โรคภูมิแพ้ อาการและวิธีการรักษาโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้


[ 26 ส.ค. 2554 ] - [ 18271 ] LINE it!

โรคภูมิแพ้


หยูกยาน่ารู้

ตอน โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้
เรียบเรียงจากรายการสุขกายสบายใจ

โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้เป็นอย่างไร ?
 
โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ 

อาการจาม คันจมูก น้ำมูกไหลจาก
โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้

ทำความรู้จักโรคภูมิแพ้

 

โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้โรคที่บั่นทอนสุขภาพนักสร้างบารมี


          โรคภูมิแพ้เป็นโรคสุขภาพที่มีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้ ซึ่งส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ เกิดมาจากการฟุ้งกระจายของเกสรดอกไม้ปลิวมาตามอากาศ เมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้นก็คือเกสรดอกไม้เหล่านี้ ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 และ ครั้งที่ 4 ก็จะเกิดปฏิกิริยาขึ้นมาซ้ำๆ เรื่อยๆ มีการหลั่งสารแพ้ ฮิสตามีน (Histamin) ออกมา
 

อาการโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้


          ถ้ามีอาการทางตา ก็จะทำให้มีตาแดง บวมรอบตา มีน้ำตาไหล คันตา เป็นต้น ถ้ามีอาการทางจมูก ก็จะหายใจไม่ออก น้ำมูกไหล คันจมูก คันคอ ซึ่งผู้ที่มีอาการจะทรมานมาก
 

วิธีรักษาโรคภูมิแพ้


     วิธีรักษาโรคภูมิแพ้จะมีทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา แบบใช้ยาก็จะมีทั้งยารับประทาน ยาพ่นจมูก ยาหยอดตา แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ แอนตี้ฮิสตามีน (antihistamine) อีกกลุ่มหนึ่งเป็นพวกสเตียรอยด์ (Steroid) ก็ใช้ได้เช่นกัน

ยารักษาโรคภูมิแพ้


     1. ยารับประทาน อยูในกลุ่ม antihistamine หรือยาต้านภูมิแพ้ โดยส่วนใหญ่อยู่ในชื่อที่เรียกว่า คลอร์เฟนิรามีน (chlorpheniramine) หรือ CPN หรืออาทาแรกซ์ (Atarax) และยาอื่นๆ อีกหลายตัว ยาชนิดนี้เป็นยา antihistamine ในยุคแรกๆ ซึ่งมีผลข้างเคียงคือ ทำให้มีอาการมึนซึม และง่วงนอนได้
 
          จึงได้มีการพัฒนายา antihistamine ในรุ่นต่อมาเป็นยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วงนอน และรับประทานง่ายเพียงวันละ 1-2 ครั้ง ก็จะมีฤทธิ์บรรเทาอาการภูมิแพ้ได้ตลอดทั้งวัน เช่น ยา เซตไทรีซีน (Cetirizine) ลอราทาดีน (Loratadine)  รับประทานวันละ 1 ครั้งหลังอาหาร ยาเฟคซอลเฟนาดีน (Fexo Fenadine) รับประทานวันละ 1-2 ครั้งหลังอาหาร และยังได้มีการนำเอายา antihistamine มาผสมกับยาบรรเทาอาการคัดจมูก เป็นยาสูตรผสมเพื่อช่วยเสริมฤทธิ์ในการรักษาอีกหลายชนิด

 
ยาต้านโรคภูมิแพ้

ยารักษาโรคภูมิแพ้ ในกลุ่ม antihistamine หรือยาต้านภูมิแพ้
 
           2. ยาใช้เฉพาะที่ ซึ่งมีทั้งรูปแบบยาพ่นจมูก ยาทา และยาหยอดตา ยาพ่นจมูก ใช้บรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ที่มีอาการคัดแน่นจมูกตลอดเวลา เป็นระยะเวลานาน เป็นตัวยาจำพวกสเตียรอยด์ (Steroid) และยาลดการอักเสบ ยานี้จะไม่เห็นผลการรักษาในทันที อาการจะเริ่มขึ้นอีกเมื่อรักษาไปแล้ว 2 - 3 วัน ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน
 
     ยาทา เป็นยารักษาโรคภูมิแพ้ที่เกิดกับผิวหนัง ซึ่งการแพ้ผื่นคัน ยาทาเป็นยาจำพวกสเตียรอยด์ (Steroid) ใช้ทาบางๆ วันละ 1 - 2 ครั้งหลังอาบน้ำ ควรระมัดระวัง หากใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจมีผลทำให้ผิวบางได้ และระมัดระวังเป็นพิเศษในการใช้ยานี้กับเด็กเล็ก

     ยาหยอดตา ใช้สำหรับโรคภูมิแพ้ที่มีอาการคัน ระคายเคืองตา โดยหยอดวันละ 3-4 ครั้ง หรือหยอดทุก 2 - 4 ชั่วโมง ยาหยอดตาจะมีอายุหลังการเปิดใช้งานเพียง 1 เดือน เท่านั้น ยารักษาโรคภูมิแพ้มีมากมายหลายชนิด มีวิธีใช้และข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยา

การรักษาโรคภูมิแพ้แบบไม่ใช้ยา


           ส่วนท่านที่ไม่ชอบรับประทานยา ก็มีอีกทางเลือกหนึ่ง การรักษาแบบโดยไม่ใช้ยา จะเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ได้แก่ การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และการออกกำลังกายเป็นประจำ ก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมา

การป้องกันการเป็นโรคภูมิแพ้


           1. การป้องกันที่ดีที่สุดอันดับแรก คือ การใส่หน้ากาก (Mask) ในเวลาที่เราเดินทางออกจากบ้าน
 
หน้ากากอนามัย

หน้ากากอนามัยช่วยป้องกันการเป็นโรคภูมิแพ้ได้


            2. รับประทานยาสร้างภูมิป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงสิ่งที่เราแพ้ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ต้องทำร่างกายของเราให้แข็งแรง หรือรับประทานยาป้องกันไว้ โรคภูมิแพ้ยังเป็นโรคที่คุณหมอยังคงช่วยบรรเทารักษาไได้ 
 
     แต่ถ้าเป็นโรคแพ้ใจตัวเองแล้วล่ะก็ คงได้แต่เอาใจช่วย ในเมื่อปลาเป็นยังว่ายทวนน้ำฉันใด มนุษย์เราก็ต้องว่ายทวนกระแสกิเลสฉันนั้น
 
 

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้


สารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ที่พบได้ทั่วๆ ไป ซึ่งเป็นตัวการของโรคภูมิแพ้ที่แสนทรมาน ได้แก่
 
1. ฝุ่นบ้าน ตัวไรฝุ่นบ้าน - ซึ่งมักจะพบปะปนอยู่ในฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 มม. มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
 
2. เชื้อรา - มักปะปนอยู่ในบรรยากาศ ตามห้องที่มีลักษณะอับชื้น

3. อาหารบางประเภท - โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารจำพวก
 
- อาหารทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา อาหารอีกจำพวกที่พบได้บ่อยคือ แมงดาทะเล ปลาหมึก อาจทำให้เกิดลมพิษผื่นคันได้บ่อยๆ อาจจะมีเด็กบางคนแพ้ไข่แมงดาทะเลอย่างรุนแรง จนทำให้มีอาการบวมตามตัว หายใจไม่ออก เป็นต้น

- อาหารประเภทหมักดอง เช่น ผักกาดดอง เต้าเจี้ยว น้ำปลา เป็นต้น


- เด็กบางคนอาจแพ้เห็ด ซึ่งจัดว่าเป็นราขนาดใหญ่


- เด็กบางคนแพ้ไข่ขาว อาจทำให้เกิดอาการผื่นคันบนใบหน้าได้


- บางคนอาจจะแพ้ผลไม้ จำพวกที่มีรสเปรี้ยวจัด กลิ่นฉุนจัด เช่น ทุเรียน ลำใย สตรอเบอรี่ กล้วยหอม และอื่นๆ
 
4. แมลงต่างๆ - แมลงที่มักอาศัยอยู่ภายในบ้าน เช่น แมลงสาบ แมงมุม มด ยุง ปลวก และแมลงที่อาศัยอยู่นอกบ้าน เช่น ผึ้ง แตน ต่อ มดนานาชนิด เป็นต้น
 
5. เกสรดอกหญ้า ดอกไม้ ตอกข้าว วัชพืช สิ่งเหล่านี้มักปลิวอยู่ในอากาศตามกระแสลม ซึ่งสามารถพัดลอยไปได้ไกลๆ หรืออาจเป็นลักษณะขุยๆ ติดตามมุ้งลวดหน้าต่าง เกสรดอกหญ้าที่ปลิวมาตามสายลม
 
6. ขนสัตว์ - ขนของสัตว์เลี้ยงเป็นต้นเหตุของโรคภูมิแพ้ เช่น ขนแมว ขนสุนัข ขนนก ขนเป็ด ขนไก่ ขนกระต่าย หรือแม้แต่ขนนก ขนเป็ด หรือขนไก่ที่ตากแห้งใช้ยัดที่นอนและหมอน สำหรับนุ่น ฟองน้ำ ยางพารา ใยมะพร้าว เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานก็จะสามารถเป็นสารก่อภูมิแพ้ได้


โรคภูมิแพ้

แผนผังวิบากกรรมที่ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้

 
โรคภูมิแพ้ 
 
 
ขอเชิญรับชมวีดิโอเพื่อสุขภาพ ตอน โรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้
 
 
 
 

บทความน่าอ่านมากๆ เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้

วิบากกรรมที่ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
การผ่าฟันคุดหลังผ่าตัดไม่กี่วันก็หาย ไม่น่ากลัวและช่วยให้หน้าเรียวขึ้นได้จริงหรือไม่การผ่าฟันคุดหลังผ่าตัดไม่กี่วันก็หาย ไม่น่ากลัวและช่วยให้หน้าเรียวขึ้นได้จริงหรือไม่

การใช้ไหมขัดฟัน ประโยชน์และวิธีการใช้ไหมขัดฟันเพื่อลดฟันผุการใช้ไหมขัดฟัน ประโยชน์และวิธีการใช้ไหมขัดฟันเพื่อลดฟันผุ

รักษารากฟัน ตอนที่ 1รักษารากฟัน ตอนที่ 1



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

สุขภาพและวิธีการดูแลสุขภาพของนักสร้างบารมี