วัดเกาะพญาเจ่ง
วัดเกาะพญาเจ่ง
วัดไทย ในจังหวัดนนทบุรี
พญาเจ่งคุมกองพันร่วมฟันฝ่า พร้อมเจ้าตาสู้พม่ากลางสมร
พลีเลือดเนื้อกู้เอกราชชาติไทยมอญ แต่การก่อนหลายร้อยปีที่ผูกพัน
ครั้นเสร็จศึกสร้างวัดสลัดบาป แสวงบุญชำราบหทัยใส
สร้างวัดเกาะเกิดกุศลผลอนันต์ โชติชีพพลันเรืองรุ่งเกรืองกรุงไกร
วัดเกาะพญาเจ่ง หรือ วัดเกาะบางพูด
ผสานศิลปะวัฒนธรรมของชาวมอญ
ประวัติความเป็นมาและผู้สร้างวัดเกาะพญาเจ่ง
วัดเกาะพญาเจ่งนั้น มอญเป็นชนชาติที่อยู่ร่วมแผ่นดิน ร่วมทุกข์
ร่วมสุขกับคนไทยมาหลายร้อยปีมีความผูกพันทางสายเลือดและทางวัฒนธรรมที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่ชาวมอญเข้ามาตั้งถิ่นฐานกันมาก จึงมีวัดมอญเรียงรายอยู่สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ทั้งวัดที่ชาวบ้านสร้างเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและวัดที่เจ้านายสร้าง
เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของผู้คน "วัดเกาะบางพูด" ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ ๓
ในยุคสมัยนั้นบุตรหลานของท่านได้เป็นเจ้าเมืองนครเขิ่นขัน และฝ่ายสตรีท่านหนึ่งเป็นเจ้าจอมมารดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นอาคารก่ออิฐขนาดใหญ่
วัดเกาะบางพูด จึงได้รับการบูรณะอย่างงดงามสมศักดิ์ศรีวัดเจ้าพระยา เป็นวัดที่มีอุโบสถขนาดใหญที่สุดในอำเภอปากเกร็ด มีความกว้าง ๑๐ เมตร ๕๐ เซนติเมตร ยาว ๒๒ เมตร รูปทรงอุโบสถเป็นอาคารก่ออิฐถึงปูน หลังคาทรงไทยมุงกระเบื้องมีชั้นรถ ๒ ชั้น เป็นลักษณะหลังคาคลุมรอบอุโบสถ ยกหลังคาด้วยเสานางเรียงสี่เหลี่ยมยกมุม เป็นรูปแบบศิลปกรรมที่นิยมสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓ หน้าบรรณแบ่งเป็น ๒ ตอนภาพตอนบนแกะเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ตอนล่างเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑอยู่ระหว่างช่องหน้าต่าง ๒ บาน เป็นการผสมผสานรูปแบบอยุธยากับรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซุ้มเรือนแก้วเหนือกรอบประตูและหน้าต่างแกะปูนเป็นแจกันดอกไม้แห่งความอุดมสมบูรณ์ เป็นรูปแบบศิลปะที่นิยมตกแต่งงานก่อสร้างในซีกโลกตะวันตกที่ไทยได้รับอิทธิพลเข้ามา
ประดิษฐานพระประธานสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์
อุโบสถวัดเกาะพญาเจ่ง
ลานอุโบสถด้านหน้าตรงมุมกำแพงแก้วมีพระปรางเจดีย์ด้านละองค์ เข้าใจว่าใช้บรรจุอัฏฐิของท่านผู้สร้างและผู้บูรณะพระอารามแห่งนี้ รอบอุโบสถมีซุ้มสีมาทรงโกฎ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ ผนังโบสถ์เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังถึงแม้จะลบเลือนไปบ้างแต่ยังคงความงาม ด้านซ้ายและชวาเป็นภาพเทพชุมนุม แถวบนเป็นภาพพระพุทธองค์อยู่ในซุ้มเรือนแก้วมีภิกษุอยู่ซ้ายขวา แถวถัดลงมาเป็นภาพเทวดาศักดิ์ใหญ่ขั้นได้พัดยศ ล่างสุดเป็นภาพเทวดาถือดอกบัว ถัดลงมาจากนั้นเป็นภาพเรื่องราวทศชาติชาดกเป็นอดีตชาติที่สำคัญ ๑๐ ชาติของพระพุทธองค์ ฝีมือการเขียนน่าจะเป็นช่างหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๔ ภาพเขียนที่บานหน้าต่างอุโบสถเป็นภาพเทวดาถือพระขันธ์
พระพุทธรูปปางปรินิพพาน
ลักษณะพิเศษของพระพุทธรูปปางปรินิพพาน
ในอุโบสถยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ซึ่งมีตำนานเล่าว่าเมื่อกษัตริย์ทั้งหลายได้หอบพระสรีระของพระพุทธองค์ด้วยผ้าขาวและสำลี ๕๐๐ ชั้นแล้ว ได้นำขึ้นจิตกาธานเพื่อถวายพระเพลิงแต่ไม่อาจจุดไฟให้ติดได้ จนกระทั่งพระกัสสปะมหาเถระน้อมกายกราบพระสรีระ พระพุทธองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ให้พระมหากัสสปะเห็นพระพุทธบาทยื่นออกมาจากโลงทอง
อนุสรณ์สถาน "พระนางเรือล่ม"
วัดเกาะบางพูด ยังมีอาคารอื่นๆที่บุตรหลานสกุล "คชเสนีย์" ได้สร้างไว้ เช่น วิหาร ศาลาราย และอื่นๆ เพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษและได้ขอเปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดเกาะพญาเจ่ง" เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๗ ถัดจากวัดไปไม่ไกลเป็นอนุสรณ์สถานทรงเจดีย์สร้างเพื่อรำลึกถึงพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์หรือ "พระนางเรือล่ม" พระอัครมเหสีในพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังบางปะอิน เรือพระที่นั่งลงร่มใกล้กับวัดเกาะแห่งนี้ พระนางและพระโอรส ธิดา ทรงสวรรคตทุกพระองค์ ยังความโทมนัสและอาลัยรักต่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยิ่งนัก พระองค์จึงทรงสร้างไว้เพื่อรำลึกถึงและประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้
รับชมวิดีโอ