ศีลคืออะไร รักษาแล้วดีอย่างไร ไม่ต้องปฏิบัติมงคล ๓๘ ได้หรือไม่


[ 29 ส.ค. 2554 ] - [ 18290 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา
 
 
โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 
 

คำถาม:  หนูเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นค่ะ เห็นคุณยายท่านรักษาศีล ๕ บ้าง บางวันก็ศีล ๘ ขอเรียนถามหลวงพ่อว่า ศีลคืออะไรคะรักษาแล้วดีอย่างไร?

 
ศีลคืออะไรคะรักษาแล้วดีอย่างไร
ศีลคืออะไรคะรักษาแล้วดีอย่างไร
 
ตอบ:  คนรักษาศีลก็คือคนที่มีความตั้งใจที่จะควบคุมกาย ควบคุมวาจาไม่ให้ทำความเดือดร้อนให้กับทั้งตนเองและผู้อื่น ศีลแปลว่า ปกติเพราะฉะนั้นศีลคือเจตนาที่จะควบคุมตัวเองให้เป็นมนุษย์ปกติ ไม่ให้ไปทำความเดือดร้อน ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ดังนั้นในชีวิตประจำวันของพวกเราจึงควรรักษาศีล ๕ กันให้ได้เป็นอย่างน้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ก็ตามหรือเด็กก็ดี เมื่อควรตั้งใจรักษาศีลจึงควรรู้ว่าศีลนั้นมีอะไรบ้าง
 
            ศีล ๕ หรือข้อปฏิบัติสำหรับควบคุมรักษากาย วาจา ของเรา ซึ่งเป็นผู้ครองเรือนเป็นชาวบ้านให้เป็นปกติ ทั้ง ๕ อย่างนั้นมีตั้งแต่
 
            ข้อที่ ๑ ไม่ฆ่าสัตว์
            ข้อที่ ๒ ไม่ลักทรัพย์
            ข้อที่ ๓ ไม่ประพฤติผิดในเชิงชู้สาวกับบุตรภรรยาผู้อื่น คือไม่เจ้าชู้
            ข้อที่ ๔ ไม่พูดเท็จ รวมถึงไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดส่อเสียด
            ข้อที่ ๕ ไม่ดื่มสุรายาเมา รวมทั้งสิ่งเสพติดให้โทษทั้งหลาย
 
            เพราะฉะนั้นจากจุดนี้เอง เราอาจพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า ศีลคือเครื่องวัดความเป็นมนุษย์ของเรา หรือศีลคือเครื่องรักษาความเป็นปกติของตัวเราก็ได้
 
            คราวนี้ประเด็นต่อมาที่ถามว่า รักษาศีลดีอย่างไร ตอบว่าดีหลายอย่าง
 
            ประการที่ ๑ การรักษาศีลจะทำให้เราได้รับ ความสุขทั้งปัจจุบันชาติและชาติหน้า ในปัจจุบันชาติก็คือ เราจะไม่มีเรื่องมาทำให้เดือดร้อนกายและใจ ไม่ติดคุกติดตะราง มีแต่จะเจริญก้าวหน้า แม้จะละจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม ก็เป็นอันหวังได้ว่าจะไม่ไปอบายภูมิอย่างแน่นอน
 
            ประการที่ ๒ รักษาศีลและจะทำให้ทรัพย์สมบัติเกิดง่ายอย่างน้อยที่สุดตั้งแต่หลวงพ่อจำความได้มาจนกระทั่งบัดนี้ เวลามีประกาศของทางราชการว่าจะรับใครเข้าทำงาน เห็นแต่ประกาศบอกว่าต้องการคนที่มีศีลธรรมเท่านั้นนะ ไม่เห็นมีครั้งใดเลยที่จะประกาศบอกว่า ผู้ที่จะมาสมัครทำงานนี้ต้องฆ่าเก่ง ต้องลักทรัพย์เก่ง ต้องเจ้าชู้เก่งอะไรทำนองนี้ ไม่เคยได้ยินเลย เพราะฉะนั้นถ้าใครรักษาศีลได้ดีละก็ หางานทำไม่ยาก และจะทำให้สมบัติเกิดง่าย
 
รักษาศีลแล้วทำให้ทรัพย์สมบัติเกิดง่าย
รักษาศีลแล้วทำให้ทรัพย์สมบัติเกิดง่าย
 
            นอกจากสมบัติจะเกิดง่ายแล้ว สมบัติที่เกิดขึ้นเรายังใช้ได้เต็มอิ่มอีกด้วย ใช้สมบัติได้เต็มอิ่มเป็นอย่างไรหรือ ?
 
            ขอให้ดูตรงนี้ ของที่เราขโมยของผู้อื่นมา ไปโกงเขามา หรือไปคอรัปชั่นเอามา มันแปลก คือมันเหมือนผีสิง ยกตัวอย่าง เช่น นาฬิกาหรือแหวนที่เราไปขโมยเขามา อย่าว่าแต่จะหยิบมาใช้เลย แค่เดินผ่านเท่า นั้นแหละ มันเหมือนกับผีมาร้องบอกทีเดียว ว่า “ดูนี่ของนี้ขโมยเขามา”
 
            พอจะหยิบเอาไปใช้มันก็พูดได้อีกว่า “แน่ใจหรือว่าเจ้าของเขาจะไม่เห็น” เรานึกตอบว่า “ไม่เห็น” มันก็ค้านอีก “แล้วถ้าเห็นล่ะ” เห็นแล้วเขามาทวงจะว่าอย่างไร นี่ของที่ไปโกงไปขโมยเขามา มันเหมือนมีผีสิง เหมือนมีคนสาบแช่งอยู่ในตัว
 
            เพราะฉะนั้นของที่ได้มาด้วยความไม่ชอบธรรม จึงใช้ไม่อิ่มโกงมาเป็นร้อยล้าน ถามว่ารวยไหม ? รวย แต่ว่าใช้เต็มอิ่มไหม? ไม่เต็มอิ่ม ใช้ทีไรมันก็ขัดกับมโนธรรมทุกทีไป
 
            เพราะฉะนั้นถึงจะโกงมาได้จนร่ำรวย ก็ไม่คุ้มเลย เพราะว่าของพวกนั้นใช้ไม่เต็มอิ่ม ไม่เหมือนทรัพย์บริสุทธิ์ๆ ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเอง ซึ่งแม้จะน้อยแต่ก็ใช้เต็มอิ่มจริง ๆ เลย
 
            ประการที่ ๓ ทางพระเราใช้คำว่า “ศีลทำให้ไปพระนิพพานได้” พวกเราที่เป็นชาวบ้านรักษาศีล ๕ ถ้าบอกว่าศีล ๕ นำให้ไปพระนิพพานได้ บางทีพวกเราจะตรองตามไม่ทัน เอาง่าย ๆ อย่างนี้ก็แล้วกัน นิพพานแปลว่า “สงบเย็น” นี่อยู่ในขั้นต้นนะ
 
ศีลทำให้ไปพระนิพพานได้
ศีลทำให้ไปพระนิพพานได้
 
            ถ้าขั้นสูงหมายถึง “สงัดจากกิเลส คือนิพพาน” สำหรับชาวบ้านบอกแค่ขั้นต้นก็แล้วกัน คือใครสามารถรักษาศีลได้ จะทั้งสงบทั้งเย็นทีเดียว เมื่อความสงบความเย็นใจเกิดมากขึ้น ๆ อีกไม่นานใจจะหายขุ่น หายขุ่นก็คือใส ใจจะใส พอใสมากเข้า ๆ ใจก็สว่างโพลงขึ้นมา ถ้ารักษาศีลได้มั่นคงดีขึ้นจริง ๆ ขนาดเอาชีวิตเป็นเดิมพันได้ละก็ ใจเราจะใสสว่างมาก สว่างยิ่งกว่าดวงตะวันยามเที่ยงเสียอีก ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะหลับตาลืมตา ก็มองทะลุปรุโปร่งไปหมด เห็นทั้งสวรรค์ทั้งนิพพานทีเดียว เพราะฉะนั้นท่านจึงบอกว่ารักษาศีลแล้วไปนิพพานได้
 

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ ถ้าเรารักษาศีล ๕ ดีแล้ว เราไม่ต้องปฏิบัติมงคล ๓๘ เลยได้ไหมค่ะ ?

ตอบ:  การรักษาศีลเป็นเพียงการทำความดีเบื้องต้น ถ้าจะอุปมาการรักษาศีลกับทางการทหารก็บอกว่า คนที่รักษาศีล ๕ นั้น อุปมาเหมือนทหารที่สวมเสื้อเกราะเตรียมจะออกรบ แต่ว่ายังไม่ได้รบ หรือถ้าเข้าไปอยู่ในสนามรบแล้ว ก็เหมือนทหารสวมเกราะรักษาค่ายไว้ ไม่ให้ถูกข้าศึกโจมตี ยังไม่ได้รุกฝ่ายตรงข้ามเลย ฉันใดก็ฉันนั้น มงคลชีวิตซึ่งมี ๓๘ ข้อ ตั้งแต่
 
            มงคลที่ ๑ ไม่คบคนพาล ถ้าไม่ระวังไปคบคนพาลเข้า เดี๋ยวเชื้อพาลเชื้อเลว ๆ จะติดตัวเราเหมือนโรคระบาด โรคติดต่อ
 
            มงคลที่ ๒ คบแต่คนดี ก็เพื่อจะได้มีโอกาสรับการถ่ายทอดคุณธรรมความดีของเขามาสู่ตัวเรา
 
            มงคลที่ ๓ ยกย่องบูชาคนดี คือเอาคนดีเป็นแบบอย่าง เป็นเป้าหมายที่เราจะไปให้ถึง แล้วเราก็พยายามฝึกฝนตัวเราให้เป็นคนดีตามอย่างเขา
 
มงคลชีวิต ๓๘ ประการ
มงคลชีวิต ๓๘ ประการ
 
            ตั้งแต่มงคลที่ ๑ ไล่ไปเรื่อยจนถึงมงคลที่ ๓๘ สิ่งเหล่านี้เมื่อปฏิบัติแล้วก็เป็นมงคลสำหรับชีวิตมนุษย์ นอกเหนือจากการรักษาศีล ๕ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติสำหรับรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้เท่านั้น
 
            เพราะฉะนั้นการรักษาศีล ๕  จึงยังไม่เพียงพอ อุปมาเหมือนทหารใส่เกราะป้องกันภัย แต่ยังไม่ได้ออกรบกับกิเลสแม้แต่นิดเดียว


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ชาวต่างชาติอยากจะให้ญาติมิตรได้เข้าใจถึงเรื่องทานบารมี ควรจะทำอย่างไร - หลวงพ่อตอบปัญหาชาวต่างชาติอยากจะให้ญาติมิตรได้เข้าใจถึงเรื่องทานบารมี ควรจะทำอย่างไร - หลวงพ่อตอบปัญหา

พระสงฆ์ที่ท่านเดินบิณฑบาตเจ้าค่ะ ท่านจะสามารถสวมรองเท้าได้ หรือไม่เจ้าคะ เพราะว่าในสภาพปัจจุบันนี้พื้นที่บางแห่งไม่เหมาะสมที่จะเดินเท้าเปล่าเจ้า ค่ะ -  หลวงพ่อตอบปัญหาพระสงฆ์ที่ท่านเดินบิณฑบาตเจ้าค่ะ ท่านจะสามารถสวมรองเท้าได้ หรือไม่เจ้าคะ เพราะว่าในสภาพปัจจุบันนี้พื้นที่บางแห่งไม่เหมาะสมที่จะเดินเท้าเปล่าเจ้า ค่ะ - หลวงพ่อตอบปัญหา

ทำไมคนไทยเมืองพุทธถึงกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจน้อยกว่าประเทศทางตะวันตก - หลวงพ่อตอบปัญหาทำไมคนไทยเมืองพุทธถึงกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจน้อยกว่าประเทศทางตะวันตก - หลวงพ่อตอบปัญหา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา