บ้านผีสิงวิญญาณเร่ร่อนที่พริทอเรีย


[ 21 ก.พ. 2554 ] - [ 18278 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม บ้านผีสิงที่พริทอเรีย

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม บ้านผีสิงที่พริทอเรีย
บ้านผีสิงที่พริทอเรีย
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
        ดิฉันชื่อ ซูซาน ลี ทำงานอยู่ที่แผนกฝึกอบรมของกองทัพอากาศสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีสำนักงานอยู่ที่เมืองหลวง คือ กรุงพริทอเรีย เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2553 ดิฉันมีโอกาสมานั่งสมาธิกับพระอาจารย์ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโจฮันเนสเบิร์ก จากคำแนะนำของเพื่อน จนมีประสบการณ์เห็นแสงสว่างภายในตัวเอง หลังจากนั้น ก็ได้มานั่งสมาธิที่วัดในวันอาทิตย์เป็นประจำ ดิฉันได้พบความสุขที่อยู่ในตัวแล้ว แต่ทว่าในใจลึกๆกลับมีความกังวลอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ และยังไม่เคยมีใครแก้ได้ นานเป็นปีแล้วค่ะที่ดิฉันเจอสัมผัสลึกลับภายในบ้านของตัวเอง ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครทราบว่าเคยมีใครเสียชีวิตในบ้านหลังนี้หรือไม่ แต่ที่รู้ๆคือ...เหมือนกับว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้มีดิฉันอยู่เพียงคนเดียว
 
คุณซูซาน ลี เจ้าของบ้านผีสิง 
 
คุณซูซาน ลี  อยู่บ้านเลขที่ 329 ถนนวูฟ เมืองพริทอเรีย แอฟริกาใต้ 
 
หมอผีสำนักต่างๆบอกว่ามีวิญญาณซ่อนอยู่ ในกำแพงอิฐตรงอ่างล้างจาน
 
หมอผีสำนักต่างๆบอกว่ามีวิญญาณซ่อนอยู่ในกำแพงอิฐ ตรงอ่างล้างจาน
 
        ดิฉันมักจะรู้สึกหมดแรง เหนื่อยทุกครั้งที่เข้าไปในห้องครัว เดินผ่านกำแพงอิฐใกล้อ่างล้างจาน เหมือนพลังงานในตัวไหลออกไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งเหมือนถูกวิญญาณนี้มาควบคุม เพื่อนที่เข้ามาบ้านก็ยังรู้สึกอึดอัด ดิฉันพยายามหาทางแก้ไข แต่ทุกคนที่มาแก้ เช่น แม้กระทั่งหมอผีหลายๆสำนักมาทำพิธีขับไล่วิญญาณ เสร็จแล้วหมอผีก็พากันป่วยหมดทุกคน ทำให้ดิฉันต้องทนอยู่กับสิ่งที่มองไม่เห็นมาโดยตลอด ดิฉันไม่รู้จะพึ่งใคร ดิฉันนึกถึงพระอาจารย์ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมโจฮันเนสเบิร์ก คิดว่าท่านน่าจะช่วยได้ แล้ววันหนึ่งจึงรวบรวมความกล้า เปิดเผยเรื่องราวของบ้านหลังนี้ พร้อมขอร้องให้พระอาจารย์ทั้งสองรูปช่วยไปปราบผีให้ ท่านก็บอกว่าไม่ถนัดเรื่องปราบผี แต่ว่าพอจะมีวิธี เราจึงมีนัดสำคัญในต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เมื่อถึงวันนัด พระอาจารย์ชี้แจ้งว่า วิธีปราบผีมีสองวิธี กล่าวคือ
 
วิธีที่หนึ่ง คือ ใช้คาถาอาคม ซึ่งสิ่งนี้มีอยู่ในโลก แต่วิธีนี้ผีจะโกรธ เพราะเราใช้กำลังไปบังคับกักขังเขา เหมือนผีชื่อดังที่อำเภอพระโขนงที่กรุงเทพฯ ซึ่งเธอถูกขังอยู่ในหม้อ และเมื่อเธอหลุดออกมาแล้ว เธอโกรธมาก หากเราใช้วิธีนี้...ถ้าผีโกรธก็อาจจะมาแก้แค้นทำร้ายเรา
 
วิธีที่สอง คือ เราใช้ความรักและความเมตตา เพราะเรามองว่า วิญญาณไม่ได้อยากจะอยู่ตรงนี้ เขาก็อยากจะไปที่อื่นที่ดีกว่านี้ แต่พลังงานเขาไม่พอ อุปมาเหมือนตอนนี้ เราอยู่โจฮันเนสเบิร์ก อยากจะไปเคปทาวน์ แต่ไม่มีเงินเติมน้ำมัน ก็ไม่สามารถไปได้ เพราะมีพลังงานไม่เพียงพอ
 
 พระอาจารย์สวดบทกรณียเมตตสูตร
 
พระอาจารย์สวดบทอัญเชิญเทวดา และบทกรณียเมตตสูตร
  
 
 มอบความรักผ่านสื่ออันศักดิ์สิทธิ์ คือ น้ำพระพุทธมนต์
 
มอบความรักจากคุณซูซาน ผ่านสื่ออันศักดิ์สิทธิ์ คือ น้ำพระพุทธมนต์
 
 
        ทุกคนจึงมีความเห็นเป็นสมานฉันท์ว่า เราจะใช้วิธีที่สองกับเขา คือ เราจะสวดเจริญพระพุทธมนต์ แล้วให้เจ้าของบ้านนั่งสมาธิเพื่อสร้างพลังงานบวกในปริมาณมหาศาล แล้วแบ่งปันความรัก ความเมตตา ไปให้เขา เมื่อเขามีพลังงานมากพอแล้ว เขาก็จะไปเอง และจะขอบคุณเราอีกด้วย พอถึงเวลาสำคัญ พระอาจารย์ทั้งสองสั่งให้ดิฉันและเพื่อนอีกคนหนึ่งทำสมาธิ ตามที่เรียนมาจากคลาสวันอาทิตย์ ในขณะที่พระอาจารย์สวดมนต์เป็นภาษาอินเดียโบราณ (ภาษาบาลี) มีพระพุทธรูป มีเชือกสีขาว มีบาตรใส่น้ำ และเทียนไขสีขาว ตอนที่สวดมนต์นั้น ท่านไม่ได้แสดงอาการกลัวผีแต่อย่างใด และไม่ได้กลัวว่ากลับไปแล้วจะเป็นไข้เหมือนหมอผีหลายๆคนที่ผ่านมา
 
 คุณซูซานและเพื่อนทำสมาธิแบ่งปันความรัก ให้แก่วิญญาณ
 
ขณะที่พระอาจารย์เจริญพระพุทธมนต์ คุณซูซานและเพื่อน
ก็ทำสมาธิ แบ่งปันความรักให้แก่วิญญาณ
 
 บ้านผีสิงเมืองพริทอเรีย
 
บ้านเลขที่ 329 ถนนวูฟ เมืองพริทอเรีย แอฟริกาใต้
 
        ในขณะที่ดิฉันกำลังหลับตาทำสมาธิอยู่นั้น เหลือเชื่อจริงๆ...ดิฉันได้เห็นวิญญาณของคนสองคนอยู่ระหว่างพระอาจารย์สองรูป และวิญญาณก็ค่อยๆ...สว่างขึ้นๆ เมื่อสว่างจนถึงจุดหนึ่งก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วหายไปค่ะ หลังจากวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า ดิฉันก็หลับได้อย่างสบาย มีพลังงานเหลือเฟือ สามารถทำงานที่บ้านได้มากมายหลายชั่วโมง นี่คืออานุภาพของความรักและความเมตตาที่มีต่อวิญญาณเหล่านั้น โดยมีเสียงสวดมนต์ของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา เป็นสื่อกลาง
 
 (ซ้าย) คุณซูซาน ลี
 
วันรุ่งขึ้น คุณซูซาน พาหัวหน้างานมาหาพระอาจารย์
ขอนิมนต์ไปเทศน์สอนที่กองทัพอากาศ กรุงพริทอเรีย
 
        ตอนนี้ ดิฉันเชื่อมั่นในอานุภาพของพระพุทธเจ้าแล้วค่ะ และรู้สึกว่า สมาธิได้ช่วยชีวิตดิฉันไว้ ทำให้ดิฉันหมั่นทำสมาธิมากขึ้น และยังบอกกับพระอาจารย์ไปว่า ดิฉันทำงานอยู่แผนกฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรของกองทัพอากาศ ขอยืนยันเลยว่า ถ้าพระอาจารย์พร้อมเมื่อไหร่ จะให้ไปอบรมทหารอากาศในห้องประชุมของกองทัพเลยค่ะ เพราะตอนนี้ดิฉันเกิดกำลังใจอยากเป็นกัลยาณมิตรให้คนรอบข้างรู้จักการทำสมาธิเหมือนกับดิฉันด้วย ดิฉันต้องการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนดีขึ้นกว่าเดิม ดิฉันต้องการเปลี่ยนเพื่อนร่วมงานให้เป็นทหารที่ดีกว่าเดิม และดิฉันก็ต้องการ Change the World เปลี่ยนโลกใบนี้ ร่วมกับหลวงพ่อด้วยคนค่ะ ดิฉันถามคำถามกับพระอาจารย์มากมาย แต่หลวงท่านบอกว่า “อาตมาทั้งสองรู้ไม่เยอะ คนที่รู้เยอะ ตอนนี้ท่านอยู่เมืองไทย ก็ให้คุณซูซานถามครูของอาตมาจะดีกว่า”
 
คุณซูซาน ลี 
 
“I want to Change the World.”
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
ซูซาน ลี
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
คำถามข้อที่ 1.เมื่อมนุษย์ตายแล้ว ทำไมวิญญาณของเขาจึงไม่กลับไปอยู่กับผู้สร้าง ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านของดิฉันได้คะ
 
        วิญญาณที่ลูกเห็นในสมาธินั้นเป็นวิญญาณเร่ร่อน หรือกายสัมภเวสี ที่ตายเพราะอุบัติเหตุจากที่อื่น อีกทั้งวิญญาณที่ลูกเห็นทั้งคู่ยังตายพร้อมกันอีกด้วย และด้วยความที่วิญญาณทั้งสองยังไม่หมดอายุขัย ทั้งคู่จึงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน หรือเป็นกายสัมภเวสี ที่อดอยาก หิวโหย ต้องทนทุกข์ทรมานและเดินสะเปะสะปะไปเรื่อยๆ
 
วิญญาณที่ลูกเห็นในสมาธิคือวิญญาณเร่ร่อน
 
        และที่วิญญาณทั้งสองมาสิงสถิตอยู่ที่บ้านของลูก แต่ไม่ยอมไปอยู่กับผู้สร้าง ก็เพราะพวกเขาพยายามหาแล้ว แต่ยังหาไม่เจอ อีกทั้งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าผู้สร้างเป็นใคร อยู่ที่ไหน ครั้นจะไปถามคนที่บัญญัติคำว่า...มีผู้สร้าง ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้วิญญาณทั้งสองจึงเดินโซซัดโซเซไปตามที่ต่างๆ คล้ายๆกับพวกเร่ร่อนไม่มีบ้าน จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง ตัวลูกเดินผ่านมาแถวที่วิญญาณทั้งสองอาศัยอยู่พอดี เมื่อวิญญาณทั้งสองได้เห็นตัวลูก ทั้งคู่ก็พลันเกิดความรู้สึกถูกชะตาในตัวลูกขึ้นมาในทันที
 
 วิญญาณเร่ร่อนทั้งสองไม่มีที่อยู่เมื่อเห็นลูก จึงรู้สึกถูกชะตา
 
        ส่วนสาเหตุที่ทำให้วิญญาณทั้งสองถูกชะตาในตัวลูก ทั้งนี้ก็เป็นเพราะบุคลิกลักษณะของตัวลูกดูเป็นคนใจดีมีเมตตา และยังเป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้เอง ตัวลูกจึงมีกระแสแห่งความเย็นแผ่ซ่านออกจากตัวไปโดยรอบ (คล้ายๆกับมีรังสีออร่าแผ่ซ่านออกมา)-ซึ่งกระแสแห่งความเย็นที่ว่านี้ ถือเป็นเรื่องปกติของผู้ที่มีพื้นฐานจิตใจที่ดีและทำความดีอยู่เสมอ ซึ่งกระแสเย็นๆนี้ แม้แต่คนทั่วไปก็สามารถสัมผัสได้ถึงแม้จะไม่เห็นก็ตาม แต่สำหรับพวกกายสัมภเวสีหรือวิญญาณเร่ร่อนนี้ จะเห็นและสัมผัสพลังเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนมากกว่ามนุษย์ทั่วๆไป ดังนั้น เมื่อวิญญาณทั้งสองเห็นลูกเดินผ่าน ทั้งคู่จึงไม่รอช้า รีบเดินตามตัวลูก และเข้าไปสิงสถิตอยู่ในบ้านของลูกนับตั้งแต่วันนั้น
 
วิญญาณเร่ร่อนทั้งสองเห็นว่าตัวลูกเป็นคนจิตใจดี มีเมตตา
 
คำถามข้อที่ 2.ทำไมดิฉันถึงสัมผัสวิญญาณได้ และเมื่อสัมผัสวิญญาณแล้ว ทำไมดิฉันถึงถูกวิญญาณนี้ควบคุมได้คะ
 
        สาเหตุที่ทำให้ตัวลูกมีสัมผัสพิเศษ สามารถมองเห็นวิญญาณทั้งสองได้นั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ...
 
ประการที่ 1.ตัวลูกเป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี หรือพูดง่ายๆว่าเป็นคนที่มีใจใส และหวังดีกับเพื่อนมนุษย์ทุกคน อีกทั้งตัวลูกยังเป็นคนที่มีบุญบารมีมาก เพราะในพุทธันดรที่ผ่านมา ตัวลูกเป็นคนที่ชอบปฏิบัติธรรม แถมยังมีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีอีกด้วย ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีมนุษย์หรืออดีตมนุษย์อยากเข้ามาอยู่ใกล้ๆตัวลูก 
 
 ตัวลูกเป็นคนที่มีพื้นฐานจิตใจดี
 
ประการที่ 2.ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญอีกสาเหตุหนึ่ง นั่นก็คือ...ในหลายๆภพชาติก่อนๆโน้น ก่อนที่ตัวลูกจะได้มาเจอกับหมู่คณะ ตัวลูกเคยศรัทธาในลัทธิที่เชื่อเกี่ยวกับการทรงเจ้าเข้าผี อีกทั้งในภพชาติดังกล่าว ตัวลูกยังเคยฝึกการทรงวิญญาณที่เชื่อกันว่าเป็นเทพเจ้าอีกด้วย ซึ่งวิธีทรงวิญญาณหรือที่เรียกว่าทรงเจ้านั้น จะเริ่มจากการทำสติให้มันหย่อนๆ จนใจมันอ่อนแรงและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จากนั้นก็จะมีการเชิญพวกวิญญาณทั้งหลายให้เข้ามาสิงสู่ในร่างของตัวเอง 
 
ในอดีตตัวลูกเคยเชื่อเรื่องทรงเจ้าเข้าผี
 
        ด้วยความที่ตัวลูกเคยเชื่อเรื่องสิงๆทรงๆในภพชาติดังกล่าวนี้เอง จึงได้กลายเป็นวิบากกรรมที่ติดตามตัวลูกมาส่งผลในภพชาติปัจจุบัน ซึ่งมีผลทำให้ในบางเวลาที่สภาวะจิตของตัวลูกเกิดอาการอ่อนแรง และเกิดความรู้สึกกลัวที่ปนกับความกังวล เหล่าวิญญาณที่อยู่ใกล้ๆจึงสามารถเข้ามาบังคับหรือมาปรากฏตัวให้ตัวลูกเห็นได้ในบางขณะ ซึ่งก็เป็นเหตุทำให้ตัวลูกเกิดอาการควบคุมตนเองไม่ได้ จนคล้ายๆกับว่า...ตัวลูกกำลังถูกควบคุมจากใครสักคนซึ่งมองไม่เห็น ส่วนสาเหตุที่วิญญาณเร่ร่อนดังกล่าว พยายามเข้ามาสิงตัวลูกนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะวิญญาณเร่ร่อนนั้น ต้องการที่จะสื่อสารกับลูกว่า...เขาอยากจะขออยู่ด้วย และอยากให้ลูกรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา
 
วิญญาณเร่ร่อนทั้งสองต้องการให้ลูกรู้ ถึงการมีอยู่ของพวกเขา
 
คำถามข้อที่ 3.ทำไมบทสวดพระพุทธมนต์จึงมีอานุภาพ เคลื่อนย้ายพลังงานที่ไม่เป็นมิตรออกไปจากบ้านของดิฉันได้ ดิฉันอยากทราบกลไกการทำงานของบทสวดนี้ค่ะ
 
        ด้วยเหตุที่วิญญาณทั้งสองตนยังไม่อยากออกไปจากบ้านของลูก จึงทำให้ในช่วงที่ตัวลูกพาพวกหมอผีมาขับไล่วิญญาณทั้งสองตนออกจากบ้านนั้น พวกเขารู้สึกโกรธและพยายามขับไล่หมอผีเหล่านั้นไปด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เข้าสิงบ้าง หรือไล่ด้วยเสียงบ้าง เป็นต้น
 
 วิญญาณเร่ร่อนทั้งสองโกรธที่ลูกพาหมอผีมาไล่
 
        และด้วยความที่เหล่าหมอผีพวกนั้น เป็นพวกทรงเจ้าเข้าผีที่มีสัมผัสพิเศษและไวต่อสิ่งเร้นลับ จึงทำให้บรรดาหมอผีทั้งหลาย สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกโกรธ และความรู้สึกไม่พอใจของวิญญาณทั้งสองตน ซึ่งก็เป็นผลทำให้หมอผีพวกนั้น เกิดอาการจับไข้ไปตามๆกัน 
 
หมอผีรับรู้ความโกรธของวิญญาณเร่ร่อนทั้งสองได้
 
        แต่ในระยะหลัง เมื่อตัวลูกได้เริ่มสั่งสมบุญ กระแสบุญที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย็นกายเย็นใจ ก็ได้แผ่ออกจากตัวลูกไปถึงวิญญาณทั้งสองตน ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้วิญญาณทั้งสองตนนั้นสามารถรับรู้ถึงความเย็นกายเย็นใจที่แผ่มาถึงตนเองได้ และทำให้เกิดความรู้สึกสนใจใคร่รู้ว่า...ตัวลูกทำอะไรอยู่ ซึ่งก็เป็นผลทำให้วิญญาณทั้งสองตนนั้นต่างก็เฝ้ามองดูตัวลูกอยู่ตลอดเวลา 
 
วิญญาณเร่ร่อนทั้งสองต่างเฝ้ามองตัวลูกด้วยความสนใจ
 
       เมื่อตัวลูกได้นิมนต์พระอาจารย์ให้มาสวดเจริญพุทธมนต์ที่บ้านของลูก วิญญาณทั้งสองตนก็สัมผัสได้ว่า...ท่านไม่ได้มาขับไล่ตนเองออกไปจากบ้านเหมือนอย่างที่หมอผีทำ และในทันทีที่ตัวลูกอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลส่งไปให้วิญญาณทั้งสองตน กระแสบุญก็ได้ไปจรดที่ใจของวิญญาณทั้งสองตนนั้น 
 
วิญญาณเร่ร่อนทั้งสองได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้
 
        ภายหลังจากที่วิญญาณทั้งสองตน ได้รับบุญที่ลูกอุทิศส่งไปให้กับพวกเขาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกมีความสุขและสบายใจเป็นอย่างมาก และทันใดนั้นเอง...กายของวิญญาณทั้งสองตนนั้นก็พลันสว่างขึ้น สว่างขึ้น แล้วก็สว่างขึ้น จนทำให้พวกเขาได้ไปเกิดเป็นภุมมเทวาที่มีวิมานเป็นของตนเอง ซึ่งวิมานใหม่ของเขาทั้งสองก็อยู่ห่างจากบ้านของลูก ถึงแม้ในตอนนี้ วิญญาณทั้งสองตนจะไม่ได้อยู่ในบ้านของลูกแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกรักและผูกพันกับตัวลูกอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น ถ้าตัวลูกยังแอบคิดถึงวิญญาณทั้งสองอยู่ ซึ่งในตอนนี้ได้เป็นภุมมเทวาแล้ว พวกเขาก็อาจจะมาเยี่ยมลูกที่บ้านก็เป็นได้
 
เมื่อได้รับบุญแล้ววิญญาณเร่ร่อนทั้งสอง ได้ไปเป็นภุมมเทวา
 
************************ 
="msonormal">
 
รับชมวีดีโอ บ้านผีสิงวิญญาณเร่ร่อนที่พริทอเรีย 

รับชมคลิปวิดีโอบ้านผีสิงวิญญาณเร่ร่อนที่พริทอเรีย
ชมวิดีโอบ้านผีสิงวิญญาณเร่ร่อนที่พริทอเรีย  MP3 ธรรมะบ้านผีสิงวิญญาณเร่ร่อนที่พริทอเรีย   Download ธรรมะบ้านผีสิงวิญญาณเร่ร่อนที่พริทอเรีย


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน