View this page in: English
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2554
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 3
สถานการณ์น้ำท่วม คลองระพีพัฒน์
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 3
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ขณะนี้ส่วนหน้าของมวลน้ำยักษ์ที่ระบายผ่านประตูน้ำต่างๆ กำลังดาหน้าเข้าโจมตีกรุงเทพฯเขตชั้นในลึกขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ไม่มีทำนบใดกั้นอยู่ ยกเว้นทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ เพราะทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ยาด้วยกาวใจที่ผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่น ระหว่างพระภิกษุ, สามเณร, อุบาสก, อุบาสิกา, ผู้นำบุญ, อาสาสมัคร, พนักงานวัดพระธรรมกาย ร่วมกับชาวคลองหลวง และหน่วยงานทางราชการ
ดังที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า...
1. ต้นแหล่งของมวลน้ำยักษ์นี้ มาจากทุ่งอยุธยาที่ไหลบ่าข้ามถนนพหลโยธิน ช่วงกิโลเมตรที่ 55-79 ปริมาณน้ำที่ไหลบ่าข้ามมา ประมาณวันละกว่า 100 ล้านคิว (1 คิว = 1 ลูกบาศก์เมตร) สถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์ที่รังสิตสามารถสูบน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพียงวันละ 10 ล้านคิว คิดเป็นเพียง 1 ใน 10 ของน้ำเหนือที่ไหลบ่าข้ามถนนพหลโยธินลงมา แม้ชาวคลองหลวงจะช่วยกันรักษาทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ยันมวลน้ำก้อนใหญ่เอาไว้ได้ แต่เพียงแค่เศษน้ำที่ระบายผ่านประตูน้ำพระอินทร์และประตูน้ำคลองหนึ่งถึงคลองหก ก็ทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมรังสิตแล้ว เพราะมีปริมาณมากกว่าที่จะสูบลงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ ถึง 10 เท่า นี้เองเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำเอ่อล้นไหลบ่าไปท่วม คูคต, สายไหม, ดอนเมือง (ขณะนี้ท่วมเข้ารันเวย์สนามบินแล้ว), บางเขน, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, ลาดพร้าว และกำลังมุ่งหน้าไหลบ่าเข้าสู่กรุงเทพมหานคร
3.1. สกัดมวลน้ำไม่ให้ไหลบ่าเข้าท่วมกรุงเทพมหานครอีก ซึ่งเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานครจะคลี่คลายอย่างรวดเร็ว สามารถรักษากรุงเทพฯเขตชั้นใน ซึ่งเป็นหัวใจของประเทศได้
3.2. เมื่อกู้ถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักสายเหนือของประเทศ ทำให้การลำเลียงอาหาร, น้ำ, ยา และความช่วยเหลือต่างๆไปสู่ผู้ประสบอุทกภัย ทำได้สะดวก (การขนส่งทางอากาศหรือทางเรือ ทำได้น้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับการขนส่งทางรถยนต์)
3.3. ทำให้การขนส่งสินค้า การสัญจรของประชาชนดำเนินไปได้ ธุรกิจต่างๆ เริ่มขับเคลื่อน คนจะได้มีงานทำ เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยภาพรวม
4. เนื่องจากทางรัฐบาล มีภารกิจที่ต้องดูแลพื้นที่ต่างๆมากมาย ทางกระทรวงคมนาคมจึงได้ขอความร่วมมือจากทางวัดพระธรรมกาย ให้ระดมกำลังพระภิกษุ, สามเณร และประชาชน ประสานการทำงานกับหน่วยงานทางราชการ ร่วมกันกอบกู้ถนนพหลโยธิน ตัดเส้นทางน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมกรุงเทพมหานครให้เร็วที่สุด โดยทางราชการได้ระดมเครื่องจักรหนัก เช่น รถเครน (เพื่อยกตู้คอนเทนเนอร์และถุงทรายยักษ์ วางบนพื้นถนนเพื่อขวางทางน้ำในเขตน้ำลึก) และขอให้ทางวัดพระธรรมกายระดมกำลังภาคประชาชน ช่วยกันนำกระสอบทรายขนาดเล็ก และบ่อวงซีเมนต์ ทำเป็นทำนบกั้นน้ำในช่วงที่ระดับน้ำมีความลึกไม่มาก
5. เมื่อวานนี้ (วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2554) กองทัพพลังประชาชน ทั้งพระภิกษุ, สามเณร, พี้น้องประชาชน จำนวนประมาณ 1,000 คน ได้กรีฑาทัพเข้าสู่สมรภูมิ เพื่อร่วมกันต้านภัยจากมวลน้ำขนาดยักษ์ด้วยความมุ่งมั่น ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เนรมิตทำนบกั้นน้ำยาวหลายร้อยเมตรขึ้น ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง ความรวดเร็วของภารกิจนี้ เปรียบได้กับกองทัพหนุมานจองถนนไปกรุงลงกาเลยทีเดียว ทุกคนทำงานด้วยหัวใจเกินร้อย เพราะต่างรู้ดีว่า “ตนกำลังทำภารกิจสำคัญ เพื่อกอบกู้กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหัวใจของประเทศ”
6. เมื่อเสร็จภารกิจขั้นต้น และได้เดินทางกลับแล้ว ภายหลังได้ทราบว่า มีผู้ที่พักอาศัยอยู่เหนือน้ำบางคน ไม่พอใจที่เมื่อกั้นน้ำไม่ให้ข้ามถนนพหลโยธินแล้ว ทำให้น้ำในบริเวณที่ตนเองพักอาศัยอยู่ เอ่อสูงขึ้น (ตามความเป็นจริงแล้ว ก็คงจะสูงขึ้นประมาณ 10-20 เซนติเมตรเท่านั้น เพราะพื้นที่เหนือน้ำกว้างหลายหมื่นตารางกิโลเมตร) มีผู้มาชุมนุมประท้วงกันประมาณ 30-40 คน และบังคับให้เครื่องจักรหนักของทางราชการหยุดทำงาน เรื่องนี้เราเข้าใจได้ว่า ผู้ที่อาศัยอยู่เหนือน้ำ ได้ถูกน้ำท่วมมาหลายวันคงจะเครียด เมื่อมีอะไรที่มากระทบก็ทำให้ไม่พอใจได้ง่าย เพียงแต่ปัญหาอุทกภัยครั้งนี้เป็นมหันตภัยที่คุกคามประเทศไทยของเราอย่างร้ายแรง การแก้ไขจำเป็นต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจและความเสียสละของทุกฝ่าย การจะดำเนินการแก้ไขเรื่องใดๆก็จะต้องมีผู้ได้รับผลกระทบอยู่บ้าง ขอให้ดูภาพรวมของประเทศ และทางรัฐบาลควรจะได้มีการเยียวยาช่วยเหลือผู้อยู่เหนือน้ำมากเป็นพิเศษ ถ้าพวกเราชาวไทยทุกฝ่ายเข้าใจและช่วยกันอย่างนี้ ปัญหาจะใหญ่แค่ไหน เราก็จะร่วมใจสามัคคีเอาชนะได้
7. ภารกิจการสกัดกั้นมวลน้ำที่ต้นแหล่งที่ไหลบ่าข้ามถนนพหลโยธิน ตอนนี้ก็คงต้องรอทางราชการทำความเข้าใจกับประชาชน เนื่องจากทางราชการเป็นหลักในการดำเนินการ ส่วนชาววัดพระธรรมกายก็จะยืนหยัดรักษาทำนบกั้นคลองระพีพัฒน์ช่วงคลองหนึ่งถึงคลองสามไว้ เพื่อยันมวลน้ำยักษ์ใหญ่ ลดผลกระทบที่มีต่อกรุงเทพมหานครให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมกับผลิตอาหาร, น้ำดื่ม, ยา, ของใช้ที่จำเป็น วันละหลายหมื่นชุด ออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยอย่างเต็มกำลังต่อไป
ศูนย์ประสานงานป้องกันอุทกภัยวัดพระธรรมกาย
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 8 - กู้ถนนช่วยชาวบ้าน เปิดทางกฐิน
พระภิกษุ, สามเณร ร่วมแรงร่วมใจกันป้องกันอุทภัยครั้งนี้อย่างเต็มที่
ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ป้องกันอุทกภัยในครั้งที่ทั้งกลางวันและกลางคืน
อุทกภัยในครั้งนี้ ถือเป็นอุทภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย ในรอบ 50 ปี
2. หากเรากั้นมวลน้ำจากทางเหนือไม่ให้ไหลบ่าข้ามถนนพหลโยธินลงมาได้ ภายใน 24 ชั่วโมงก็จะสามารถทยอยปิดประตูน้ำต่างๆได้ ทำให้ควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้ไหลลงไปมากเกินความสามารถของสถานีสูบน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำที่ท่วมรังสิต, คูคต, สายไหม, ดอนเมือง, และมุ่งเข้ากรุงเทพฯเขตชั้นใน จะเริ่มลดลง มหันตภัยที่กำลังคุกคามกรุงเทพฯเขตชั้นใน ซึ่งเป็นหัวใจของประเทศก็จะถูกควบคุมและขจัดไปได้
อุทกภัยในครั้งนี้ ถือเป็นอุทภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย ในรอบ 50 ปี
3. เมื่อทางรัฐบาลได้ทราบถึงต้นเหตุต้นแหล่งของมวลน้ำที่ไหลบ่าเข้าโจมตีกรุงเทพฯเขตชั้นในอยู่ในขณะนี้ จึงได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการกู้ถนนพหลโยธิน ช่วงกิโลเมตรที่ 55-79 ซึ่งจะได้ประโยชน์ถึง 3 ทาง กล่าวคือ
วัดพระธรรมกายจัดเตรียมอาหารพร้อมรับประทาน นำออกไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน
จากภัยน้ำท่วม ทุกวัน วันละหลายหมื่นชุด อย่างต่อเนื่อง
วัดพระธรรมกายจัดเตรียมอาหารพร้อมรับประทาน นำออกไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน
จากภัยน้ำท่วม ทุกวัน วันละหลายหมื่นชุด อย่างต่อเนื่อง
วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พุทธศักราช 2554
บทความ "ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม"
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 3 - ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 3
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 4 - ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมคลองระพีพัฒน์
ชาวคลองหลวงร่วมใจป้องกันภัยน้ำท่วม ตอนที่ 4 - ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมคลองระพีพัฒน์