ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 156


[ 14 มี.ค. 2552 ] - [ 18262 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 156
 

    จากตอนที่แล้ว นางนกสาลิกาได้ฟังคำหว่านล้อมของสุวโปดกนั้น ก็สุดแสนจะปลื้มใจ แต่ก็มีความเขินอายตามวิสัยหญิง จึงแกล้งพูดอิดออดไปว่า “ตามธรรมดานกแขกเต้าก็ควรคู่กับนกแขกเต้า นกสาลิกาก็ควรคู่กับนกสาลิกา ท่านเป็นนกแขกเต้า ข้าเป็นนกสาลิกา ต่างชาติต่างตระกูลกัน จะร่วมคู่อยู่เคียงกันได้อย่างไร”
 
    สุวโปดกจึงชักอุปมาว่า “สาลิกาจ๋า อย่าว่าแต่เธอกับฉันเลย แม้แต่ในหมู่มนุษย์ พระราชามหากษัตริย์ก็ยังอยู่ร่วมกับหญิงจัณฑาลได้เลย เรื่องชาติชั้นวรรณะไม่สลักสำคัญอันใดดอกจ้ะ นับประสาอะไรกับเราทั้งสองซึ่งต่างก็เป็นนกด้วยกัน ทำไมจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ล่ะจ๊ะ...อย่าว่าแต่มนุษย์กับมนุษย์เลย แม้แต่มนุษย์กับกินรี ก็ยังร่วมเรียงเคียงคู่กันได้อย่างมีความสุข”
 
    ว่าแล้ว สุวโปดกจึงได้นำเรื่องพระฤาษีกับนางกินรี มาเล่าให้นางฟังต่อไปว่า “พี่เคยได้ยินมาว่า มีพระฤาษีชื่อว่า วัจฉะ ได้อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ และในที่นั้นเองมีถ้ำใหญ่อยู่ถ้ำหนึ่ง เป็นที่อาศัยของฝูงกินนรจำนวนมาก แต่กินนรเหล่านั้นโชคร้าย ถูกแมงมุมยักษ์ตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่ปากประตูถ้ำ กัดศีรษะแล้วดูดกินเลือดอย่างไม่ปรานี พวกมันจึงพากันเข้าไปหาพระฤาษีวัจฉะ แล้วขอร้องให้ช่วยกำจัดแมงมุมยักษ์ตัวนั้นเสีย แต่พระฤาษีกลับไม่ยอมช่วยเหลือ กินนรทั้งหลายต่างผิดหวังอย่างแรง” สุวโปดกเล่ามาถึงตรงนี้แล้วก็นิ่งเงียบไป รอให้นางสาลิกาเป็นฝ่ายถามตนบ้าง
 
    นางนกสาลิกาอยากจะรู้ว่า สุดท้ายเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร ในเมื่ออดใจไม่ไหว จึงตัดสินใจเอ่ยถามสุวโปดกว่า “อืม...แล้วอย่างไรต่อล่ะ”

“ที่รัก เธออยากจะฟังต่อหรือ” สุวโปดกถามอย่างอารมณ์ดี
“กำลังสนุกเลย ไหนท่านเล่าต่อไปสิ” นางสาลิกาตอบด้วยความกระหายใคร่จะฟังต่อ
“ได้สิ แต่เธอต้องสัญญานะว่า ตั้งแต่นี้ไปจะต้องเรียกฉันว่าพี่ และฉันก็จะเรียกเธอว่าน้อง ได้ไหมจ้ะ น้องสาลิกา”

    สาลิกาได้ฟังดังนั้น ก็รีบเอียงหน้าหลบด้วยความเหนียมอาย ไม่กล้าจ้องมองสุวโปดกตรงๆ ครั้นแล้วจึงตอบสุวโปดกเบาๆว่า “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ...พี่สุวโปดก”
 
    “อืมม...ดีจ้ะ งั้นพี่จะเล่าให้น้องฟังต่อนะ” สุวโปดกจึงเล่าต่อไปว่า “ต่อมาไม่นานนัก พวกกินนรจึงได้ขอร้องให้นางกินนรีตนหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีสามี ชื่อว่า รัตนาวดี ให้ไปช่วยอ้อนวอนขอความเห็นใจจากพระฤาษี และหากว่าพระฤาษียอมช่วย พวกตนก็จะมอบนางรัตนาวดีให้เป็นบาทบริจาริกา ช่วยปรนนิบัติบำเรอพระฤาษี

    ฝ่ายพระฤาษี เมื่อได้เห็นกินรีรัตนาวดีเท่านั้น ก็ตกหลุมรักนางในทันที ในที่สุดจึงยอมรับข้อเสนอของเหล่ากินนรอย่างง่ายดาย พระฤาษีไม่รอช้า รีบไปสู่ปากประตูถ้ำ แล้วใช้ค้อนตีแมงมุมยักษ์ ซึ่งกำลังออกมาหากินจนตายในที่นั้นเอง เมื่อปราบแมงมุมยักษ์ได้แล้ว ก็รับเอานางกินรีนั้นมาเป็นภรรยา และอยู่ร่วมกันจนมีบุตรธิดาด้วยกัน ณ ที่นั้นเอง”
 
    พอเล่าจบ สุวโปดกก็ชักเข้าสู่ประเด็นเหมือนเช่นครั้งแรกว่า “น้องสาลิกาจ๋า เห็นไหมจ้ะ มนุษย์ผู้ทรงศีลก็ยังอยู่ร่วมกับกินรีผู้เป็นดิรัจฉานได้ จะกล่าวไปไยถึงเราทั้งสอง ซึ่งเป็นดิรัจฉานด้วยกันจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เชียวหรือ”
 
สาลิกาได้ฟังเรื่องเล่าจากสุวโปดกแล้ว จึงเอ่ยขึ้นว่า “พอแล้วจ้ะพี่ น้องสาลิกาเชื่อแล้ว แต่...”
“แต่อะไรหรือจ้ะ...” สุวโปดกซักนางทันที
 
    “แต่พี่เจ้าขา ธรรมดาใจของบุรุษเป็นดั่งกระแสน้ำลึกที่ไหลเชี่ยวกราก ยากแท้จะหยั่งถึง ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะตื้นลึกสักเพียงใด และอารมณ์ของบุรุษก็เป็นดุจกระแสคลื่นในทะเล ขึ้นลงๆอยู่ทุกวี่วัน ไม่มั่นคงเป็นหนึ่งเดียว ฉะนั้น...จึงไม่อาจถือเอาเป็นประมาณได้ น้องกลัวเหลือเกิน กลัวว่าพี่น่ะ จะมาหว่านล้อมให้น้องตายใจ พอสมใจพี่แล้วก็ทิ้งไป ปล่อยให้น้องต้องเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย...
 
    พี่ก็รู้มิใช่หรือว่า ความอ้างว้างว้าเหว่เป็นภัยที่น่ากลัวยิ่งนักสำหรับสตรี และทุกข์ใดๆก็ไม่เท่ากับการพลัดพรากจากบุรุษผู้เป็นที่รัก หากว่าความรักของพี่เริ่มต้นด้วยการเคียงคู่กัน แต่สุดท้ายกลับจบลงด้วยการเลิกร้าง น้องก็จะไม่ขอรับรักพี่เสียดีกว่า จะได้ไม่ทุกข์ใจในภายหลัง จริงไหมจ้ะ”
 
    สุวโปดกฉลาดในมายาสตรี รู้ว่าถ้อยคำที่นางพูดมิได้ตรงกับใจ เพราะทีท่าของนางบ่งบอกถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้า แต่วาจากลับปฏิเสธเหมือนต้องการจะลองใจตน สุวโปดกจับทางของนางสาลิกาออก จึงแกล้งพูดขึ้นเหมือนไม่สบอารมณ์ว่า...
 
    “เอาเถอะน้องสาลิกา หากเจ้าไม่ไว้ใจพี่ และเห็นว่าพี่ไม่คู่ควรกับน้อง พี่ก็จะขอลากลับล่ะ พี่มาในที่นี้ด้วยหวังจะขอให้น้องเป็นคู่ชีวิตไปจนตราบชีวาจะหาไม่ แต่น้องกลับตีค่าความปรารถนาดีของพี่ว่า เป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่าไร้ความหมาย น้องช่างดูหมิ่นพี่เหลือเกิน ก็ในเมื่อน้องไม่เห็นความสำคัญของพี่ พี่ก็จะแสวงหานางสาลิกาอื่นมาเป็นภรรยา”
 
    นางนกสาลิกาได้ฟังคำตัดพ้อของสุวโปดก รู้สึกปานประหนึ่งใจจะขาดรอนๆ ความรุมร้อนด้วยเพลิงราคะเผาลนจิตใจมาตั้งแต่ได้ฟังเสียงของนกหนุ่ม ยิ่งได้เห็นตัว ได้สนทนาพาที บ่วงรักก็ยิ่งรัดรึงจิตใจของนางมากขึ้นเป็นทับทวี แต่ที่ทำเป็นไม่ปรารถนา ก็เพียงกระบิดกระบวนไปตามวิสัยของสตรีเท่านั้น
 
    ครั้นเห็นสุวโปดกพูดจาขึงขัง ทำท่าจะไปจริงๆ นางจึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่จ๋า พี่จะรีบร้อนไปไย ขอจงฟังคำของน้องก่อนเถิด พี่น่ะเป็นบัณฑิต ย่อมจะรู้ดีว่า ตามธรรมดาสิริย่อมไม่คู่ควรแก่ผู้ด่วนได้ใจเร็ว สำหรับน้องแล้ว การเลือกคู่ครองเป็นเรื่องสำคัญ จำต้องคิด ต้องไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อนจึงจะควร...
 
    พี่จงอยู่ที่นี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งด่วนจากน้องสาลิกาไปเลย รอดูเจ้าเหนือหัวของน้องก่อน แล้วพี่ก็จะได้เห็นพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ จะได้ฟังเสียงดนตรีที่ไพเราะเสนาะโสต ผสานเสียงขับร้องบรรเลงเพลงของเหล่านารีผู้เลอโฉมในเวลาเย็นวันนี้แหละจ้ะ”
 
    สุวโปดกเมื่อเห็นว่า นางนกสาลิกาผูกสมัครรักใคร่ตนทั้งกายทั้งใจแล้ว ก็บันเทิงเริงใจยิ่งนัก แล้วในเย็นวันนั้นเอง ทั้งสองต่างก็ได้ร่วมสมัครสมานกันฉันสามีภรรยา ต่างชื่นชมกันและกัน รักใคร่เอาอกเอาใจกันด้วยความรักที่หวานฉ่ำ
 
    ทั้งหมดนี้เป็นอุบายของสุวโปดก เพื่อที่จะหลอกถามความลับจากนางนกสาลิกา โดยที่คำพูดหว่านล้อมเหล่านั้น ไม่มีความจริงใจกับนางนกสาลิกานั้นเลย คิดแต่เพียงที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จเท่านั้น ส่วนว่าสุวโปดกจะล้วงความลับจากนางนกสาลิกาอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 157ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 157

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 158ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 158

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 159ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 159



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก