คำถามข้อที่ 3.เพื่อนรุ่นน้องสามคน มาชวนลูกทำธุรกิจจัดสรรที่ดินชายทะเลเมื่อปี พ.ศ.2539-ครั้งนั้นทำให้ลูกเสียเงิน เสียที่ดินร่วมสิบล้านบาท โดยที่ลูกออกเงินไปก่อน และหุ้นส่วนจะมาใช้เงินคืนในภายหลัง ซึ่งบางส่วนก็ต้องไปกู้มาเพิ่ม แต่เวลาขาดทุน ลูกกลับขาดทุนคนเดียว เพราะหุ้นส่วนบอกว่าไม่มีเงิน ทำให้เงินและที่ดินกว่า 100-ไร่หายไปกับธุรกิจครั้งนั้น ที่เป็นเช่นนี้ เพราะวิบากกรรมใด ที่ทำให้ลูกหมดตัว หมดที่ดิน เหลือแต่เงินเดือนของตนเอง และลูกต้องรับผิดชอบเพียงคนเดียว แต่ลูกก็ไม่โกรธ และยกโทษอโหสิกรรมให้เขาหมดนานแล้วค่ะ 

 

        วิบากกรรมที่ทำให้ลูกต้องเสียเงินเสียทอง เสียที่ดินไปในการลงทุนร่วมกับเพื่อนๆในภพชาติปัจจุบัน ทั้งนี้ก็เป็นเพราะผลจากวิบากกรรมของตัวลูกที่เคยทำผิดทำพลาดไว้ ในหลายๆพุทธันดรก่อนๆโน้น ได้ติดตามตัวลูกมาส่งผล 

 

        เรื่องก็มีอยู่ว่า ในภพชาติดังกล่าว ตัวลูกได้เกิดเป็นกุลบุตรรูปงามในตระกูลของข้าราชการ ในแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวช ซึ่งในเวลาต่อมา เมื่อตัวลูกเติบใหญ่ ลูกก็ได้เข้าไปสมัครรับราชการตามคุณพ่อของลูก และด้วยความเก่งและดีของตัวลูกจึงทำให้...ตัวลูกเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน และได้รับการแต่งตั้งจากส่วนกลางให้ไปดูแลเขตพื้นที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเขตพื้นที่แห่งนี้...ถือเป็นเขตพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ เพราะมีตำบลหลายๆตำบลมารวมอยู่ในเขตเดียวกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า ตัวลูกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายอำเภอที่คอยดูแลความเป็นอยู่ของพวกชาวบ้าน ให้อยู่กันอย่างสงบสุขนั่นเอง

 

 

 

        ในเวลาต่อมา ตัวลูกก็ได้แต่งงานกับลูกสาวของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เกษียณแล้วท่านหนึ่ง ซึ่งเธอและครอบครัวของเธอได้อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ที่ลูกดูแลอยู่ แม้ลูกจะแต่งงานและมีครอบครัวแล้วก็ตาม แต่ตัวลูกก็ยังปฏิบัติหน้าที่ดูแลพวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่แถบนั้น อย่างเต็มที่เต็มความสามารถ แบบไม่มีอะไรที่ขาดตกบกพร่องเลย กล่าวคือ ลูกดูแลพวกชาวบ้านเหล่านั้นเป็นอย่างดี ประดุจดั่งเป็นญาติพี่น้องของลูก

 

 

 

        จนกระทั่ง อยู่มาวันหนึ่ง พ่อตาของลูกได้เกิดไปมีเรื่องขัดแย้งกับพวกชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง จนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งเรื่องราวของความขัดแย้งก็มีอยู่ว่า...ภายหลังจากที่พ่อตาของลูกเกษียณแล้ว ด้วยความที่ท่านมีที่ดินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงทำให้ที่ดินของท่านบางส่วนยังเป็นพื้นที่รกร้าง และยังไม่ได้รับการพัฒนา ด้วยเหตุนี้เอง พ่อตาของลูกในภพชาตินั้น จึงได้ไปชักชวนพวกชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น ให้เข้ามาช่วยหักร้างถางพงในเขตที่ดินของท่าน พร้อมกับได้ให้คำมั่นสัญญากับพวกชาวบ้านเหล่านั้นว่า เมื่อหักร้างถางพงที่ดินแห่งนี้เสร็จแล้ว ท่านจะแบ่งที่ดินบางส่วนให้กับพวกชาวบ้านที่มาช่วย เพื่อที่ทุกคนจะได้มีพื้นที่ทำกิน ส่วนตัวท่านเองก็จะขอเก็บที่ดินเอาไว้บางส่วน

 

 

 

        เมื่อชาวบ้านได้ฟังเช่นนั้น ต่างก็พากันดีใจ และตอบตกลงที่จะเข้าไปช่วยพัฒนาพื้นที่บริเวณนั้นในทันที และเมื่อพวกชาวบ้านกลุ่มนั้นได้ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ภายในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ทุกๆคนต่างก็ช่วยกันหักร้างถางพง ขุดคูคลองร่องน้ำ และทำถนนหนทางเข้าสู่ที่ดินบริเวณนั้นกันอย่างเต็มที่ และเมื่อทุกอย่างใกล้จะแล้วเสร็จ พ่อตาของลูกกลับเกิดรู้สึกเสียดายที่ดินบางส่วนที่ท่านเคยสัญญาว่าจะแบ่งและยกให้กับพวกชาวบ้านเหล่านั้น ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ ดังนั้น เมื่อพ่อตาของลูกถูกความโลภเข้าครอบงำ จึงทำให้ในเวลาที่พวกชาวบ้านเข้าไปคุยเรื่องการแบ่งพื้นที่ที่พวกเขาควรจะได้รับ พ่อตาของลูกกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และตอบปฏิเสธที่จะแบ่งที่ดินเหล่านั้นให้กับพวกชาวบ้าน 

 

        ส่วนพวกชาวบ้านเอง ต่างก็เกิดความสงสัย เพราะงงๆว่า...เกิดอะไรขึ้น ทำไม..พ่อตาของลูกจึงไม่ยอมทำตามคำสัญญาที่เคยให้กันเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เอง พวกชาวบ้านจึงตามมาทวงที่ดินเหล่านั้นกับพ่อตาของลูกในทุกๆครั้งที่เจอกัน เมื่อพ่อตาของลูกโดนพวกชาวบ้านทวงสัญญาบ่อยเข้า...บ่อยเข้า ท่านจึงขับไล่พวกชาวบ้าน ซึ่งได้ย้ายเข้ามาพักอาศัยอยู่ในที่ดินแห่งนั้น ในสมัยที่เริ่มบุกเบิกพื้นที่ใหม่ๆ ให้ออกไปจากพื้นที่ของท่าน เมื่อพวกชาวบ้านได้รับความอยุติธรรมเช่นนี้ พวกชาวบ้านจึงรีบไปร้องทุกข์กับตัวลูกซึ่งเป็นผู้ปกครองพื้นที่แห่งนั้น เพราะเชื่อมั่นในความยุติธรรมของตัวลูกว่าจะต้องแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

 

 

 

        หลังจากที่ลูกได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดจากพวกชาวบ้านแล้ว ลูกก็ได้เข้าไปพูดคุยกับพ่อตาของลูกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งพ่อตาของลูกก็ได้ตอบปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาตามที่พวกชาวบ้านมาร้องทุกข์กับลูก ด้วยเหตุนี้เอง ลูกจึงได้ไปตรวจสอบข้อมูลกับพวกชาวบ้านที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้ ลูกก็ได้ทราบข้อแท้จริงทั้งหมดว่า พ่อตาของลูกได้โกงพวกชาวบ้านไปจริงๆ แต่ด้วยความที่พ่อตาของลูกเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาก่อน อีกทั้ง ตัวลูกยังรักภรรยาของลูกมาก ซึ่งภรรยาของลูกก็รักคุณพ่อของเธอมากด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อภรรยาของลูกได้พยายามเข้ามาพูดจาเกลี้ยกล่อมให้ตัวลูกออมชอมกับคดีนี้ ด้วยเหตุผลบางประการดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมด จึงเป็นผลทำให้ตัวลูกเกิดความลำเอียงในการตัดสินคดีความในครั้งนี้

 

 

 

        ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ต้องตัดสินคดีความระหว่างพ่อตาของลูกกับพวกชาวบ้านที่มาร้องทุกข์ ตัวลูกจึงหลับหูหลับตาตัดสินคดีความด้วยความอยุติธรรม โดยการให้ฝ่ายพ่อตาของลูกเป็นผู้ชนะ เมื่อพวกชาวบ้านที่ช่วยกันหักร้างถางพงที่ดินบริเวณนั้นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้คดีแล้ว พวกชาวบ้านเหล่านั้นจึงต้องจำใจและจำยอมย้ายครอบครัวของตนออกจากที่ดินของพ่อตาของลูกในที่สุด และด้วยการตัดสินคดีความแบบอยุติธรรมของลูกนี้เอง จึงเป็นเหตุทำให้พวกชาวบ้านต่างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ที่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ได้รับที่ดินตามที่พ่อตาของลูกได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้

 

 

        ด้วยวิบากกรรมที่ตัวลูกได้ตัดสินคดีความด้วยความอยุติธรรม จึงได้กลายเป็นวิบากกรรมที่ติดตามตัวลูกนับตั้งแต่ภพชาตินั้นเรื่อยมา แม้กระทั่งในภพชาติปัจจุบัน วิบากกรรมดังกล่าวจะเจือจางลงไปบ้างแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังคอยหาช่องตามส่งผลอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อวิบากกรรมดังกล่าวได้ช่องตามมาส่งผลในภพชาติปัจจุบันอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นผลทำให้ตัวลูกต้องเสียเงินเสียทอง และเสียที่ดิน ในการลงทุนร่วมกับเพื่อนๆของลูกทั้งสามคน และด้วยผลแห่งวิบากกรรมที่เพื่อนๆของลูกได้ร่วมกันก่อเอาไว้ในภพชาติปัจจุบัน ก็จะกลายเป็นวิบากกรรมใหม่ที่จะทำให้เพื่อนทั้งสามคนของลูก จะต้องตามไปชดใช้วิบากกรรมเหล่านี้ในอนาคต หรือถ้าพูดสั้นๆง่ายๆก็คือ...เป็นกรรมเก่าของลูก แต่เป็นกรรมใหม่ของเพื่อนนั่นเอง แต่สำหรับตัวลูกนั้น วิบากกรรมที่ลูกเคยทำผิดทำพลาดเอาไว้ในอดีต (การตัดสินคดีความด้วยความอยุติธรรม)-มันก็เริ่มเบาบางเจือจางลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นให้ลูกหมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และให้หมั่นสั่งสมบุญเอาไว้ให้มากๆ วิบากกรรมนี้จะได้เจือจางจนไม่มีโอกาสได้ช่องส่งผลอีก