เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(5)


[ 17 มิ.ย. 2553 ] - [ 18270 ] LINE it!

เ น มิ ร า ช ช า ด ก
บํ า เ พ็ ญ อ ธิ ษ ฐ า น บ า ร มี ( ๕ )



 
     ข้าแต่พระราชาผู้ประเสริฐ ผู้เป็นใหญ่ในทิศทั้งหลาย ขอเชิญเสด็จมาขึ้นราชรถคันนี้ เทพเจ้าชาวดาวดึงส์พร้อมด้วยพระอินทร์ ใคร่จะเห็นพระองค์ เทพเจ้าเหล่านั้นระลึกถึงพระองค์ ประชุมกันรออยู่ที่สุธรรมาเทวสภา

     รสแห่งธรรมเลิศกว่ารสทั้งปวง ความสุขที่เกิดจากการเข้าถึงธรรมอันบริสุทธิ์ภายใน ประเสริฐกว่าความสุขอื่น เมื่อเราเข้าถึงธรรมภายใน ซึ่งเป็นแก่นแท้ของชีวิตได้ ชีวิตเราจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์และได้รับอานิสงส์อันไม่มีประมาณ มหากุศลจะบังเกิดขึ้นทุกๆ ขั้นตอนที่เราสร้างบารมี เพราะใจเราหยั่งลงสู่กุศลธรรม หยั่งลงสู่กายธรรมภายในซึ่งเป็นต้นแหล่งแห่งความสุข ความบริสุทธิ์และความสำเร็จทั้งปวง ดังนั้นการได้เข้าถึงธรรมกายภายใน จะทำให้ชีวิตของเราก้าวไปสู่ความสมบูรณ์ในทุกด้าน เราจึงควรหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกภายในที่แท้จริง

    มีวาระพระบาลีใน เนมิราชชาดก ว่า

    "ข้าแต่พระราชาผู้ประเสริฐ ผู้เป็นใหญ่ในทิศทั้งหลาย ขอเชิญเสด็จมาขึ้นราชรถคันนี้ เทพเจ้าชาวดาวดึงส์พร้อมด้วยพระอินทร์ ใคร่จะเห็นพระองค์ เทพเจ้าเหล่านั้นระลึกถึงพระองค์ ประชุมกันรออยู่ที่สุธรรมาเทวสภา"
 
    คนมีบุญมากจะอยู่ในสายตาของสวรรค์ เขาจะมองดูเราด้วยจิตที่เลื่อมใส คอยอนุโมทนาสาธุการในบุญใหญ่แต่ละอย่างที่เรากำลังทำก็ดี หรือทำไปแล้วก็ดี ชาวสวรรค์เขาจะคอยตามดูแลรักษา และเฝ้าอนุโมทนาบุญกับผู้มีบุญ ดังเช่นพระเจ้าเนมิราชผู้สั่งสมบุญจนโด่งดังไปถึงสวรรค์ เทวดาต่างโจษขานในความดีของท่าน ถึงขนาดอยากพบตัวจริง ชนิดที่ต้องส่งราชรถลงมารับไปสวรรค์ด้วยกายเนื้อทีเดียว

    * ตอนที่แล้ว หลวงพ่อได้กล่าวถึงท้าวสักกเทวราชที่ทรงพรรณนาถึงการประพฤติพรหมจรรย์ ซึ่งมีตั้งแต่รักษาศีลและเจริญสมาธิภาวนาว่า เป็นคุณที่ประเสริฐกว่าการบริจาคทาน แต่ต้องทำควบคู่กันไปทั้งสองอย่าง เพราะเป็นสิ่งที่เกื้อกูลกัน จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เมื่อตรัสจบแล้ว ท้าวสักกะเสด็จกลับสู่เทวโลก ขณะนั้น หมู่เทพยดาซึ่งกำลังประชุมกันอยู่ที่สุธรรมาเทวสภา และรอคอยการมาของท้าวสักกเทวราช ครั้นเห็นพระองค์ปรากฏขึ้นในท่ามกลางมหาเทวสมาคม ต่างทูลถามด้วยความสงสัยว่า "ข้าแต่เทวราช พระองค์ไม่ปรากฏอยู่ครู่หนึ่ง ได้เสด็จไปที่ไหนหนอ" ท้าวสักกะตรัสตอบว่า "ได้ลงไปในมนุษยโลกเพื่อไขความข้องใจของพระเจ้าเนมิราช" จากนั้นทรงประกาศให้เหล่าทวยเทพได้ฟังทั่วหน้ากันว่า

    "ท่านทั้งหลายที่มาประชุมในที่นี้มีประมาณเพียงไร จงตั้งใจสดับคุณอันประเสริฐของมนุษย์ผู้ทรงธรรม คือพระเจ้าเนมิราชผู้เป็นบัณฑิตนี้เถิด พระองค์เป็นราชาของชาววิเทหรัฐ ทรงปราบข้าศึกโดยกุศลธรรม ทรงบำเพ็ญกุศล พระราชทานไทยธรรมแด่เหล่าสมณพราหมณ์ และเหล่ายาจกวณิพกโดยถ้วนหน้า ขณะพระองค์กำลังบริจาคทานอยู่นั้น เกิดดำริขึ้นว่า ทานหรือพรหมจรรย์ อย่างไหนมีผลมากกว่ากัน.." จากนั้นท้าวสักกะทรงพรรณนาคุณของพระเจ้าเนมิราชให้เหล่าเทวดาได้ชื่นชมและอนุโมทนาโดยถ้วนหน้ากัน

    หมู่เทวดาได้ฟังคำสรรเสริญคุณอันประเสริฐของพระเจ้าเนมิราชเช่นนั้น ต่างอยากเห็นพระเจ้าเนมิราช พากันทูลว่า  "ข้าแต่ มหาเทวาธิราช ในสมัยที่ข้าพระองค์เป็นมนุษย์ พระเจ้าเนมิราชเป็นพระอาจารย์ของพวกข้าพเจ้า พวกข้าพเจ้าตั้งอยู่ในโอวาทของพระองค์ จึงได้ทิพยสมบัตินี้มาครอบครอง ข้าพเจ้าทั้งหลายใคร่จะเห็นพระองค์ ขอองค์มหาเทวะโปรดเชิญพระองค์เสด็จมาบนสวรรค์นี้เถิด"

    ท้าวสักกเทวราชทรงเห็นว่า พระเจ้าเนมิราชมีบุญมากพอที่จะเสด็จขึ้นมาบนเทวโลกด้วยกายเนื้อให้เหล่าทวยเทพได้เห็นตามความประสงค์ จึงมีเทวบัญชาให้มาตลีเทพบุตรเทียมเวชยันตราชรถ ลงไปเชิญเสด็จพระเจ้าเนมิราชขึ้นสู่ยานทิพย์ รีบนำเสด็จมาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มาตลีเทพบุตรรับเทพโองการแล้ว ก็เทียมราชรถซึ่งเป็นยานพาหนะของท้าวสักกะไปยังมนุษยโลกทันที

    เมื่อกล่าวถึงราชรถในโลกสวรรค์ พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ในสวรรค์นั้น ไม่มีสัตว์เดียรัจฉานที่เกิดด้วยอำนาจกรรม แต่เรามักจะได้ยินว่า มีราชรถที่เทียมด้วยม้า หรือมีช้างเอราวัณบนสวรรค์ นั่นหมายถึง เทวดาซึ่งเป็นบริวารของเทพผู้มีศักดิ์ใหญ่ ได้ปาฏิหาริย์กายของตนให้เป็นรูปสัตว์ เพื่อทำหน้าที่อำนวยความสะดวกหรือนำทางให้กับเทพผู้เป็นนายไปสู่อุทยานบนสวรรค์บ้าง หรือท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ตามความพอใจของเทพผู้เป็นเจ้านาย เมื่อหมดภาระหน้าที่แล้ว ก็จะกลับกลายร่างเป็นเทวดาตามเดิม นี้เป็นความสามารถพิเศษของกายทิพย์

    เมื่อมาตลีเทพบุตรเทียมเวชยันตราชรถขับไปนั้น เวลาได้ผ่านไปนานถึง ๑ เดือนของมนุษย์ เวชยันตราชรถนั้นปรากฏพร้อมกับมณฑลของพระจันทร์ แต่ทอแสงสว่างไสวอยู่คนละด้าน ซึ่งขณะนั้น พระเจ้าเนมิราชทรงรักษาอุโบสถศีลในวันเพ็ญ พระองค์เปิดสีหบัญชรด้านทิศตะวันออก ประทับนั่งอยู่ในพระตำหนัก แวดล้อมด้วยเหล่าอำมาตย์ ทรงพิจารณาศีลของพระองค์ที่ไม่มีด่างพร้อยแม้แต่น้อย เป็นศีลที่บริสุทธิ์ ซึ่งนับเป็นการประพฤติพรหมจรรย์อย่างหนึ่ง

    ขณะเดียวกันนั้นเอง ชาวเมืองพากันนั่งเล่นที่ประตูบ้านของตน ต่างสนทนาปราศัยกันอย่างมีความสุข บ้างคุยถึงเรื่องบุญกุศล หรือคุณพ่อคุณแม่ก็พรํ่าสอนลูกๆ ให้รู้จักทำความดี รู้จักการให้ทาน รักษาศีล ให้มีความเคารพอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล กตัญญูรู้คุณต่อผู้มีอุปการคุณ เป็นต้น ในขณะนั้นราชรถเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปรากฏให้มหาชนที่กำลังสนทนากันนั้นได้เห็นประจักษ์ด้วยตา

    มหาชนพากันวิพากวิจารณ์ว่า "นั่นไม่ใช่พระจันทร์ แต่เป็นรถนะ" ยิ่งมองดูก็เห็นภาพของเวชยันตราชรถเทียมด้วยม้าสินธพนับพันมีมาตลีเทพบุตรขับ ปรากฏชัดขึ้น ก็ยิ่งตื่นตาตื่นใจกันใหญ่ กลางคืนปรากฏเหมือนกลางวัน ชาวเมืองแตกตื่นกันทั้งเมือง เพราะทั่วบริเวณนั้นสว่างไสวทั้งด้วยแสงของดวงจันทร์ และรัศมีของทวยเทพที่มารับพระเจ้าเนมิราช

    เมื่อชาวเมืองเห็นชัดเจนว่า เป็นยานทิพย์ที่มาจากสวรรค์ จึงไต่ถามกันว่า "ยานนี้มาเพื่อใครกันหนอ" ลงความเห็นว่า "ไม่ใช่มาเพื่อใครอื่น ต้องมาเพื่อพระราชาของพวกเราผู้เป็นธรรมิกมหาราชอย่างแน่นอน เทพรถนี้สมควรแก่พระราชาของพวกเราเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น" เมื่อมีความเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้แล้ว ต่างร่าเริงยินดีว่า อัศจรรย์จริงหนอ รถทิพย์ปรากฏแก่พระเจ้าเนมิราชผู้มียศ

    ฝ่ายมาตลีเทพบุตรได้จอดราชรถที่พระสีหบัญชร กล่าวเชื้อเชิญพระเจ้าเนมิราชให้เสด็จขึ้นทรงราชรถว่า "ข้าแต่พระราชา ผู้ประเสริฐ ผู้เป็นใหญ่ในทิศทั้งปวง ขอพระองค์เชิญเสด็จมาทรงราชรถคันนี้เถิด เทพเจ้าชาวดาวดึงส์พร้อมด้วยพระอินทร์ ปรารถนาจะพบเห็นพระองค์ ซึ่งขณะนี้กำลังประชุมคอยเฝ้าอยู่ ณ สุธรรมาเทวสภา"

    พระเจ้าเนมิราชทรงสดับคำเชื้อเชิญเช่นนั้น ทรงปีติยินดีว่า จะได้เห็นเทวโลกด้วยตาเนื้อ ไม่ต้องรอให้เห็นเมื่อละสังขารไปแล้ว จึงตัดสินใจเสด็จไปเทวโลกตามคำเชื้อเชิญ จากนั้นทรงตรัสเรียกอำมาตย์ข้าราชบริพาร พร้อมทั้งเหล่าสนมนางในและมหาชนทั้งเมืองมาตรัสว่า พระองค์จะไปเทวโลกไม่นาน ขอให้มหาชนทั้งหลายอย่าได้ประมาท ให้หมั่นทำความดีให้มาก ตรัสฉะนี้แล้ว ก็เสด็จขึ้นสู่ยานทิพย์ทันที

    เรื่องของมนุษย์ธรรมดาที่สามารถไปเทวโลกได้ด้วยกายเนื้อนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากมาก มนุษย์ส่วนใหญ่ที่มีความสามารถมาก อย่างมากออกไปได้แค่นอกโลก แต่พระโพธิสัตว์ของเรา ท่านไปไกลถึงแดนสวรรค์ คิดดูว่าได้ท่องแดนสวรรค์ ไปรู้ไปเห็นด้วยตาเนื้อเช่นนี้ จะบันเทิงใจขนาดไหน ให้พวกเราทุกคนตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ดี ถ้าเราเข้าถึงธรรมกาย การไปสวรรค์ก็ไม่ใช่เรื่องเหลือวิสัยสำหรับเรา ให้หมั่นทำความเพียรกันต่อไป 
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เนมิราชชาดก เล่ม ๖๓ หน้า ๒๕๓


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(6)เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(6)

เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(7)เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(7)

เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(8)เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(8)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน