ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 26 เมษายน พ.ศ.2553 ช่วงที่ 1.1
ธุดงค์ธรรมชัย พระธรรมทายาท รุ่นกองพลแสนรูป
ตอน ผ้าเหลืองห่มดอย ณ จังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่
เรียงเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
บรรยากาศการเดินธุดงค์ของศูนย์อบรมธรรมอุทยานแก้วกลางดอย อำเภอแม่แจ่มจังหวัดเชียงใหม่นั้น พระธรรมทายาทแบ่งออกเป็นสองสาย สายละประมาณสี่สิบกิโลดอย เพื่อกระจายไปทั่วทุกดอย โดยสายที่หนึ่งนั้นธุดงค์ไปยังหมู่บ้านกองลา หมู่บ้านชาวดอยที่สมาชิกหมู่บ้านมาสร้างบารมีที่วัดพระธรรมกายมากที่สุดหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งพระธุดงค์ได้พบเจอเหตุการณ์ที่พาให้ใจหยุดนิ่ง ให้รักการนั่งธรรมะยิ่งชีพแบบอัตโนมัติ คือ ในยามดึกประมาณเที่ยงคืน อยู่ๆก็มีเสียงร้องวี๊ดเบาๆ ถึงแม้จะเบา แต่เสียงนั้นได้ยินกันทั่วบริเวณ และได้ยินกันหลายรูป อาการข้างเคียงที่มาพร้อมกับเสียง คือ ขนลุกซู่
พอรุ่งเช้า ถามชาวบ้านจึงทราบว่า ที่ปักกลดกางเต็นท์นั้นเป็นสุสานเก่าของพี่น้องต่างศาสนิกนั่นเอง จากนั้นพระธุดงค์ได้เดินต่อไปยังวัดบ้านอมลอง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นวัดร้างมาประมาณสองปี ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านนั้น ทราบว่ามีพี่น้องต่างศาสนิกอีกศาสนาหนึ่ง ได้เข้ามาซื้อที่ดินบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก และได้พยายามชักชวนแกนนำชาวบ้านให้เปลี่ยนความเชื่อ แต่ชาวบ้านไม่ยอมเปลี่ยน เมื่อพระธุดงค์เดินทางไปถึง เนื่องจากชาวบ้านไม่เห็นพระมานาน จึงมาช่วยพัฒนาวัดกันอย่างเต็มที่
ชาวบ้านทั้งสองศาสนาบอกว่า กลัวผีกันมาก ไม่ว่านับถือศาสนาไหนก็กลัว ถึงขนาดว่าปรึกษาหารือกันหลายครั้งแล้วว่าจะทุบวัดทิ้ง แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งก็บอกว่าเสียดาย เพราะมีพระพุทธรูปอยู่ และคิดว่าถ้าเผื่อว่าต่อไปอาจจะมีพระผู้มีบุญมาอยู่จึงยังคงไม่ทุบ
เมื่อพระธุดงค์มาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง ชาวบ้านและเด็กมาช่วยกันพัฒนาวัด มาร่วมสวดมนต์ ฟังธรรม นั่งธรรมะ ซึ่งมีทั้งชาวพุทธและต่างศาสนา พุทธบุตรชาวดอยเมื่อเห็นชาวบ้านรักการทำบุญ รักวัดเช่นนี้ จึงอาสาที่จะมาอยู่พัฒนาวัดแห่งนี้ถึงสามรูป ชาวบ้านเมื่อทราบดังนั้นต่างดีใจเป็นอย่างยิ่งบอกว่า เข้าพรรษานี้จะมาเข้าร่วมบวชเพื่อให้อยู่เข้าพรรษาครบห้ารูป วัดจะสามารถรับกฐินได้ หลายคนที่ไปนับถือต่างศาสนาบอกว่า ถ้ามีพระอยู่อย่างนี้จะเปลี่ยนกลับมานับถือพระพุทธศาสนา
ต่อมา พระธุดงค์ได้ถือโอกาสกำจัดความกลัวของชาวบ้าน โดยอัญเชิญบ้านหลังสุดท้ายทุกหลังออกมาด้วย และนำไปทำพิธีรักต้องฝัง ยังที่อีกแห่งหนึ่ง และได้เดินธุดงค์ไปยังบ้านแม่ลิดป่าแก่ บ้านแม่สวรรค์หลวง และบ้านแม่สวรรค์น้อย ระหว่างธุดงค์ไปยังบ้านแม่สวรรค์หลวงนั้นจะต้องผ่านหมู่บ้านที่อดีตเคยมีวัด แต่ต่อมาร้างไปนานและถูกทุบทิ้ง ชาวบ้านเกือบทั้งหมดนับถือต่างศาสนา มีเพียงสอง-สามหลังคาเรือนเท่านั้นที่ยังคงนับถือพระพุทธศาสนา
พระธุดงค์จาริกไปทุกยอดดอย กว่าสี่สิบกิโลดอย
เสียงนั้น ดังมาเป็นระยะๆให้ได้ยิน ที่สำคัญเรามองไม่เห็นที่มาของเสียง แถมบางรูปพิเศษสุด คือ เห็นเป็นเงาดำๆขนาดใหญ่ตัวสูงๆ เดินข้ามเต็นท์ที่พักผ่านไป เสียงและเงาเช่นนี้ ส่งผลให้พระธุดงค์เกิดความรักที่จะนั่งสมาธิกันอย่างฉับพลันทันใด
นำชาวดอยและเด็กๆในวัดมาพัฒนาวัด
ส่วนอีกสายนั้น ได้เดินทางข้ามจังหวัดไปที่บ้านแม่ลิดน้อย ตำบลแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องต่างศาสนา ที่หมู่บ้านนี้มีวัดประจำหมู่บ้าน แต่วัดร้างมากว่าสี่ปีแล้ว ชาวบ้านไม่กล้าเข้าวัด เพราะมีเสียงร่ำลือว่าผีดุ ซึ่งพระท่านบอกว่า “ดุจริงๆครับ ไม่ใช่ ผอ...ผี แต่เป็น ผอ...ผึ้งครับ ดุมากๆ มาอยู่ในศาลากันหลายรังเลยครับ” ระหว่างพัฒนาวัดนั้น พระรูปหนึ่ง โดนผึ้งต่อยเข้าให้เกือบยี่สิบตัว
ธุดงค์ผ่านศาสนสถานของพี่น้องต่างศาสนิกที่อยู่ใกล้กับวัดแม่ลิดน้อย
เราได้พบอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ชาวบ้านร่ำลือกันว่าผีดุ คือ มีใครไม่ทราบนำบ้านหลังสุดท้ายของมนุษย์ทุกคน ซึ่งก็คือโกศ ที่ภายในเต็มไปด้วยกระดูกของผู้ตาย มีกันหลายหลังเต็มไปหมด นำมาวางไว้หลังองค์พระประธาน เมื่อได้เห็นก็พลอยทำให้พระธุดงค์บรรเจิดในอารมณ์เป็นที่สุด ที่อยู่ๆได้มาชมดอกไม้พระอริยะ ที่มาไม่ใช่แค่ดอกสองดอก แต่มากันเป็นสวน มรณานุสสติก็เกิดมีแบบอัตโนมัติ รักในการนั่งธรรมะแบบทับทวีกันเลย และโกศเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ชาวบ้านกลัวไม่กล้ามาวัด
พ่อหลวง (ผู้ใหญ่บ้าน) ต่างศาสนา นิมนต์พระธุดงค์ฉันปานะที่บ้าน
เมื่อชาวบ้านเห็นพุทธบุตรธุดงค์ผ่านมาเท่านั้น ต่างรีบวิ่งนำน้ำหวาน-น้ำอัดลมมาถวาย และนิมนต์พระธุดงค์ให้ไปฉันที่บ้านพ่อหลวง ต่างบอกว่าอยากทำบุญ ไม่ได้ทำบุญมานานแล้ว ในช่วงท้ายของการเดินธุดงค์นั้น เพื่อให้ชาวดอยได้รับบุญกันเต็มที่ พุทธบุตรจึงจัดตักบาตรเป็นพิเศษ ณ บ้านห้วยกุ้ง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีพี่น้องชาวดอยเป็นจำนวนมากเกือบพันคนมาร่วมงานบุญ ซึ่งงานนี้เราจัดพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ สองภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษากะเหรี่ยง เพื่อตอกย้ำความเป็นชาวพุทธให้แก่พี่น้องชาวดอยอีกด้วย
ชาวดอยทุกเพศทุกวัยกว่าพันคน มาแสดงตนเป็นพุทธมามกะ
และตักบาตรพระธุดงค์
บรรยากาศการเดินธุดงค์ของพระธรรมทายาท ศูนย์อบรมวัดบ้านขุนนั้น ได้แบ่งออกเป็นสี่สายด้วยกัน ดังนี้ สายที่หนึ่ง คือ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน สายที่สอง คือ บ้านแม่แพหลวง ซึ่งเป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่มีสมาชิกมาสร้างบารมีในวัดพระธรรมกายมากที่สุด โดยเฉพาะในทีมงานดีเอ็มซี และหอฉันคุณยายอาจารย์ สายที่สาม คือ บ้านนาเกียน อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสายที่ทั้งตำบลมีวัดเพียงแห่งเดียว สายที่สี่ คือ บ้านหนองกระทิง ตำบลอมก๋อย
พระธรรมทายาท กองพลแสนรูปวัดบ้านขุน
เดินธุดงค์ไปยังวัดในอำเภออมก๋อย
ในการเดินธุดงค์ครั้งนี้ เนื่องจากชุมชนที่จาริกไปนั้น คือ บ้านแม่ต๋อม เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่กว่าพันหลังคาเรือน ที่สมาชิกในชุมชนเป็นพี่น้องต่างศาสนิกที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และมีศาสนสถานของศาสนานั้นใหญ่ที่สุดอีกเช่นกัน พระธุดงค์ต่างคาดกันไปต่างๆนานาว่า เราจะมีฉันกันหรือเปล่า แต่ด้วยกำลังแห่งศีลและกำลังบุญของพระธุดงค์ ยามเช้าเมื่อออกไปบิณฑบาต ปรากฏว่ามีชาวดอยทุกความเชื่อ ออกมาใส่บาตรพระกันเต็มไปหมด แทบจะเรียกว่าเกิดเหตุโกลาหลในหมู่บ้านเลย
ธุดงค์ผ่านศาสนสถานของพี่น้องต่างศาสนิกที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ
เนื่องจากแต่ละสายที่ไปนั้นมีพระไปอย่างน้อยสายละ 50รูป ชาวดอยจึงปลื้มใจมากๆที่ได้เห็นพระมากันมากๆ สุดท้ายพระธุดงค์ได้ไปปักหลักกันที่วัดหนองกระทิง ซึ่งที่แห่งนี้ เราได้นำชาวบ้านพัฒนาวัดกันอย่างเต็มที่ ชาวบ้านมาเข้าวัดมาฟังธรรมกันทุกวัน การมาครั้งนี้ของเราพบว่ามีเด็กชายหลายคน เมื่อพบพระธุดงค์แล้วเกิดความเลื่อมใสพระธุดงค์มาก และกล่าวว่ากำลังจะเรียนจบชั้นป.6_ปิดเทอมแล้วจะเข้ามาบวชเรียนเป็นสามเณรที่วัดบ้านขุน และก่อนเดินทางกลับ ได้จัดตักบาตรในวัดพร้อมทั้งจัดพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะให้กับชุมชนแห่งนี้เป็นครั้งแรกอีกด้วย
ทุกวัดที่พระธุดงค์ไป ชาวบ้านต่างมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม แน่นศาลา
พระธุดงค์สอนชาวดอยนั่งสมาธิ
ชาวดอยทุกเพศทุกวัยมาชมสื่อจาก DMC
หลังจากสวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรมแล้ว
เมื่อเดินทางกลับวัดนั้น พระธุดงค์ได้รับการต้อนรับสุดเซอร์ไพรส์ ทั้งจากเหล่ากอแห่งสมณะ คือ สามเณร และญาติโยมวัดบ้านขุน โดยตัวแทนสามเณรน้อยและอุบาสกได้มารับบุญเช็ดเท้าพระธุดงค์ด้วยความเคารพยิ่ง
สามเณร อุบาสก อุบาสิกา วัดบ้านขุน
มานั่งตั้งแถวต้อนรับ และรอเช็ดเท้าพระธุดงค์กลับคืนสู่วัด
สามเณรกล่าวว่า “ภูมิใจมากครับที่ได้มาเช็ดเท้าให้ฮีโร่ในดวงใจ เพราะพระธุดงค์นั้น ท่านเป็นยิ่งกว่าซูเปอร์แมนหรือยอดมนุษย์ไหนๆ ท่านเป็นซูเปอร์มังค์ เป็นยอดของมนุษย์ เทวา และพรหม ที่ทั้งภพสามต้องกราบไหว้” สามเณรน้อยกล่าวต่ออีกว่า “ถ้ามีโอกาสสามเณรอยากเดินธุดงค์ตามอย่างซูเปอร์มังค์บ้างครับ”
ส่วนฝ่ายอุบาสิกานั้น ต่างโปรยข้าวตอกดอกไม้ ต้อนรับนักรบกล้าแห่งกองทัพธรรมกลับสู่ฐานทัพ ด้วยความปลื้มใจ