โรคภูมิแพ้ การรับมือกับโรคภูมิแพ้


[ 27 ต.ค. 2555 ] - [ 18278 ] LINE it!

โรคภูมิแพ้


การรับมือกับโรคภูมิแพ้
เรียบเรียงจาก รายการ ทันโลกทันธรรม
 
โรคภูมิแพ้
     



โรคภูมิแพ้


 

         ในปัจจุบันนี้ คนไทยครึ่งประเทศที่มีอาการของโรคภูมิแพ้
     ภูมิแพ้
คือ อาการปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ มี 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกก็คือ สารที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมซึ่งคนปกติธรรมดาทั่วไปก็จะอยู่ได้อย่างปกติ แต่สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้สิ่งเหล่านี้จะไปก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ 
ลักษณะอาการแพ้ที่มาจากระบบการหายใจ ซึ่งมาจากโพรงจมูกอักเสบ
        ส่วนที่สอง คือสารที่ก่อภูมิแพ้ ปฏิกิริยาด้านภูมิต้านทานของร่างกาย สารที่เราพบเจอและสัมผัสกันอยู่เป็นประจำทั่วไป เช่น ควันไอเสียรถยนต์ แบคทีเรีย เชื้อรา ขนสัตว์ หรือโมเลกุลในอาหาร อาจส่งผลให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ สรุปคือ ไม่ว่าจะเป็นทางอาหาร ทางอากาศ การแตะต้องหยิบจับสัมผัส ล้วนมีผลทั้งสิ้น   
สาเหตุโรคภูมิแพ้
 ฝุ่น ควันร่วมถึงมลพิษในอากาศล้วนมีผลทำให้เกิดอาการภูมิแพ้  

เหตุที่ทำให้มนุษย์เกิดอาการภูมิแพ้ คือระบบในร่างกายที่ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้  

 - เริ่มตั้งแต่ผิวหนังของคนเรา สิ่งที่มากระทบสัมผัสกับผิวหนังของคนเรามีมากมาย เช่นผงซักฟอก สบู่ ฝุ่นละอองขนสัตว์ต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีสิทธิ์เป็นสารก่อภูมิแพ้
- การหายใจ คือ เยื่อบุโพรงจมูก หลอดลม ไล่ไปจนถึงบอด ภูมิแพ้ที่เกิดจากเยื่อบุโพรงจมูก จะทำให้มีน้ำมูกไหล เป็นช่วงๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราแพ้อะไร เช่นถ้าเราแพ้ไรฝุ่น ภายในบ้านเราก็จะมีอาการน้ำมูกไหลตลอดเวลา ถ้าในส่วนของโพรงจมูก ก็จะทำให้เราเป็นไซนัส จะมีเสมหะไหลลงคอ จะมีอาการปวดมึนศีรษะ ถ้าเป็นในส่วนของหลอดลม ก็จะมีอาการหอบหืดหายใจไม่ได้
- ระบบทางเดินอาหาร คือ อาการแพ้อาหารที่เรารับประทานเข้าไป จริงๆ แล้วบางคนอาจจะแพ้ตัวอาหาร บ้างคนอาจจะแพ้สารปลอมปนที่ปนเปื้อนมากับอาหาร เช่นอาหารทะเลที่มีการแช่แข็งซึ่งจะมีการเติมฟอร์มาลีนลงไปในน้ำแข็งเพื่อป้องกันการเน่าเสีย นอกจากอาหาร อากาศ ก็จะมีอีกอย่างคือ การแพ้ยา เพราะยาคือสารเคมีที่ผ่านการสังเคราะห์ เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดการแพ้ก็จะพบว่าเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง  

โรคภูมิแพ้

ตัวไรฝุ่นซึ่งมีขนาดเล็กมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่เป็นภูมิแพ้ 
        อาการที่สนับสนุนการเกิดภูมิแพ้ คือ ความเครียด ถ้าเรามีความเครียดต่อมหมวกไตจะทำงานได้น้อยลง ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายขึ้น หรือแม้แต่การพักผ่อนน้อย ภูมิต้านทานในร่างกายก็จะอ่อนแอลง
        โดยภาพรวมคนส่วนใหญ่ที่มีอาการภูมิแพ้ คือมีน้ำมูกไหล เกิดผื่นคัน ซึ่งดูแล้วไม่ใช่อาการมากมายหรือเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต แต่ในความเป็นจริงมันทำให้คุณภาพชีวิตของเราลดลงอย่างมากเลยที่เดียว
        โรคภูมิแพ้เป็นโรคทางพันธุกรรม ถ้ามีคนในครอบครัวของเราเป็น ตัวเราก็จะมีโอกาสเป็นได้ทั้งนี้ก็รวมรวมไปถึงสิ่งสภาพแวดล้อมที่อยู่ที่พักอาศัยของเราด้วยเช่นกัน
 
ยาแก้แพ้

ยาแก้แพ้ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ในระดับหนึ่ง

วิธีการป้องกัน

- ลดความเครียด
- ป้องกันตนเองจากสารปลอมปน เช่นที่พักอาศัยควรมีเครื่องฟอกอากาศ มีการระบายอากาศที่ดี ลดปริมาณฝุ่นละอองให้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การใช้เคมีน้ำหอมต่างๆ เลือกอาหาร สดใหม่ ที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด

วิธีการรักษาโรคภูมิแพ้

-การทานยาแก้แพ้ ซึ่งความจริงก็เป็นระงับอาการแค่ชั่วคราว ไม่ได้ทำให้หายขาด
-ยายับยั้งการเกิดปฏิกิริยา คืออาการแพ้ยังไม่เกิดแต่ตัวยาเหล่านี้จะเข้าไปยับยั้งการเกิดปฏิกิริยา
-การฉีดวัคซีน ซึ่งวิธีนี้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้หายขาดจากอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นเช่นกัน 
ป้องกันโรคภูมิแพ้
การออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้
        การรักษาอาการภูมิแพ้ที่ดีที่สุด คือการออกกำลังกาย การทำสมาธิ โยคะ การฝั่งเข็ม หรือใช้วิธีการพิษแก้พิษ โดยใช้วัคซีนจากเลือด คือในเลือดของคนเราจะมีภูมิต้านทานที่ไม่ดีอยู่ เราก็นำเลือดมาปรับให้กลายเป็นตัวกระตุ้นที่จะสร้างภูมิต้านทานอีกอันหนึ่งขึ้นมาทำลายตัวมันเอง ซึ่งวิธีนี้ทางประเทศเยอรมันได้พัฒนาและใช้อยู่ มีบางประเทศก็จะหันมาใช้วิธีการแบบโบราณ เช่นอิตาลี ก็จะใช้วิธีการนำเลือดออกมาจากตัว 5cc แล้วนำมาฉีดตัวเองโดยไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่งเช่นกัน
  

การรับมือกับโรคภูมิแพ้ตามหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

        ปัจจุบันมีคนเป็นโรคภูมิแพ้เยอะมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจว่าสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อม มลพิษ สภาวะอากาศต่างๆ มากมาย ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ก็มีส่วน แต่สาเหตุจริงๆ ของโรคภูมิแพ้คือเรื่องของกรรมพันธุ์ ทางการแพทย์เริ่มค้นพบว่า บางอย่างบางคนแพ้ บางคนไม่แพ้ ก็ได้พบว่า ยีน โครโมโซมมีความแตกต่างกันในรายละเอียด ซึ่งตรงนี้ตรงกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ ในบทสวดมนต์ อภิณหปัจจเวขณะ จะมีบทกล่าวไว้ว่า กัมมัสสะโกมหิ กัมมะทายาโท เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กัมมะปะฏิสะระโน มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  เราจะทำกรรมดีหรือไม่ดีอย่างไร สุดท้ายเราก็ต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น  ยัง กัมมัง กะริสสามิ เราทำกรรมใดไว้ กัลยาณังวา ปาปะกังวา ดีหรือชั่วก็ตาม ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ เราจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น 
        
        ไม่ว่าจะเป็นทั้งกรรมในอดีตที่ส่งผลทำให้กรรมพันธุ์ของเราเองมีความแปลกแตกต่างจากคนอื่น รวมทั้งกรรมปัจจุบันของเรา เพราะฉะนั้นเวลาดูต้องดูทั้งสองอย่างประกอบกัน คือกรรมในอดีตและกรรมปัจจุบัน

เจ้าหญิงโรหิณี

          มาดูเรื่องในอดีต มีเรื่องราวอรรถกถาธรรมบท กล่าวไว้อย่างนี้ว่า วันหนึ่งพระอนุรุทธ ซึ่งท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นเจ้าชายในศากยวงศ์แล้วออกบวช ท่านได้พาสาวก 500 รูป ที่เป็นลูกศิษย์ของตัวเองเดินทางไปเยือนกรุงกบิลพัสด์ก็มีพระญาติมารอต้อนรับเต็มไปหมด ยกเว้นเจ้าหญิงโรหิณีพระน้องนางไม่ได้มา ท่านเลยให้คนไปตาม สุดท้ายเจ้าหญิงโรหิณีก็มา ท่านจึงได้สอบถามว่าเหตุใดจึงไม่มาต้อนรับท่าน เจ้าหญิงโรหิณีก็ได้ตอบท่านไปว่าอาย ไม่กล้าเจอใครเพราะนางป่วยเป็นโรคผิวหนัง มีตุ่มพุผองเกิดตามผิวหนังเต็มไปหมด พระอนุรุทธเลยกล่าวว่า “ดูก่อนน้องหญิง ก็การที่เธอจะทำบุญนั้นไม่ควรรึ” เจ้าหญิงโรหิณีก็สอบถามว่าแล้วจะให้เธอทำบุญอะไรดี พระอนุรุทธก็แนะนำว่าให้สร้างหอฉัน เจ้าหญิงโรหิณีจึงถามว่า “แล้วจะเอาอะไรไปทำ” พระอนุรุทธก็แนะนำอีกว่า “เครื่องประดับของเธอก็มีอยู่” พระนางก็เห็นดีด้วยที่จะขายเครื่องประดับแล้วก็ให้หมู่ญาติช่วยกันร่วมสร้างหอฉัน พระอนุรุทธท่านก็แนะนำให้สร้างหอฉันเป็น 2 ชั้น แล้วเมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ให้มาปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดอย่าได้ขาด เจ้าหญิงโรหิณีก็ทำตามคำแนะนำทุกอย่าง ปรากฏว่าผิวหนังที่เคยพุพองตามตัวของเธอก็ยุบลงเหลือแต่ร่องรอย ต่อมานางก็ได้กราบทูลอาราธนาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกมาฉันภัตตาหารที่หอฉัน
 
เจ้าหญิงโรหิณีหายจากโรคผิวหนังเพราะนางได้ตั้งใจทำบุญอย่างสม่ำเสมอด้วยจิตที่ผ่องใส
        ในวันที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา เจ้าหญิงโรหิณีก็ไม่กล้ามาเพราะความอายที่ผิวหนังของเธอยังมีร่องรอยของแผลที่เคยพุพอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเมตตาให้คนไปตามเจ้าหญิงมา หลังจากนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสถามนางว่า เหตุใดนางถึงไม่กล้ามา เจ้าหญิงโรหิณีเลยบอกเหตุผลไปตามความเป็นจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ระลึกชาติและก็ได้ตรัสให้เจ้าหญิงได้รับทราบถึงสาเหตุที่ทำให้นางเกิดแผลพุพองตามตัว ซึ่งเกิดเพราะความโกรธของนางเอง คือ เมื่อภพในอดีต นางเคยเป็นอัครมเหสีของพระเจ้าพาราณสี และเคยได้ผูกโกรธหญิงนักฟ้อนคนหนึ่งเพราะเธอรูปร่างหน้าตาดี เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าพาราณสี เพราะนางก็กลัวจะโดนแย่งความรัก เลยให้คนไปนำลูกเต่าร้างนำมาโรยบน บนที่นอนและบนตัวของหญิงนักฟ้อน ทำให้หญิงนักฟ้อนเกาจนผิวหนังเป็นแผลได้รับความทุกข์ทรมารมาก และผลแห่งวิบากกรรมนี้ก็ส่งผลทำให้เจ้าหญิงโรหิณีผิงหนังพุพองโดยไม่มีสาเหตุในภพชาตินี้ ให้เจ้าหญิงตั้งใจดูแลทำความสะอาดเช็ดถูหอฉันด้วยความตั้งใจต่อไปแล้วผลของวิบากก็จะคลี่คลายไปเอง
        เจ้าหญิงโรหิณีก็ได้ตั้งใจรับบุญตามคำแนะนำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระอนุรุทธ ในที่สุดโรคร้ายก็หายไป
   
รับประธานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ใหม่ สด สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารปนเปื้อน 
       เราจะเห็นได้ว่าโรคภูมิแพ้ มีวิบากกรรมที่มาจากอดีต และยังมีกรณีตัวอย่างอีกมากมาย เช่นมีอยู่รายหนึ่ง เดิมก็ดีๆ อยู่ พออายุ 19 ก็เป็นโรคภูมิแพ้แสงแดด คือพอเจอแดดก็มีอาการทุรนทุรายผิวหนังบวมแดงเห่อขึ้นมา แล้วมีปัญหาโรคไตด้วย จนกระทั่งไตพิการ แม่ต้องเอาไตข้างหนึ่งมาให้ลูกแทน เรื่องก็คือในอดีตชาติ ตอนเป็นเด็ก ด้วยความซน ไปเอาปลาที่อยู่ในโอ่งให้มันมาดิ้นอยู่กลางแดดโดยการเขี่ยไปเขี่ยมา เมื่อวิบากกรรมตามมาทัน ในชาตินี้ก็กลายเป็นโรคแพ้แดดอย่างหนัก บางคนเผาที่นาควันโขมง รบกวนทั้งคนและสัตว์ทำให้แสบตาแสบจมูก คนที่ทำกรรมประเภทนี้ก็จะทำให้แพ้พวกเกสรดอกไม้ หรือบางคนที่เป็นหอบหืด ก็มักจะมาจากวิบากกรรมใช้แรงงานสัตว์จนเกินกำลัง เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่ไม่ดีอย่าไปทำ บางคนก็มีอาการแพ้แปลกๆ เช่นกลัวนก กลัวเต่า กลัวผลไม้ ส่วนใหญ่ก็จะมีเหตุมาจากอดีตชาติ เช่นคนที่กลัวผลไม้บางชนิด เพราะในอดีตบังคับให้คนอื่นทานผลไม้ชนิดนั้น ส่วนคนที่กลัวเต่าเพราะอดีตเคยเอาเต่าไปขู่คนอื่นให้กลัวให้ตกใจ พอวิบากกรรมตามทันเลยทำให้ตัวเองพอเจอเต่าก็ตกใจและก็กลัวไปเลย
        เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำอะไรให้คนอื่นเดือดร้อนทั้งทางกาย ทางใจเราควรจะหลีกเลี่ยงอย่าทำ เราก็จะพ้นจากวิบากกรรมเหล่านั้นได้ แต่ถ้าหากภูมิแพ้เกิดขึ้นกับเราแล้ว เราก็ใช้วิธีแก้ไขแบบเจ้าหญิงโรหิณี ให้ทำตามแนวทางที่พระอริยบุคคลที่ท่านให้หลักกับเราไว้ในอดีต รวมทั้งการปล่อยสัตว์ปล่อยปลา การถวายยากับพระภิกษุสงฆ์ การถวายภัตตาหาร
        กรรมในปัจจุบันถ้าเราสังเกตดีๆ เราจะพบถึงที่มาที่ไป เช่นในประเทศญี่ปุ่น คนจะเป็นโรคภูมิแพ้เกสรดอกไม้กันเยอะ เพราะเขาค้นพบว่า ป่าสุงิ หรือว่าป่าสนตระกูลหนึ่งซึ่งปลูกแล้วสวยดีโตเร็วเขียวขจี เลยระดมปลูกกันทั้งประเทศเพื่อทดแทนป่าที่โดนโค่น เมื่อมีมากเกินไป พอถึงเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนมีนาคมละอองเกสรที่ปล่อยออกมาไม่ต่างกับเมฆปกคุลมไปทั่วเมือง จนทำให้เกิดโรคภูมิแพ้กันมากมายในประเทศญี่ปุ่น กับคนบางคนอาจจะไม่แพ้ แต่ถ้าเมื่อไหร่เริ่มแพ้ หลังจากนั้นก็จะแพ้ตลอด เพราะตามหลักทางการแพทย์คือเกสรดอกไม้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง ฮิสตามีน (Histamin) ขึ้น แล้วก็มีต่อมรับว่าเมื่อเจอเกสรดอกไม้เมื่อไหร่ก็จะเกิดปฏิกิริยาทันที ที่สำคัญเราจะต้องดูแลร่างกายของเราให้แข็งแรงอย่าประมาทเพราะถ้าเราดูแลตัวเองไม่ดี ปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอ ก็จะเป็นการเปิดช่องให้วิบากกรรมของเราส่งผลได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องทำความเข้าใจเรื่องของวิบากกรรมในอดีตและกรรมในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้เรารับมือและก็หลีกเลี่ยงโรคภูมิแพ้ให้กับตนเองได้
 
ติดตามรายการทันโลกทันธรรมทีรวบรวมสาระความรู้มากมายทั้งทางโลกและทางธรรม
โดยพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ
 

รับชมคลิปวิดีโอการรับมือกับโรคภูมิแพ้
ชมวิดีโอการรับมือกับโรคภูมิแพ้   Download ธรรมะการรับมือกับโรคภูมิแพ้


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ข้อคิดรอบตัว เรื่อง วัดพระธรรมกายตอนที่ 1ข้อคิดรอบตัว เรื่อง วัดพระธรรมกายตอนที่ 1

ทุกวันอาทิตย์ เสา E6 รวมพลัง dmc.tvทุกวันอาทิตย์ เสา E6 รวมพลัง dmc.tv

ทบทวนบุญวันมาฆบูชา วันที่ 28 ก.พ. 2553ทบทวนบุญวันมาฆบูชา วันที่ 28 ก.พ. 2553



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

Review รายการ