ยิ่งสูงส่งยิ่งอ่อนน้อม


[ 28 มิ.ย. 2554 ] - [ 18273 ] LINE it!

 
 
ยิ่งสูงส่ง ยิ่งอ่อนน้อม 
 
 
ความอ่อนน้อมถ่อมตน
 
ความอ่อนน้อมถ่อมตน
 
 
        บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม  จะมีคุณธรรมอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน  นั่นก็คือ...  “ความอ่อนน้อมถ่อมตน”  ถ้าคุณธรรมข้อนี้แล้ว  แม้จะได้รับยศตำแหน่งสูงส่งมากเพียงใดก็จะอยู่ได้ไม่นาน  ในทางตรงกันข้ามหากมีความอ่อนน้อมถ่อมตน  ทำตนเหมือนภาชนะเปล่าที่พร้อมจะรองรับความดีอื่นๆ  แม้จะมีคุณธรรมเป็นเลิศอยู่แล้วก็พร้อมจะรองรับความรู้จากผู้อื่นตลอดเวลา  เหมือนมหาสมุทรที่สามารถรองรับน้ำจากแม่น้ำทุกสาย  ถ้าทำได้อย่างนี้ย่อมเป็นทางมาแห่งความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จในชีวิต
 

เหมือนมหาสมุทรที่สามารถรองรับน้ำจากแม่น้ำทุกสาย

เหมือนมหาสมุทรที่สามารถรองรับน้ำจากแม่น้ำทุกสาย 
 
 
ดังเรื่องราวของ  พระสารีบุตรเถระ  อัครสาวกเบื้องขวา  มีใจความโดยสรุปดังนี้...

          พระสารีบุตรเถระผู้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา  เป็นพระธรรมเสนาบดี  สนองงานพระผู้มีพระภาคเจ้า  เป็นผู้บริหารหมู่สงฆ์และเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกล  แม้ท่านจะมีตำแหน่งสูงส่งถึงเพียงนั้น  ท่านก็ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือตัว  มีความเสมอต้นเสมอปลาย  ให้ความเป็นกันเองกับภิกษุสามเณรทุกรูป  ทำให้ท่านเป็นที่เคารพรักของภิกษุสงฆ์  อีกทั้งญาติโยมก็เลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก

          ครั้งหนึ่งท่านถูกพระภิกษุรูปหนึ่งใส่ความว่า  “ท่านเป็นถึงอัครสาวก  แต่แกล้งมาเดินกระทบตน”  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระสารีบุตรในที่ประชุมสงฆ์ว่า  “เป็นอย่างนั้นจริงหรือ?”

          พระสารีบุตรกราบทูลว่า  “ข้าพระพุทธเจ้ามีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ  คอยระมัดระวังตน  ประคองสติอันเป็นไปในกาย  เสมือนบุรุษประคองถาดซึ่งบรรจุน้ำมันอยู่เต็มเปี่ยมและมีคนเงื้อดาบอยู่เบื้องหล้ง  พร้อมขู่ว่า  “ถ้าน้ำมันหกจะประหารเสีย”  ข้าพระองค์ประพฤติตน  เสมือนผ้าเก่าสำหรับเช็ดเท้า  เสมือนโคที่มีเขาขาด  เสมือนเด็กจัณฑาลที่พลัดหลงถิ่นย่อมไม่มีอำนาจที่จะแกล้วกล้าอาจหาญประการใด”

           เมื่อพระสารีบุตร  กล่าวเช่นนั้นในท่ามกลางสงฆ์แผ่นดินที่แม้ไม่มีจิตยังเกิดอาการหวั่นไหว  เป็นการอนุโมทนาในคุณธรรมอันสูงส่งของท่าน

          ภิกษุรูปนั้น  เมื่อได้ฟังก็เกิดอาการเร่าร้อนในสรีระเหมือนมีไฟมาเผาไหม้ตัว  อดรนทนอยู่ไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาขอขมาพระสารีบุตรและยอมรับสภาพต่อหน้าหมู่สงฆ์ว่า  ได้กล่าวตู่ใส่ความพระสารีบุตร
 
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระสารีบุตรในที่ประชุมสงฆ์
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสถามพระสารีบุตรในที่ประชุมสงฆ์
 
 
          พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสสรรเสริญว่า  “สารีบุตรมีจิตมั่นคงดั่งขุนเขา  หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน   เป็นผู้ไม่แสดงอาการยินดียินร้าย  เป็นผู้คงที่และมีวัตรดี  เป็นผู้มีใจสะอาดเหมือนน้ำที่ไม่มีฝุ่นหรือโคลนตม  สังสารวัฎย่อมไม่มีแก่พระสารีบุตร”  จากนั้นพระพุทธองค์ทรงรับสั่งให้พระสารีบุตรอดโทษแก่ภิกษุผู้กล่าวหาตู่  มิเช่นนั้นแล้ว  ศรีษะของภิกษุรูปนั้นจะแตกเป็น ๗ เสี่ยง

          พระสารีบุตรยอมอดโทษให้ทุกอย่าง  เพราะท่านไม่เคยมีความคิดประทุษร้ายใคร  อีกทั้งมีความอ่อนน้อมถ่อมตน  และยังได้ปวารณาตัวอีกว่า  “หากตัวท่านเองได้ประพฤติผิดพลาดล่วงเกิน  ทั้งที่มีเจตนา  หรือไม่มีเจตนาก็ดี  ขอให้เพื่อนสหธรรมิกได้โปรดให้อภัยงดโทษนั้นด้วย”
 
 
 
สามารถปล่อยทุกอย่าง  วางทุกสิ่ง  แล้วดิ่งเข้าสู่ธรรมะภายในโดยง่ายโดยเร็วพลัน
 
สามารถปล่อยทุกอย่าง  วางทุกสิ่ง  แล้วดิ่งเข้าสู่ธรรมะภายในโดยง่ายโดยเร็วพลัน
 
 
          จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า  ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้น  จะต้องใหญ่ด้วยคุณธรรมภายในเป็นพื้นฐาน  ยิ่งสูงส่งยิ่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตน  จึงจะเป็นที่ยอมรับนับถือจากทุกคนอย่างจริงใจ  นอกจากนี้ความอ่อนน้อมถ่อมตนจะทำให้ทิฏฐิมานะภายในลดลง  เมื่อถึงคราวปฎิบัติธรรมจะสามารถปล่อยทุกอย่าง  วางทุกสิ่ง  แล้วดิ่งเข้าสู่ธรรมะภายในโดยง่ายโดยเร็วพลัน
 
 
 
 
แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า  169 - 171
 
 
/>


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
กล้าสู้อุปสรรคกล้าสู้อุปสรรค

แหล่งกำเนิดกำลังใจแหล่งกำเนิดกำลังใจ

ผู้ชนะที่แท้จริงผู้ชนะที่แท้จริง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก