตนบนกระจก มองเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผากทีไร ก็ให้เป็นเดือดเป็นแค้น จนไม่อาจที่จะสกัดกลั้นเพลิงโทสะที่เดือดพล่านอยู่ภายในใจได้ ถึงกับขบกรามแน่น แล้วเปล่งเสียงคำรามออกมาดังๆ ด้วยแรงแค้นแรงอาฆาตที่สุมแน่นอยู่เต็มหัวอก เกวัฏจึงไม่อาจอยู่อย่างเป็นสุขเหมือนเช่นแต่ก่อน เพราะมัวแต่ครุ่นคิดอยู่ว่า เมื่อใดตนจึงจะสามารถแก้แค้นมโหสถได้สำเร็จ
 
    แต่แล้ววันหนึ่ง จากแรงแค้นอาฆาตที่กลุ้มรุมจิตใจของพราหมณ์เกวัฏ จึงทำให้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดลงไปว่า “เราต้องฆ่าวิเทหราชกับมโหสถให้จงได้ เราจะอยู่ร่วมโลกกับพวกมันไม่ได้” จึงได้วางแผนการที่จะฆ่าพระเจ้าวิเทหราชกับมโหสถ โดยในที่สุดก็เห็นลู่ทางว่า “จะต้องล่อวิเทหราชและมโหสถเข้ามาสู่ในเมืองเราก่อน แล้วจับฆ่าเสีย”
 
    เมื่อคิดอุบายได้อย่างละเอียดแล้วก็ไม่รอช้า รีบนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลให้พระเจ้าจุลนีทรงทราบทันที พระเจ้าจุลนีเห็นพราหมณ์เกวัฏมาเข้าเฝ้าด้วยท่าทางรีบร้อน จึงตรัสทักว่า…
 
“ท่านอาจารย์ มีเรื่องสำคัญอะไรหรือ เหตุใดท่านจึงหน้าตาตื่นมาหาเราด้วยเล่า”
“คราวนี้สำเร็จแน่ คราวนี้สำเร็จแน่ พระพุทธเจ้าข้า” พราหมณ์เกวัฏกราบทูลด้วยสีหน้าแช่มชื่นเบิกบาน เหมือนพบกับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต
“สำเร็จอะไรหรือ ท่านอาจารย์” พระองค์ตรัสถามด้วยทรงฉงนพระทัย
 
    ยังไม่ทันที่พราหมณ์เกวัฏจะกราบทูลสิ่งใด พระองค์ก็รีบตรัสขึ้นก่อนว่า “หรือท่านอาจารย์มีอุบายอื่นที่จะแนะนำให้เราทำตามอีก ถ้าเป็นเช่นที่แล้วๆมา เราเห็นจะไม่ยอมทำตามความคิดของท่านเป็นอันขาด เพราะบัดนี้เรายังแค้นใจมโหสถอยู่ไม่หาย เราไม่น่าเสียรู้มโหสถในครั้งนั้นเลย”
 
    ขึ้นชื่อว่ากองเพลิง เมื่อประทุขึ้นแล้ว ยากที่จะดับลงได้ง่ายๆ ดุจเดียวกับเพลิงแค้นมีกำลังกล้าหนุนอยู่ภายใน ที่ได้ลุกโชนลามไหม้จิตใจของพราหมณ์เกวัฏไปจนหมดสิ้น ถึงอย่างไรก็คงไม่ยอมให้เกวัฏหยุดยั้งความคิดที่จะตามทวงแค้นมโหสถได้เลย ขณะนั้น พราหมณ์เกวัฏจึงยังคงกราบทูลพระราชา ด้วยวาจาหนักแน่นสืบต่อไปว่า “ขอเดชะ ขอทรงพระกรุณา โปรดพระราชทานโอกาสให้ข้าพระพุทธองค์ได้กราบบังคมทูลความคิดนี้ก่อนเถิด พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์มั่นใจเหลือเกินว่าคราวนี้เราต้องชนะแน่ และไม่มีทางที่มิถิลานครจะรอดพ้นเงื้อมมือของพระองค์ไปได้เลยพระเจ้าข้า”
 
    พระเจ้าจุลนีไม่ทรงปรารถนาจะขัดคอพราหมณ์เกวัฏในเรื่องนี้ พระองค์จึงทรงนิ่งเสีย พราหมณ์เกวัฏเมื่อเห็นว่าพระราชาทรงนิ่งโดยดุษณีภาพ ก็สำคัญว่าพระองค์มีพระประสงค์จะทรงสดับอุบายของตน ครั้นแล้วจึงถือโอกาสกราบทูลว่า “ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าก็เป็นชาวปัญจาละ ความเจริญและความเสื่อมของปัญจาละ ข้าพระพุทธเจ้าถือว่าตนก็มีส่วนด้วยเสมอไป และยิ่งไปกว่านั้นในฐานะที่ได้รับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ก็ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นเตือนใจตลอดมา มิได้นิ่งเฉยดูดาย คิดแต่อุบายที่จะกอบกู้พระบรมเดชานุภาพ ซึ่งก็ได้ปรากฏแล้วว่าเป็นอุบายที่ยอดเยี่ยม ไม่มีอุบายใดจะทัดเทียมได้เลย”
 
    พระเจ้าจุลนีได้ทรงสดับถ้อยคำอันเด็ดเดี่ยวของพราหมณ์เกวัฏแล้ว ก็ทรงสนพระทัย พระอาการที่ดูหมิ่นก็หมดไปจากพระมนัส จึงตรัสว่า “ท่านอาจารย์ไหนลองบอกอุบายให้เราทราบสักหน่อยเถิด”
 
“ขอเดชะ อุบายนี้สำคัญมาก ข้าพระพุทธเจ้าจะกราบทูลได้ ก็ต่อเมื่อข้าพระพุทธเจ้าอยู่กับพระองค์เพียงลำพังเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาความลับของเรารั่วไหลไปได้” พราหมณ์เกวัฏกราบทูล
“จริงสินะท่านอาจารย์...ครั้งนั้นความลับของเราก็เคยแพร่งพรายไปคราวหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้หากระมัดระวังไว้ก่อนก็ดี ประวัติศาสตร์จะได้ไม่ซ้ำรอย ท่านอาจารย์จงเลือกเอาเถิด ท่านเห็นว่าที่ใดเหมาะสม ก็จงบอกเรามาเถิด”
 
    ครั้นแล้ว พราหมณ์เกวัฏก็ได้ทูลเชิญพระราชา ให้เสด็จขึ้นสู่ชั้นบนของพระมหาปราสาทอันเป็นห้องบรรทมของท้าวเธอ ส่วนว่าอุบายอันยอดเยี่ยมที่จะล่อพระเจ้าวิเทหราชและมโหสถบัณฑิต เข้ามาสู่ในปัญจาลนครนั้นเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 143ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 143

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 144ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 144

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 145ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 145



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก