มหาสมัยสูตรครั้งที่ 1 (ตอนพรหมและเทวาโกลาหล)


[ 31 ส.ค. 2553 ] - [ 18283 ] LINE it!

มหาสมัยสูตรครั้งที่ ๑
(ตอนพรหมและเทวาโกลาหล)
 

 
     ตราบใดที่สรรพสัตว์ทั้งหลายยังไม่หมดสิ้นกิเลสอาสวะ ตราบนั้นต่างยังต้องสั่งสมบุญ เพราะบุญเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต  ดังนั้น เราต้องสร้างบารมี และให้มีจิตใจเยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ที่ทุกลมหายใจของท่าน เป็นไปเพื่อการสั่งสมบุญบารมีล้วนๆ มีใจมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน ฉะนั้น ให้จิตใจของเราผูกพันกับการสร้างบารมี ผูกพันกับพระนิพพานทั้งวันทั้งคืนตลอดเวลา  เมื่อทำได้อย่างนี้ จิตใจของเราจะได้รับการกลั่นให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ขึ้น จะได้เหมาะสมที่จะเป็นภาชนะรองรับอริยมรรคภายใน ที่จะบังเกิดขึ้นต่อไป
 
     มีวาระแห่งพระบาลีใน ขุททกนิกายธรรมบท ความว่า
 
          “ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ        รตฺติมาภาติ จนฺทิมา
           สนฺนทฺโธ ขตฺติโย ตปติ    ฌายี ตปติ พฺรหฺมโณ
           อถ สพฺพมโหรตฺตึ          พุทฺโธ ตปติ เตชสา
 
     พระอาทิตย์ ย่อมส่องแสงในเวลากลางวัน พระจันทร์ย่อมส่องแสงในเวลากลางคืน กษัตริย์เมื่อทรงเครื่องรบแล้วย่อมรุ่งเรือง พราหมณ์ผู้มีความเพ่งเพียร ย่อมรุ่งเรือง ส่วนพระพุทธเจ้า ย่อมรุ่งเรืองด้วยเดชตลอดทั้งกลางวัน และกลางคืนทั้งหมด”
 
     พระอาทิตย์ พระจันทร์ และดวงดาวทั้งหลายที่มีอยู่ในสากลโลกนี้ ยังมีเวลาขึ้นเวลาตกไม่ได้ส่องแสงตลอดเวลา แต่แสงแห่งอานุภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นแสงสว่าง และอานุภาพที่ไม่มีประมาณ เพราะพระพุทธองค์เป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบุญญาบารมี เป็นที่พึ่งของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย ไม่ว่าพระพุทธองค์จะเสด็จไปยังสถานที่แห่งใด ผู้มีบุญที่ปรารถนาความหลุดพ้นก็จะดั้นด้นไปเข้าเฝ้าพระองค์
 
     ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้น แม้ผู้ที่มีกายทิพย์ต่างพากันขวนขวาย เพื่อจะเข้าไปฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เหมือนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยหนึ่ง * ครั้งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ป่าใหญ่ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ในแคว้นสักกะ พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น ได้มีเทวดามากมายจากโลกธาตุทั้ง ๑๐  คำว่า ๑๐ โลกธาตุ ในที่นี้หมายถึงหมื่นจักกรวาลทีเดียว เทวดาทั้งหมดนั้นมีใจมุ่งตรงมาประชุมกันเพื่อชื่นชมบารมีของพระผู้มีพระภาคเจ้า และพระภิกษุสงฆ์สาวก
 
     เทวดาเหล่านั้น มีตั้งแต่เหล่าเทวดาที่อยู่รอบป่าใหญ่ ซึ่งได้พากันเคลื่อนเข้ามาและเชิญชวนกันว่า มาเถิดผู้เจริญ ชื่อว่าการเห็นพระพุทธเจ้า การฟังธรรม และการเห็นหมู่สงฆ์เป็นทัสสนานุตริยะ นับว่าเป็นบุญลาภอันประเสริฐของพวกเรา มาเถิดมานมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า และเหล่าพระขีณาสพกันเถิด ทวยเทพทั้งหลายที่อยู่ในที่ต่างๆ กัน ตั้งแต่ภุมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา จนถึงเทวดาในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น ต่างเกิดโกลาหล ไม่ว่าจะเป็นเทวดาที่อยู่ในจักรวาลทั้งสิ้น ซึ่งอยู่ในสกลชมพูทวีป ปุพพวิเทหทวีป อมรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ในทวีปน้อยทั้ง ๒,๐๐๐ ทวีป คือ พวกเทวดาที่อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
 
     เทวดาผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ประมาณกึ่งคาวุต หนึ่งคาวุต กึ่งโยชน์ หนึ่งโยชน์ โดยลำดับต่อกันไป ไล่เรื่อยแม้กระทั่งเทวดาในนคร ๑๘๙,๐๐๐ นคร เทวดาที่อยู่ตามซุ้มประตูทั้ง ๙,๙๐๐,๐๐๐ แห่ง เทวดาที่อยู่ตามแผ่นฟ้า ๙๖ แสนโกฏิ และที่อาศัยอยู่ที่ทะเล ๕๖ แห่ง ต่างมาประชุมกันทั้งหมด จักรวาลทั้งหมดตั้งแต่แผ่นดินจนถึงพรหมโลก เต็มแน่นไปด้วยพวกเทวดาที่เข้าประชุม เหมือนกล่องเข็มที่เต็มแน่นไปด้วยเข็มจนหาที่ว่างไม่ได้ หรือหากมีใครยืนอยู่ที่พรหมโลก และโยนก้อนหินเท่าเรือนยอดเจ็ดชั้นลงมาข้างล่าง ต้องใช้เวลานานถึง ๔ เดือน จึงจะถึงแผ่นดิน ห้องจักรวาลใหญ่ขนาดนั้น มีเทวดาอยู่กันเต็มจนหาที่ว่างไม่ได้เลยทีเดียว
 
     หากเหล่าเทวดา และเหล่าพรหมที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มาถึง จะได้ที่นั่งทุกๆ องค์ เพราะอานุภาพแห่งบุญที่ตนได้สร้างไว้ คนมีบุญมากก็ดีอย่างนี้แหละ ไปอยู่ในหมู่เทพก็มีสิทธิพิเศษ เหมือนที่ประทับนั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ ย่อมมีเตรียมไว้เฉพาะ แม้พื้นที่ขนาดเท่ากับปลายขนทรายใกล้ๆ กับพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ยังมีเทวดาอยู่มากมาย เทวดาทั้งหลายพากันมาประชุม ก่อนหน้าที่พรหมทั้งสี่จะมาถึง
 
     เนื่องจากก่อนหน้านั้นมหาพรหมทั้งสี่ พากันเข้าสมาบัติในพรหมโลก  เมื่อออกตามกำหนดแล้ว ได้มองดูที่อยู่ของเหล่าเทวาทั้งหลาย เห็นแต่วิมานที่ว่างเปล่า จึงพากันสอดส่องใคร่ครวญดู เห็นว่ามาประชุมใหญ่ที่ชมพูทวีป จึงคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ซึ่งล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้นกำลังประชุมกัน แม้พวกเทวดามากันมากมายจาก ๑๐ โลกธาตุ อย่ากระนั้นเลย แม้พวกเราก็ควรที่จะไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าให้ถึงที่ประทับ และควรจะกล่าวอะไรสักเล็กน้อยในสำนักของพระพุทธองค์ คิดอย่างนั้นแล้ว จึงมาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าเฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ในเวลาเพียงแค่ลัดนิ้วมือเดียว ครั้นไปถึงก็ถวายอภิวาท และก็ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
 
     พรหมองค์หนึ่งลงที่ขอบปากจักรวาลด้านตะวันออก องค์หนึ่งลงที่ขอบปากจักรวาลด้านใต้ องค์หนึ่งลงที่ขอบปากจักรวาลด้านตะวันตก องค์หนึ่งลงที่ขอบปากจักรวาลด้านเหนือ พรหมที่ลงที่ขอบปากจักรวาลด้านตะวันออก ก็เข้ากสิณเขียว พลางปล่อยรัศมีสีเขียวให้เทวดาในหมื่นจักรวาลรู้ว่าตนมา พรหมที่ลงที่ขอบปากจักรวาลด้านใต้ก็เข้ากสิณสีเหลือง ปล่อยรัศมีสีเหลืองทองเรืองรองอาบทั่วบริเวณ เหมือนกำลังห่มผ้าเหลืองทอง ประกาศให้เทวดาในหมื่นจักรวาลรับรู้ พรหมที่ลงทางขอบปากจักรวาลด้านตะวันตก เข้ากสิณสีแดง เปล่งรัศมีสีแดงเหมือนห่มผ้าขนสัตว์ชั้นดีสีแดง พรหมที่ลงทางขอบปากจักรวาลด้านเหนือ เข้ากสิณขาวเปล่งรัศมีสีขาวสว่างไสว เหมือนนุ่งผ้าดอกมะลิ ประกาศให้เทวดาในหมื่นจักรวาลได้รับรู้
 
     การมาของท้าวมหาพรหมทั้งสี่นี้ ไม่ได้มาเปล่า ยังได้พากันแต่งคาถาตั้งแต่ยังอยู่ในพรหมโลก และต่างกล่าวถ้อยคำสรรเสริญพระศาสดาและหมู่สงฆ์ โดย พรหมองค์หนึ่ง ได้กล่าวขึ้นก่อนว่า
 
     “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประเสริฐที่สุดในโลก การประชุมใหญ่ได้มีในป่าใหญ่ หมู่เทพต่างมาประชุมกันแล้ว ข้าพระองค์ทั้งหลายก็มาแล้วสู่ที่ประชุมแห่งนี้ เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า และหมู่สงฆ์ ผู้ซึ่งไม่มีใครจะเอาชนะได้เลย”
 
     พรหมองค์ที่สอง ก็กล่าวขึ้นบ้างว่า “เหล่าพระขีณาสพในที่ประชุมนี้ เป็นผู้มั่นคงได้ทำจิตของตนให้ตรงแล้ว เป็นบัณฑิต ย่อมรักษาอินทรีย์ทั้งหลาย เหมือนสารถีจับเชือกให้เป็นไปตามที่ต้องการ”
 
     พรหมองค์ที่สาม ได้กล่าวว่า “หมู่สงฆ์ทั้งหมด ล้วนเป็นผู้ตัดกิเลสดุจถอนลิ่มสลักได้แล้ว ถอนกิเลสดุจเสาเขื่อนได้แล้ว เป็นผู้ไร้ตัณหา หมดจด ไม่มีมลทินเที่ยวไป ท่านเป็นบรรพชิตหนุ่มผู้ประเสริฐ มีธรรมจักษุที่ฝึกฝนดีแล้ว”
 
     จากนั้น พรหมองค์สุดท้าย กล่าวสรรเสริญพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า “ชนทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ได้ถึงพระพุทธเจ้าว่าเป็นสรณะ ชนเหล่านั้นจักไม่ไปสู่อบาย   ครั้นละร่างของกายมนุษย์ไปแล้ว จักทำให้ทวยเทพบริบูรณ์”
 
     พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับคำชื่นชมของท้าวมหาพรหมชั้นสุทธาวาสนั้นแล้ว ได้ตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หมู่เทวดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุ มาประชุมกัน เพื่อชื่นชมตถาคต และหมู่สงฆ์ ในอดีตกาลก็เคยมีเหล่าเทวาที่มาประชุมกัน เพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าในอดีตมากเท่ากับเข้าเฝ้าเราในวันนี้ และในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า จะมีหมู่เทวดาที่มาประชุมกัน เพื่อเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าในอนาคต มีจำนวนมากเท่ากับของเราในวันนี้เหมือนกัน”
 
     เราจะเห็นว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเราทั้งหลาย ไม่เพียงแต่เป็นที่พึ่งของมนุษย์เท่านั้น แม้แต่พวกเทวา มหาพรหม ก็ยังปรารถนาที่จะเข้าไปนั่งใกล้พระพุทธองค์เพื่อฟังธรรม การประชุมครั้งนั้น เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหล่าเทวดาและมหาพรหม ยังมีเรื่องราวในตอนต่อไปอีก แต่ตอนนี้ให้ทุกท่านนั่งธรรมะกันให้ดี ให้ใจหยุดนิ่งเข้าถึงธรรมกายกันทุกๆ คน

พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. มหาสมัยสูตร เล่ม ๑๔ หน้า ๗๓
   


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
มหาสมัยสูตรครั้งที่ 2 (ตอนรายนามเหล่าเทวา)มหาสมัยสูตรครั้งที่ 2 (ตอนรายนามเหล่าเทวา)

มหาสมัยสูตรครั้งที่ 3 (ตอนภพมารสะดุ้ง)มหาสมัยสูตรครั้งที่ 3 (ตอนภพมารสะดุ้ง)

มหาสมัยสูตรครั้งที่ 4 (ตอนพระพุทธเนรมิต)มหาสมัยสูตรครั้งที่ 4 (ตอนพระพุทธเนรมิต)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน