ทำบุญไว้เถิดประเสริฐนัก ตอนที่ 6

        ภายหลังจากที่คุณพ่อของลูกถูกเศรษฐีผู้มีจิตใจชั่วร้ายบีบคั้น และข่มขู่ด้วยข้อเสนอที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้แล้ว คุณพ่อของลูกจึงจำใจที่จะต้องยอมรับข้อเสนออันเลวร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากนั้น ท่านได้ดำเนินการปลอมแปลงเอกสารที่ดินในส่วนที่จะขยายเพิ่มออกไป (โดยพื้นที่ส่วนนี้จะครอบคลุมเข้าไปในเขตพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามและไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้าไปจับจองมาก่อนเลย หรือกล่าวได้ว่าเป็นเขตพื้นที่ซึ่งไม่ได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย)

 

 

 

        เมื่อคุณพ่อของลูกได้ดำเนินการปลอมแปลงเอกสารที่ดินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงได้ไปบอกให้เศรษฐีกับพวกลูกน้องและพวกชาวบ้าน เข้าไปหักร้างถางพงในเขตพื้นที่ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม และไม่เคยอนุญาตให้ใครเข้าไปจับจองมาก่อนดังกล่าว

 

 

 

        นอกจากคุณพ่อของลูกจะต้องปลอมแปลงเอกสารที่ดิน เพื่อให้เศรษฐีกับพวกลูกน้องและพวกชาวบ้านเข้าไปหักร้างถางพงในเขตพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ท่านยังต้องไปโกหกหลอกลวงท่านเจ้าเมืองที่ปกครองดูแลหัวเมืองแห่งนั้นอีกด้วย ซึ่งทำให้คุณพ่อของลูกรู้สึกเสียใจ, ไม่สบายใจ และเครียด ในทุกครั้งที่ท่านคิดถึงเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าท่านจะรู้สึกเสียใจและไม่สบายใจในการกระทำของตัวท่านมากแค่ไหนก็ตาม แต่ถึงกระนั้น คุณพ่อของลูกก็จำใจจะต้องทำผิด เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้ ลูกๆของท่านซึ่งกำลังรับราชการอยู่ที่เมืองหลวง ก็จะถูกกลั่นแกล้งจากอำนาจมืดของเศรษฐีผู้มีจิตใจชั่วร้าย หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ คุณพ่อของลูกยอมทำผิดเพราะความรักที่มีต่อลูกๆของท่าน

 

 

 

        เมื่อพวกลูกน้องของเศรษฐีและพวกชาวบ้านได้หักร้างถางพงในเขตพื้นที่ดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกลูกน้องของเศรษฐีก็ไม่รอช้า ได้ทำการอพยพย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่ในเขตพื้นที่ดังกล่าวเพื่อทำมาหากินในทันที

 

 

 

        หลังจากที่พวกลูกน้องของเศรษฐีได้อพยพย้ายสำมะโนครัวเข้าไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว แทนที่พวกเขาจะตั้งใจทำมาหากินตามปกติด้วยความสุจริต เหมือนอย่างพวกชาวบ้านทั่วๆไป แต่พวกลูกน้องของเศรษฐีกลับหาทำเช่นนั้นไม่ เพราะในตอนนั้น พวกเขาได้ทำตัวเป็นนักเลงอันธพาลที่คอยเกะกะระราน รบกวนพวกชาวบ้านตาดำๆที่พักอาศัยและทำมาหากินอยู่ในละแวกนั้นอยู่ตลอดเวลา จนเป็นผลทำให้พวกชาวบ้านที่พักอาศัยและทำมาหากินอยู่ในละแวกนั้นได้รับความเดือดร้อน จนไม่สามารถจะทำมาหากินอย่างปกติสุขได้เลย

 

 

 

        เบื้องหลังเหตุการณ์อันวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแผนการของเศรษฐีผู้มีจิตใจชั่วร้าย โดยที่ตัวเขามีเป้าหมายจะขับไล่พวกชาวบ้านที่มาทำมาหากินในละแวกนั้น ให้ออกจากพื้นที่ไปให้หมด และเมื่อพวกชาวบ้านเหล่านั้นออกจากพื้นที่ไปหมดแล้ว เขาก็จะให้พวกลูกน้องเข้าไปยึดพื้นที่ทำกินของพวกชาวบ้านตาดำๆเหล่านั้น ให้มาเป็นสินทรัพย์ของพวกตนในทันที ซึ่งมีพวกชาวบ้านตาดำๆหลายครอบครัวที่ทนการระรานของพวกลูกน้องของเศรษฐีไม่ไหว เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกชาวบ้านเหล่านั้นจึงจำใจที่จะต้องขนย้ายข้าวของออกจากพื้นที่ทำกินของตนไปในที่สุด

 

 

 

        เมื่อพวกชาวบ้านตาดำๆเหล่านั้นได้ขนย้ายข้าวของออกจากพื้นที่ทำกินของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว เศรษฐีพร้อมกับลูกน้องก็ได้ไปบีบบังคับคุณพ่อของลูกให้ปลอมแปลงเอกสารที่ดินเพิ่มเติมขึ้นมาอีก เพื่อทำให้พวกเขาได้ครอบครองที่ดินในส่วนที่ไปยึดมาจากพวกชาวบ้านเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถครอบครองพื้นที่ทำกินได้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม คุณพ่อของลูกก็ไม่มีทางเลือกและไม่อาจที่จะปฏิเสธสิ่งที่เศรษฐีสั่งได้เลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะตัวท่านเองได้ถูกเศรษฐีข่มขู่ว่า ถ้าหากไม่จัดการเรื่องการปลอมแปลงเอกสารที่ดินให้ เขาก็จะเปิดโปงการทำผิดของคุณพ่อของลูกทั้งหมด อีกทั้ง เขาจะกลั่นแกล้งและขัดขวางลูกๆของท่านทุกๆคนไม่ให้ได้รับความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานในทุกๆ ด้านอีกด้วย

 

 

 

        ด้วยเหตุนี้เอง คุณพ่อของลูกจึงจำใจและจำยอมที่จะต้องทำตามที่เศรษฐีบีบบังคับ ซึ่งก็เป็นการทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเข้าไปอีก เมื่อท่านได้ปลอมแปลงเอกสารการครอบครองที่ดินให้กับเศรษฐีและพวกลูกน้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกลูกน้องของเศรษฐีก็ได้ว่าจ้างพวกชาวบ้านที่ถูกขับไล่ออกไปให้มาเป็นแรงงาน (เยี่ยงทาส) ในพื้นที่ทำกินดังกล่าว โดยที่พวกลูกน้องของเศรษฐีจะจ่ายแต่ค่าแรงให้กับพวกชาวบ้านเท่านั้น ส่วนผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ พวกชาวบ้านไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับ อีกทั้งค่าแรงที่พวกชาวบ้านได้รับนั้นก็ไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น หรือพูดง่ายๆ คือ มันน้อยเกินกว่าจะรับได้ พวกชาวบ้านตาดำๆเหล่านั้นถูกเศรษฐีเอาเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่อง ซึ่งพวกชาวบ้านตาดำๆก็ไม่มีทางเลือก เพราะพวกเขาไม่มีที่ทำมาหากินที่อื่นอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้พวกชาวบ้านตาดำๆเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

 

 

 

        แล้วในที่สุด พวกชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนบางส่วนก็ได้รวมตัวกัน เพื่อจะนำเรื่องที่พวกตนถูกกลั่นแกล้งและโดนเอารัดเอาเปรียบจากเศรษฐีไปฟ้องร้องกับท่านเจ้าเมือง ซึ่งในทันทีที่คุณพ่อของลูกได้ทราบข่าวว่า พวกชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจะรวมตัวกันไปฟ้องร้องกับท่านเจ้าเมือง คุณพ่อของลูกก็เกิดอาการร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก

 

 

 

        เมื่อท่านเจ้าเมืองได้รับการร้องเรียนจากพวกชาวบ้านตาดำๆที่ได้รับความเดือดร้อนนั้นแล้ว ท่านเจ้าเมืองก็ได้เรียกตัวคุณพ่อของลูกให้ไปเข้าพบเพื่อทำการสอบสวนถึงเรื่องราวที่แท้จริง เมื่อคุณพ่อของลูกถูกท่านเจ้าเมืองเรียกตัวไปเข้าพบเพื่อสอบสวนแล้ว ท่านก็ได้เอ่ยอ้างเหตุผลต่างๆนานา เพื่อหลอกลวงท่านเจ้าเมืองว่า พวกชาวบ้านกลุ่มนี้ บางส่วนก็เป็นพวกที่ขี้เกียจ บางส่วนก็เป็นพวกที่ได้พื้นที่ทำกินไปแล้ว แต่ไม่ลงมือทำมาหากินอะไร ปล่อยให้พื้นที่รกร้างว่างเปล่า และบางส่วนก็เป็นพวกที่ไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับทางราชการ เป็นต้น เมื่อพวกชาวบ้านกลุ่มนี้มีความประพฤติอันไม่เหมาะสมดังที่กล่าวมาแล้ว ตัวท่านจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอนุญาตให้เศรษฐีพร้อมกับทีมงานมาถือครองที่ดินดังกล่าว แทนพวกชาวบ้านที่มีความประพฤติไม่ดีเหล่านั้น

 

 

 

        ภายหลังจากที่ท่านเจ้าเมืองได้รับฟังข้อมูลจากคุณพ่อของลูกแล้ว ด้วยคุณงามความดีที่คุณพ่อของลูกได้ตั้งใจทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมและเที่ยงตรงมาโดยตลอด จึงทำให้ท่านเจ้าเมืองหลงเชื่อในสิ่งที่คุณพ่อของลูกกล่าวมาทั้งหมด เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างพลิกผันเช่นนี้ พวกชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจึงได้ส่งหัวหน้ากลุ่มของตนมาเจรจาต่อรองกับคุณพ่อของลูกในทันที แต่ไม่ว่าหัวหน้ากลุ่มของพวกชาวบ้านจะเจรจากับคุณพ่อของลูกอย่างไร การเจรจานั้นก็ไม่มีทีท่าที่จะประสบความสำเร็จและลงตัวได้เลย ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะทั้งคุณพ่อของลูกกับหัวหน้ากลุ่มของพวกชาวบ้าน ต่างคนต่างก็มีจุดยืนเป็นของตนเอง ดังนั้น ยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีปากเสียงกันมากขึ้นเท่านั้น

 

 

 

        เมื่อสถานการณ์ต่างๆเริ่มจะบานปลาย คุณพ่อของลูกจึงได้ไปบอกกับเศรษฐีในทำนองที่ว่า ในตอนนี้ท่านรู้แล้วว่าใครเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้พวกชาวบ้านลุกฮือขึ้นมาประท้วง ซึ่งงานนี้คงจะมีแต่เศรษฐีเท่านั้นที่จะสั่งสอนหัวหน้ากลุ่มของพวกชาวบ้านให้หลาบจำได้ ดังนั้น เศรษฐีควรที่จะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยโดยเร็ว โดยที่เศรษฐีน่าจะต้องจัดการกับหัวหน้ากลุ่มของพวกชาวบ้านอย่างเด็ดขาด เพื่อให้เขาไม่กล้าที่จะทำอย่างนี้อีก เมื่อเศรษฐีผู้มีจิตใจชั่วร้ายได้รู้ว่า ใครเป็นตัวการในการปลุกระดมพวกชาวบ้าน จนทำให้เรื่องบานปลายแล้ว เขาจึงได้คิดวางแผนการอันชั่วร้ายแบบแยบยลที่จะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด

 

 

 

        ส่วนว่า แผนการอันชั่วร้ายของเศรษฐีจะเป็นอย่างไร และจะทำให้หัวหน้ากลุ่มของพวกชาวบ้านเข็ดหลาบได้หรือไม่ เราคงจะต้องมาติดตามกันในตอนต่อไป