เราควรมีหลักในการให้พรอย่างไรบ้าง


[ 21 ก.ค. 2554 ] - [ 18271 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา
 
 
โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 
คำถาม: ยังไม่ทันแก่ก็มีลูกศิษย์ลูกหามาอวยพรปีใหม่ มากันหลายคน หลายกลุ่มไม่รู้จะให้พรอย่างไร ถ้าให้เหมือนกันทุกคนอย่างกับท่องจำคงไม่ดี หลวงพ่อมีหลักในการให้พรอย่างไรคะ ?
 
คำตอบ:  การให้พรเป็นการให้ความประเสริฐ ถ้ามองแล้วตัวเราไม่ได้มีความดีความประเสริฐอะไรเลย แต่พรุ่งนี้ลูกศิษย์ลูกหาจะมาขอพรจะเอาอะไรให้ ให้พรปาว ๆ เป็นนกแก้วนกขุนทอง พรก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ปู่ ย่า ตายายของเราเวลาท่านให้พร เรารู้สึกว่าพรของท่านศักดิ์สิทธิ์ มีความขลังอยู่ในคำให้พรนั้นด้วย
 
การให้พรเป็นการให้ความประเสริฐ
การให้พรเป็นการให้ความประเสริฐ
 
        ถามว่าพรศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน ? พรศักดิ์สิทธิ์ พรขลัง ให้ผลจริงจังตรงสัจจะของผู้ให้ บอกอย่างนี้บางคนนึกไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็ต้องให้ย้อนไปดูเรื่องเก่า ๆ ดูตำรับตำราโบราณ ดูเรื่องพระองคุลิมาลก็แล้วกัน
 
        พระองคุลิมาล ก่อนบวชท่านเป็นโจรฆ่าคนมาเป็นพัน ภายหลังเมื่อได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจึงสำนึกบาปได้ ขอบวชเป็นพระภิกษุตั้งใจบำเพ็ญเพียรอยู่ในสำนักของพระพุทธองค์ แต่เนื่องจากท่านเคยเป็นโจรที่มีชื่อเสียง ลือกระฉ่อนเรื่องฆ่าคนไม่เลือกหน้าระยะแรก ๆ เวลาออกบิณฑบาต ท่านไม่ค่อยได้อาหาร เพราะพอชาวบ้านจำหน้าได้ว่า คือโจรรองคุลิมาลก็ตกใจ เผ่นหนีกันไปหมด บางวันก็ถูกรุมขว้างปาจนเลือดอาบ
 
        วันหนึ่ง ท่านออกบิณฑบาตไปพบผู้หญิงท้องแก่กลางทางผู้หญิงคนนั้นพอจำได้ว่าเป็นโจรองคุลีมาล ก็ตกใจ วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน ในที่สุดก็หมดเรี่ยวแรงจะหนี ได้แต่อ้าปากผะงาบ ๆ ร้องไม่ออก ทำ ท่าจะตายเอาต่อหน้าต่อตา พระองคุลีมาลคิดช่วย แต่ทำอย่างอื่นไม่ได้จึงกล่าวคำให้พรขึ้น ในคำให้พรนั้นท่านอ้างสัจจะต่อคุณธรรมความดีที่ท่านมีก่อนว่า
 
        “นับแต่เมื่อข้าพเจ้าเกิดแล้วในอริยวงศ์ ได้บวชในสำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนบัดนี้ ความคิดที่จะเบียดเบียนรังแกสัตว์ แม้สักนิดไม่มีเลย ด้วยสัจจะนี้ขอน้องหญิงจงคลอดบุตรโดยสวัสดีเถิด”
 
        พอท่านกล่าวจบ หญิงผู้นั้นก็คลอดบุตรออกมาอย่างง่ายดายปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพระองคุลิมาลจะบรรลุเป็นพระอรหันต์
 
        อำนาจของสัจจะมีความศักดิ์สิทธิ์อย่างนี้ เพราะฉะนั้นเวลาเราจะให้พรใคร ขอให้อ้างสัจจะในคุณธรรม ความดีที่มีอยู่ในตัวเราก่อนอาจจะเป็นสัจจะในการทำงาน เช่น “ด้วยสัจจะที่ได้ตักบาตรแก่พระภิกษุสงฆ์เป็นประจำมาตลอดปี ขอให้ผู้มาขอพรนี้ จงมีอาหารการกินบริบูรณ์อย่าได้ขาด”  หรือ “ด้วยสัจจะที่เคยตัดใจให้สมบัติเป็นทานโดยง่ายขอให้ผู้รับพร จงได้สมบัติโดยง่ายเช่นกัน”
 
        ถ้าเราไม่ได้ตักบาตรประจำ แต่เข้าวัดปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิสม่ำเสมอตลอดมา ก็อ้างบุญกุศลที่นั่งสมาธิมิได้ขาด ให้บุญกุศลนี้ถึงแก่ผู้มาขอพร ให้เขามีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ถ้าเราเคยนั่งสมาธิเห็นองค์พระชัด ก็ขอให้เขา เมื่อปฏิบัติธรรม จงสามารถเข้าถึงองค์พระโดยง่าย เห็นองค์พระชัดใสเช่นกัน
 
        ใครที่เป็นครูบาอาจารย์ อยู่ในฐานะที่ลูกศิษย์ลูกหาจะต้องมากราบไหว้ มาขอมอบตัวเป็นศิษย์บ้าง มาขอพรเพื่อความสุขความเจริญของเขาบ้าง อาชีพครูเป็นอาชีพนักบุญ ใคร ๆ ต่างก็ตั้งความหวังว่าครูบาอาจารย์จะต้องมีความประเสริฐ ควรแก่การเคารพกราบไหว้เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นครูไม่รีบหาความประเสริฐใส่ตัว โดยปฏิบัติหน้าที่ครู หน้าที่ที่ควรมีต่อศิษย์ให้สมบูรณ์ ชาตินี้เห็นทีบัญชีบุญจะขึ้นตัวแดง เป็นหนี้ เนื่องจากถอนใช้ล่วงหน้าเสียแล้วนะ
 
        พวกเราทุกคนที่รู้ตัวว่าพรุ่งนี้จะมีลูกหลาน หรือคนที่เคารพนับถือเรามาขอพร แต่แหนงใจว่าตัวเองไม่มีความดีอะไรเลย ก็ยังไม่สายเกินไปหรอกนะ คืนนี้ก่อนนอนสวดอิติปิโสสัก ๑๐๘ จบ หรือนั่งสมาธิให้ตลอดคืน นี่ก็ยังเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่จะเอาไปอ้างได้ แม้จะเป็นความศักดิ์สิทธิ์เพียงคืนเดียว ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเสียเลยนะ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
การเอาอาหารไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษนั้นท่านจะได้รับหรือไม่การเอาอาหารไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษนั้นท่านจะได้รับหรือไม่

ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหมถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหม

เมื่อทำบุญแล้วควรอธิษฐานอย่างไรและควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่เมื่อทำบุญแล้วควรอธิษฐานอย่างไรและควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา