View this page in: English
คำชี้แจงกรณีแนวชะลอน้ำบริเวณถนนพหลโยธิน
แนวคิดการป้องกันน้ำท่วมกทม.ชั้นในมวลน้ำขนาดใหญ่ที่ทะลักผ่านแนวคลองระพีพัฒน์ลงมาคลองรังสิตและเอ่อท่วมคูคต สายไหม ดอนเมือง หลักสี่ บางเขน มุ่งเข้าศูนย์กลางกทม.อยู่ในขณะนี้ ต้นทางมาจากน้ำจากอยุธยาที่บ่าข้ามถนนพหลโยธิน จากด้านทิศเหนือมาฝั่งทิศใต้ ช่วงกม.ที่ 55-79 ประมาณวันละ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับครึ่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลลงอ่าวไทย หากสามารถกันน้ำไม่ให้บ่าข้าม ถ.พหลโยธินได้ แรงกดดันที่มีต่อกทม.จะลดลงอย่างมาก และน้ำก้อนนี้ก็จะไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาออกสู่อ่าวไทยต่อไปน้ำที่บ่าข้าม ถ.พหลโยธินมีเป็นระยะๆ ช่วงที่สำคัญมี 3 แห่งคือ1. ช่วงกม.ที่ 55-57 น้ำบ่าข้ามยาว 1,500 เมตร ช่วงน้ำลึกสุด ~80 เซนติเมตร ยาว 600 เมตร2. ช่วงกม.ที่ 59-62 น้ำบ่าข้ามยาว 350 เมตร ช่วงน้ำลึกสุด ~50 เซนติเมตร ยาว 150 เมตร3. ช่วงกม.ที่ 65-66 น้ำบ่าข้ามยาว 800 เมตร ช่วงน้ำลึกสุด ~60 เซนติเมตร ยาว 400 เมตรปริมาณน้ำที่บ่าข้ามจากช่วงที่ 1 คิดเป็นเกือบ 70% ของปริมาณน้ำที่บ่าข้ามถ.พหลโยธินทั้งหมด หากควบคุมน้ำช่วงนี้ไม่ให้บ่าข้ามได้ ปัญหาก็จะคลี่คลายไปมาก และถ้าควบคุมน้ำช่วงที่ 2,3 ไม่ให้บ่าข้ามได้ด้วย ก็ถือว่าสกัดน้ำได้ถึง 90% เมื่อสกัดต้นน้ำตรงนี้ได้ มวลน้ำที่ลงไปยังคลองระพีพัฒน์จะลดลง สามารถปิดประตูน้ำพระอินทร์และประตูน้ำคลอง 1-6 ได้ น้ำที่ลงไปรังสิตและมุ่งสู่กทม.จะลดลง และสามารถเปิดใช้ ถ.พหลโยธินได้อีกครั้ง หากยังปล่อยให้ น้ำบ่าข้าม ถ.พหลโยธิน ช่วงนี้ต่อไป กว่าน้ำจากทางเหนือจะลดลง คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หมายถึง กทม.จะจมน้ำร่วมเดือน จึงจะระบายน้ำจากจุดนี้หมดวิธีป้องกันน้ำบ่าข้ามถนน1. ช่วงน้ำลึก 80 เซนติเมตร ขึ้นไป ใช้ตู้คอนเทนเนอร์ยาว 12 เมตร วางขวางทางน้ำ2. ช่วงน้ำลึกปานกลาง 40-70 cm. ใช้ถุงทรายยักษ์ขนาด 1 ตัน วางเรียงกันขวางทางน้ำ แล้วใช้ถุงทรายขนาดเล็กอุดตรงช่องรอยต่อ3. ช่วงน้ำตื้น 10-40 เซนติเมตร ใช้แท่งปูนยาว ~4 เมตร ของกรมทางหลวง วางเรียงต่อกันไป และใช้กระสอบทรายขนาดเล็กอุดช่องระหว่างรอยต่อ หรือใช้บ่อวงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร วางลงในน้ำแล้วเอากระสอบทรายขนาดเล็กอัดใส่ตรงกลางเพื่อให้มีน้ำหนักสู้แรงดันของน้ำได้ แล้วเอากระสอบทรายเล็กอุดตรงช่องรอยต่อ และวางทับด้านบน ป้องกันน้ำเอ่อล้นข้ามตอบคำถามเกี่ยวกับโครงการแนวชะลอน้ำถนนพหลโยธิน1. โครงการแนวชะลอน้ำ เป็นแผนงานของทางราชการ โดยมีหน่วยงานหลัก คือ กระทรวงกลาโหมและกระทรวงคมนาคม โดยสั่งการผ่านทางกรมทางหลวง และขอความร่วมมือมายังวัดพระธรรมกาย เพราะมีเครื่องมือและกำลังคน และประสบความสำเร็จในการป้องกันแนวคันกั้นน้ำบริเวณคลองระพีพัฒน์ ระหว่างคลอง 1-3 ไว้ได้ ทางวัดจึงส่งกำลังพระภิกษุ สาธุชน และชาวบ้านให้มาช่วยลำเลียงกระสอบทราย2. โครงการแนวชะลอน้ำของราชการ มีวัตถุประสงค์ เพื่อ2.1. เพิ่มผิวการจราจรบริเวณถนนพหลโยธิน ให้สามารถเปิดใช้เส้นทางการเดินรถไปสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด2.2. เพื่อให้มีเส้นทางเดินรถของทางราชการนำถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ปทุมธานีและอยุธยาได้รวดเร็ว2.3. เพื่อชะลอมวลน้ำที่เข้าพื้นที่เขตคลองหลวง รังสิต ดอนเมือง สายไหม และพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าจะชะลอน้ำได้ประมาณ 30-50% โดยมวลน้ำก็จะไหลไปตามคูคลองที่มีอยู่ตามปกติ ผนวกกับทางกรุงเทพมหานคร ก็มีการระดมสูบน้ำจากพื้นที่เขตชั้นใน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในกรุงเทพมหานครชั้นในลดลงได้อย่างรวดเร็ว3. หากมีการสร้างแนวชะลอน้ำในพื้นที่ถนนพหลโยธินได้สำเร็จ คาดว่าระดับน้ำในบริเวณใกล้เคียง แนวชะลอน้ำจะสูงขึ้นไม่เกิน 10 เซนติเมตร4. ข้อมูลของวัดพระธรรมกาย4.1. วัดพระธรรมกายได้ร่วมกับชาวบ้าน อำเภอคลองหลวง ตำบลคลอง 1-2-3 ช่วยกันสร้างแนวคันกั้นน้ำบริเวณคลองระพีพัฒน์ ความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร โดยมีการระวังตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือนร้อนจากน้ำท่วมของชาวบ้านกว่า 150,000 คน4.2. ปัจจุบันวัดพระธรรมกาย แพ็คถุงยังชีพบรรจุอาหารกระป๋องพร้อมรับประทานและน้ำดื่ม เพื่อแจกจ่ายในอำเภอคลองหลวงและพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 3,000 ชุดต่อวัน และผลิตอาหารสดพร้อมรับประทาน เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยในจังหวัดปทุมธานีและพื้นที่ใกล้เคียง ประมาณ 20,000 ชุดต่อวัน4.3. เฉพาะในพื้นที่ชุมชนรอบวัดพระธรรมกาย ทางวัดได้นำถุงยังชีพและอาหารพร้อมรับประทานและออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ทางเรือทุกวัน เพื่อช่วยผู้ประสบภัยในเขตพื้นที่ อำเภอคลองหลวง ระหว่างคลอง 1-5, พื้นที่อำเภอวังน้อย ระหว่างคลอง 1-4 และเขตนิคมอุตสาหกรรมนวนคร โดยเฉลี่ย 3,000-5,000 ชุดต่อวัน4.4. ขณะนี้วัดพระธรรมกาย ให้บริการรถบัสรับ-ส่งฟรี ตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 น. ทุกวัน ระหว่างเส้นทางมอเตอร์เวย์ (วงแหวนตะวันออก-ทล.9) -วัดพระธรรมกาย-บางขันธ์-หน้าตลาดไท เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางต่อรถไปที่สถานีขนส่งหมอชิตเพื่อกลับต่างจังหวัด โดยเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา4.5. ปัจจุบันวัดพระธรรมกายมีผู้คนที่อยู่ในวัดเกือบ 10,000 ชีวิต ประกอบด้วย พระภิกษุสามเณรทั้งประจำและวัดสาขากว่า 2,000 รูป อุบาสกอุบาสิกาและอาสาสมัครกว่า 1,000 คน สาธุชนที่มาช่วยแพ็คถุงยังชีพ, ผลิตอาหารแจกประชาชน, และแพ็คถุงทรายกว่า 4,000 คน ผู้อพยพมาพักค้างที่วัดโดยผ่านทางอบต.ประมาณ 1,400 คน และพนักงานของวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมเข้ามาพักค้างพร้อมครอบครัวอีกกว่า 1,000 คน อย่างไรก็ตาม อำเภอคลองหลวงยังอยู่ในเขตพื้นที่น้ำท่วม จึงเตรียมย้ายผู้อพยพไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยในศูนย์อบรมเยาวชนจังหวัดลพบุรีต่อไป5. ขอชี้แจงว่า การสร้างคันกั้นน้ำแนวคลองระพีพัฒน์ ระหว่าง คลอง 1-3 ความยาวประมาณ 8 กิโลมตร และการเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการแนวชะลอน้ำถนนพหลโยธินนั้น ทางวัดเป็นเพียงผู้ให้ความรวมมือ โดยประโยชน์ได้กับคนส่วนรวมและป้องกันกรุงเทพไม่ให้น้ำท่วมมากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ได้เป็นไปเพื่อวัดพระธรรมกายเท่านั้น แต่เป็นผลดีกับประชาชนและผู้ประสบภัยในเขตอำเภอคลองหลวง รังสิต ปทุมธานี สายไหม ดอนเมือง และเขตพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร (ดังรูป) อย่างไรก็ตาม วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2554 นี้ ทางวัดได้หยุดการดำเนินการในพื้นที่ถนนพหลโยธินแล้ว เพื่อรอความชัดเจนในการดำเนินการจากทางราชการต่อไปพระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวังโส
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ วัดพระธรรมกาย
27 ตุลาคม พ.ศ.2554