การดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคมหรือการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ไม่น่าที่จะผิดศีลข้อ ๕ ใช่หรือไม่-หลวงพ่อตอบปัญหา


[ 24 ส.ค. 2553 ] - [ 18298 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา

โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียง จาก รายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 
 
 
 
คำถาม : กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ อยากเรียนถามว่าบางคนคิดว่าการดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคมนิดๆ หน่อยๆ หรือการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ไม่ได้ดื่มจนมึนเมา ก็ไม่น่าที่จะผิดศีลข้อ ๕ ใช่หรือไม่เจ้าคะ
 
คำตอบ : การดื่มเหล้า ดื่มไวน์ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม บาปทั้งนั้น มันเสียหายกับตัวเองทั้งนั้น โบราณท่านเคยเตือนเอาไว้ ไฟแม้เล็กน้อย แค่ก้นบุหรี่ก้นเดียวก็เผาเมืองได้ ยาพิษแม้เล็กน้อยอาจตายได้ อุจจาระไม่ว่าน้อยใหญ่เหม็นทั้งนั้นเหล้าก็เหมือนกัน ไม่ว่ามากหรือน้อย มันได้เพาะเชื้อวิบัติเข้าไปไว้ในตัว เหมือนอย่างกับเชื้อโรค ไม่ว่ามาก ไม่ว่าน้อย มันก็พร้อมจะบ่อนทำลายสุขภาพ พร้อมที่จะทำลายชีวิตเรา ถ้ากำลังมันยังหย่อนอยู่ ก็กลายเป็นเพาะเชื้อร้ายเอาไว้ในตัวถ้าเป็นยาพิษ จะมากจะน้อยเพาะเอาไว้ ฝังเอาไว้ในตัวเราเตรียมที่จะขยายพิษกันต่อไปในภายภาคหน้า
 
 
            ฉะนั้นอย่าไปดูถูกมัน เหล้าไวน์แม้ดื่มเพียงเล็กน้อย เชื้อวิบัติก็เข้าไปในตัวแล้ว มันวิบัติอย่างไร มาดูกันในเรื่องของความสมบูรณ์แห่งความเป็นคนน่ะ มันอยู่ตรงไหน มันอยู่ตรง ๒ เหตุใหญ่ ๆ
 
            เหตุที่ ๑. คือ ความมีสติ อะไรก็ตาม ตัดรอนสติเราแม้แต่นิดเดียวใช้ไม่ได้ เพราะความสมบูรณ์แห่งความเป็นคน อยู่ที่สติ คือความรู้ตัวของเรา ความระลึกได้ อยู่ตรงนี้ ขนาดไม่ได้กินเหล้าหรือไวน์ โอกาสที่เราจะเผลอตัวยังมี แล้วทำอะไรผิดพลาดก็มี ถ้าไปเติมเหล้า เติมไวน์จะมากหรือน้อย ก็บ่อนทำลายสติลงไป ตามส่วนที่เรากินนั่นแหละ เพราะฉะนั้นกำลังหาวิบัติเข้าตัว นี่เป็นประการที่ ๑.
 
            ประการที่ ๒. ความสมบูรณ์ ความดีของมนุษย์ อยู่ที่การรู้จักวินิจฉัย หรือว่าเจาะลึกลงไปว่า สิ่งนั้นสิ่งนี้ มันผิดมันถูก ดีชั่วอย่างไรยิ่งถ้าสามารถวินิจฉัยลึกลงไปถึงว่า แม้ในโทษในของที่เล็กน้อย แต่ก็สามารถมองมันไปได้ลึก นี่มันเป็นโทษจริงๆ นะ แล้วก็หยุดมันได้
 
 
            อย่างนี้คือคุณค่าของคน นี่คือความสมบูรณ์ของคน อยู่ที่สติในการควบคุม อยู่ที่วินิจฉัยหรือปัญญาในการเจาะลึก เข้าไปดูในเรื่องต่างๆ ได้ ใครมีสติและมีปัญญาอย่างนี้ ก็คือคนที่สมบูรณ์ แล้วก็พร้อมที่จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้าการดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคม คุณต้องรู้ว่ายิ่งเข้าสังคมมาก เท่าไหร่ สิ่งที่ต้องระวังมาก ก็คืออย่าให้ขาดสติ อยู่คนเดียวท่านบอกให้ระวังความคิด อยู่กับมิตรให้ระวังวาจา ก้าวเข้าสู่สังคมยิ่งต้องระวังวาจามากเลย คำพูดที่ผิดพลาดแม้นิดเดียว อาจนำภัยมาให้ไม่เฉพาะตัว อาจนำมาให้กับทั้งครอบครัว บางทีทั้งบริษัท บางทีอาจทั้งประเทศชาติบ้านเมืองก็ได้
 
            เพราะฉะนั้นการดื่มเหล้าเวลาเข้าสังคมแม้เล็กน้อย ถือว่าประมาทแล้ว เมื่อทำไปจนกระทั่งเคยชิน วันหนึ่งเกิดไปกระทบเรื่องอะไรเข้า สติแตกเลยดื่มหนักกว่าที่เคยดื่ม แล้วก็พลาดพลั้งทำอะไรที่ไม่ดีไม่ควรได้โดยง่ายเพราะฉะนั้นเชื้อวิบัติแม้เล็กน้อย อย่าให้เข้ามาในใจหรือกายของเราได้ เหล้าที่คิดว่าจะเป็นตัวเชื่อมสัมพันธไมตรีในสังคม มองให้ดีว่ามันวิบัติอย่างนี้ แล้วก็กำหนดสติให้ดี อย่าใจอ่อนยอมให้ใครเขาชวนให้ดื่มได้ กำหนดสติ แล้วก็วินิจฉัยให้ดีอย่างนี้แล้วจะรอดตัว
 
 
            ส่วนในกรณีดื่มไวน์ ได้ยินมาเยอะแล้ว ดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ มันอาจจะมีส่วนบ้าง หลวงพ่อก็ไม่รู้หรอก หลวงพ่อไม่ใช่แพทย์ มันอาจจะมีส่วนดีอะไรบ้างในเชิงการแพทย์ แต่ว่าดีในเชิงการแพทย์ก็ดี แต่ให้มาเทียบกับเสียทางด้านจิตใจ ถ้ามันมีส่วนเสีย ก็อย่างที่เล่ามา อยู่ในเรื่องเหล้าทำนองเดียวกัน วันนี้จิบไวน์นิดหน่อย เลือดลมมันดีแต่ว่าไม่รู้หรอกว่าเพาะนิสัยแล้ว เพาะนิสัยประมาท ขาดการวินิจฉัย ว่า สิ่งที่เรากำลังทำนี้ มีทั้งได้มีทั้งเสียตีคู่กันเข้ามาแล้ว ทีแรกอาจจะเสียแต่คุ้มได้ แต่พอคุ้มไปเรื่อยๆ มันจะได้ไม่คุ้มเสียแล้ว และอันตรายมันจะมา ถ้ามองกันลึกๆ ทั้งเหล้าทั้งไวน์นั้น มันเป็นของที่โบราณท่านใช้ว่ามันเป็นเหยื่อของพญามาร ทำให้คนที่เสพเข้าไป ติดรส เมื่อติดรสแล้ว มันติดทีละน้อยในที่สุดก็ติดมาก
 
 
            เพราะฉะนั้นหยุดซะ ใครที่ดื่มไวน์คิดว่าเพื่อสุขภาพ ในที่สุดสุขภาพกาย สุขภาพจิตจะวายวอดตามไวน์ที่กิน มีโทษภัยแอบอยู่ข้างหลังมาก บางคนมีไวน์ขวดเป็นหมื่นเป็นแสน อย่างนั้นตัววายวอดเลย จริงอยู่แม้ตัวเองจะมีฐานะดีเป็นมหาเศรษฐีก็ตาม สามารถที่จะกินเจ้าวายวอดนี้ได้ วันละเป็นหมื่นเป็นแสนอย่างไรก็ตามแม้เศรษฐกิจก็ไม่ได้กระทบอะไร แต่ว่ามันเพาะความประมาทไว้แล้ว ยังไม่พอยังเป็นตัวอย่างไม่ดีให้เด็กหรือคนรุ่นหลังดู แล้วก็จะมีคนทำตาม ถึงตอนนั้นจะแก้ไขอะไรไม่ได้ ความชั่วใดๆ แม้เล็กน้อยอย่าไปทำเลย เพราะมันจะกัดกร่อนความดีของเราไปทีละน้อย เหมือนสนิมที่กัดกินเหล็กทีละน้อย วันหนึ่งสนิมเหล็กนั่นก็กินจนกระทั่งเหล็กขาดได้ เหล็กท่อนโตๆ ถูกสนิมกัดกินจนกระทั่งขาดได้ฉันใด เหล้าไวน์ทีละน้อยนั้น ในที่สุดมันจะกัดกร่อนเอาสติปัญญาของเราไปด้วย แล้วความชั่วอีกหลายอย่างจะตามมา
 
 
            พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนเอาไว้ เตือนกลาง ๆ กับคนที่จะรวยหรือไม่ หรือจนหรือไม่อย่างไรก็ตาม ว่า โทษของการดื่มสุรา มีอยู่ ๕ ประการด้วยกัน
 
            ๑. เสียทรัพย์
            ๒.อาจมีผลทำให้ก่อการทะเลาะวิวาทได้ ถ้าวันใดวันหนึ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดี หรือไปกระทบเรื่องอะไรเข้า ก็เลยกลายเป็นเหตุแห่งการทะเลาะวิวาทได้
            ๓. เกิดโรคได้
            ๔. แน่นอน อาจถูกติเตียนได้จากผู้รู้
            ๕. ถ้าประมาทพลาดพลั้งไป มันจะหมดอายเอาง่าย ๆ 
 
             วินิจฉัยแล้ว ของไม่ดีของมีพิษ กลับมองว่าเป็นยา กลับมองว่าเป็นสิ่งเชื่อมสัมพันธไมตรีในสังคม ถ้าวินิจฉัยตรงนี้พลาดไปแล้ว อย่างอื่นมันจะพลาดตามไปหมด อย่าดื่มกันเลย
 
 
 
คำถาม : กราบเรียนถามหลวงพ่อเจ้าค่ะ ปัจจุบันนี้ผู้ชายโสดส่วนมากมีความเข้าใจว่าการเที่ยวผู้หญิงที่ขายบริการ ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ เพราะพวกเขาไม่ได้นอกใจใคร แล้วหญิงเหล่านั้นก็สมัครใจด้วย ความเชื่อนี้จะถูกหรือผิดอย่างไรบ้างเจ้าคะ
 
คำตอบ : ต้องมองว่ามันมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของการผิดศีล อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของเปิดทางนรก หรือเปิดทางพินาศให้กับตัวเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกสิ่งนี้ว่าอบายมุข คือปากทางแห่งความเสื่อม การที่ชายโสดชอบไปเที่ยวกลางคืน เที่ยวกับผู้หญิงขายบริการ มองให้ชัดๆว่าคนที่ไปเที่ยวอย่างนี้เป็นคนเช่นไร ?
 
 
            ก็คือเป็นคนที่หักห้ามใจไม่เป็น สัตว์เดรัจฉานต่างกับคนตรงนี้แหละ อาศัยอยู่ในโลกเดียวกัน มีชีวิตด้วยกัน มีสิ่งบีบคั้นใจเหมือนกันคือ ความรู้สึกหรือความต้องการทางเพศ มนุษย์ก็มีความต้องการทางเพศ สัตว์เดรัจฉานก็มีความต้องการทางเพศ เมื่อความต้องการทางเพศมันเกิดขึ้น สัตว์เดรัจฉานมันไม่คิดมากหรอก มันคิดไม่เป็น มันก็สนองความต้องการของมันกับใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ นั่นคือ สัตว์เดรัจฉาน แต่ว่ามนุษย์มีสติปัญญามากกว่านั้น รู้จักหักห้ามใจ ใครไม่เหมาะไม่ควรกับเรา เราเป็นคนโสด แล้วเขาก็ยินดีขายบริการ แต่ว่าสิ่งที่ตามมามันยิ่งกว่านั้น
 
            มันอยู่ที่เราเริ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตัวเข้าไปแล้ว พอความรู้สึกทางเพศเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฉันจะใช้บริการเมื่อนั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ นิสัยเอาแต่ใจอย่างนี้ ไม่รู้จักข่มเอาไว้ วันหลังมันกำเริบมากเข้า อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละวันนั้น ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในวงการ เป็นที่รู้จักมีหน้ามีตากันในสังคมไทย อายุก็ ๖๐ แล้ว ไปเที่ยวโสเภณีเด็ก เด็กเล็กๆ อายุรุ่นลูกรุ่นหลานขายบริการ ก็เลยไปเที่ยว เรื่องแดงขึ้นมา กลายเป็นว่าศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้ว ๑๖ ปี จำคุก ศาลอุทธรณ์ตัดสินซ้ำเข้าไปอีก ๓๖ ปี ยังไม่รู้ว่าศาลฎีกาจะว่าอย่างไร นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ ในปัจจุบันนี้
 
 
            การเอาแต่ใจตัว บอกว่าไม่ผิดศีล แต่ว่ามันไม่ได้แค่ผิดศีลเท่านั้น มันฟ้องถึงไม่มีธรรมะประจำใจ คือไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะหักห้ามใจว่า ตัวเองก็แก่แล้ว ไปยุ่งอะไรกับเด็กรุ่นหลานรุ่นเหลน อายุมากแล้วควรจะได้เตรียมตัวตายมากกว่า คนเราตายแล้วไม่สูญ ชีวิตหลังความตายยังมี ในชีวิตหลังความตายนั้น ทำมาหากินไม่ได้ แต่อยู่ได้ด้วยบุญที่เคยทำไว้ขณะมีชีวิต ถ้าขณะมีชีวิตเอาแต่มั่วกามอยู่อย่างนี้ ก็เลยไม่ต้องคิดทำบุญกัน ตายไปแล้วไม่มีบุญสำหรับหล่อเลี้ยงใจ จะเดือดร้อนหลังตาย นั่นก็อย่างหนึ่ง แต่นี่ยังไม่ทันตายเลย มาโดนกฎหมายเล่นงาน หนักเข้าไปอีก เสียหน้า เสียชื่อ เสียทรัพย์สินเงินทอง ลูกหลานตัวเองมองหน้าใครไม่ได้เลย ที่มีพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดเป็นอย่างนี้
 
            เราเคยได้ยินว่า ผู้ใหญ่ไปข่มขืนเด็กเล็กก็มี บางทีก็ไปข่มขืนลูกสาวตัวเองก็มี บางทีตาข่มขืนหลาน ครูข่มขืนเด็กนักเรียน สิ่งเหล่านี้มันถูกเพาะมาจากอะไร? มันก็ถูกเพาะมาจากการไม่รู้จักหักห้ามใจอย่างที่ว่า ทีแรกเที่ยวหญิงบริการ หนักเข้า ความรู้สึกประเภทนี้ถ้าปล่อยตามใจแล้วมันก็กำเริบถี่ขึ้น มันจึงได้ก่อเรื่องอย่างที่ว่ามานี่
 
 
            เพราะฉะนั้น อยากจะเตือนเอาไว้ นักเที่ยวหญิงบริการทั้งหลาย โอกาสจะติดโรค โดยเฉพาะโรคเอดส์รักษาไม่หายนะ ยังไม่พอ ถ้าไปมีเรื่องในสถานที่บริการพวกนั้น เสียชื่อเสียงกันไม่รู้เท่าไหร่ ติดคุกติดตารางอย่างที่ว่ามาก็มี แต่ที่ต้องระวังให้หนักก็คือติดนิสัย จะติดนิสัยดูถูกคน ดูถูกเพศแม่ แล้วผู้หญิงบริการเหล่านั้น เขาก็เคยชินกับนิสัยหยาบคายเหล่านี้ เราก็จะไปติดนิสัยเขามา ถึงเวลาตัวเองไปมีภรรยา ก็จะเอานิสัยเลวๆ นี้ไปใช้กับภรรยาตัวเอง คุณเอานิสัยเลวๆ ไปเพาะให้กับภรรยาคุณซึ่งเป็นคนดี แสดงว่าคุณนี่เลวมากๆ เลยนะ คุณก็ต้องระวังตัว
 
 
            ยังไม่พอ การเที่ยวหญิงบริการเหล่านี้ จะเพาะนิสัยไม่จริงใจกับใคร เพราะคนพวกนั้นเขาก็ไม่จริงใจกับคุณ คุณก็ไม่จริงใจกับเขา นิสัยไม่จริงใจจะถูกนำไปใช้เมื่อถึงคราวคุณมีลูกมีเมีย เลยไปจนกระทั่งถึงคราวที่คุณจะเป็นครูบาอาจารย์คน เป็นพ่อ แม่คน คุณก็จะติดนิสัยไม่จริงใจอย่างนี้ต่อไปอีก แล้วคุณก็จะเสียคน เพราะว่าคุณค่าของคนก็คือความจริงใจต่อกัน ไม่อย่างนั้นสังคมนี้มันอยู่ไม่ได้ คุณขาดความจริงใจ คุณก็ขาดความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและสังคมไปโดยปริยาย 
 
            แต่ร้ายกว่านั้นที่อยากจะเตือนคุณในฐานะที่เป็นพระก็คือ การติดรสในเพศ รสในกามนี้ มันจะติดเป็นสันดานข้ามชาติของคุณไป เมื่อเวลาใกล้ตาย ความดีเคยทำไว้เท่าไหร่ นึกไม่ออก นึกออกแต่ภาพเสพกามเท่านั้น เมื่อละโลกไปด้วยอารมณ์อย่างนั้น ใจจะขุ่นมัว ไม่ได้ไปดีหรอก นอกจากตกนรก เพราะความที่นึกออกแต่เรื่องพวกนี้ แม้ไม่ไปนรกแต่ความที่ใจติดรสนั้น มีแต่ภาพหญิงบริการอยู่ในใจ คุณจะได้ไปเกิดเป็นหญิงบริการในภพหน้า
 
 
            หญิงที่คุณไปใช้บริการเขานั่น แต่เดิมก็เป็นผู้ชายนักเที่ยวเหมือนกับคุณนี่แหละ แล้วเขาก็ติดรสกามเหมือนกับคุณ เขาจึงได้มาเป็นหญิงบริการ เป็นที่รองรับสาธารณะให้กับผู้ชายที่หักห้ามใจไม่เป็น มีแต่โรคเอาแต่ใจตัวในเรื่องเพศเรื่องกาม จึงต้องมาเป็นอย่างนั้น ถ้าคุณอยากจะไปเป็นหญิงบริการเองภพต่อไป หรือว่าอาจจะต้องตกนรกก่อนแล้วค่อยไปเป็นอย่างนั้น ก็ตามใจคุณนะ ไปคิดเอาเอง
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ชาวต่างชาติอยากจะให้ญาติมิตรได้เข้าใจถึงเรื่องทานบารมี ควรจะทำอย่างไร - หลวงพ่อตอบปัญหาชาวต่างชาติอยากจะให้ญาติมิตรได้เข้าใจถึงเรื่องทานบารมี ควรจะทำอย่างไร - หลวงพ่อตอบปัญหา

พระสงฆ์ที่ท่านเดินบิณฑบาตเจ้าค่ะ ท่านจะสามารถสวมรองเท้าได้ หรือไม่เจ้าคะ เพราะว่าในสภาพปัจจุบันนี้พื้นที่บางแห่งไม่เหมาะสมที่จะเดินเท้าเปล่าเจ้า ค่ะ -  หลวงพ่อตอบปัญหาพระสงฆ์ที่ท่านเดินบิณฑบาตเจ้าค่ะ ท่านจะสามารถสวมรองเท้าได้ หรือไม่เจ้าคะ เพราะว่าในสภาพปัจจุบันนี้พื้นที่บางแห่งไม่เหมาะสมที่จะเดินเท้าเปล่าเจ้า ค่ะ - หลวงพ่อตอบปัญหา

ทำไมคนไทยเมืองพุทธถึงกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจน้อยกว่าประเทศทางตะวันตก - หลวงพ่อตอบปัญหาทำไมคนไทยเมืองพุทธถึงกลับมีความเจริญทางด้านเศรษฐกิจน้อยกว่าประเทศทางตะวันตก - หลวงพ่อตอบปัญหา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา