อานุภาพหลวงปู่ ตอน แปลงร่างเป็นยักษ์กับเรียนวิชชาแปลงเพศ


[ 9 พ.ค. 2556 ] - [ 18278 ] LINE it!

แปลงร่างเป็นยักษ์กับเรียนวิชชาแปลงเพศ
 
อานุภาพปาฏิหาริย์ของหลวงปู่วัดปากน้ำ
 

        เรื่องนี้..เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับญาณทัสสนะที่หลวงปู่สามารถหยั่งรู้ได้อย่างเหลือเชื่อว่า  ลูกศิษย์ของท่านไปทำอะไร..ที่ไหน..อย่างไร...!! อย่างเรื่องของ  คุณยายทองสุข  สำแดงปั้น  ซึ่งท่านเป็นแม่ชีที่ทำวิชชาปราบมารกับหลวงปู่ อีกทั้งยังเป็นมือเผยแผ่วิชชาธรรมกายมือหนึ่งของหลวงปู่อีกด้วย

      เรื่องราวต่อไปนี้..เป็นเรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่คุณยายทองสุขเข้าถึงธรรมแล้ว  และเริ่มเรียนวิชชาธรรมกายกับหลวงปู่ใหม่ๆ ซึ่งคุณยายทองสุขถึงกับพูดว่า “ช่วงนั้น..มันช่างอยากรู้อยากเห็นไปเสียทั้งนั้น..!!!”

      ด้วยความอยากรู้อยากลองของคุณยายทองสุขนี้เอง  ท่านจึงมักแอบหลวงปู่ไปเที่ยว และการไปเที่ยวของท่านก็ไม่ได้ใช้กายมนุษย์หยาบไปหรอก  แต่ท่านไปด้วยสมาธิญาณของท่าน  และปกปิดไม่ให้หลวงปู่รู้  เพราะกลัวหลวงปู่ดุ..หาว่าไม่ตั้งใจแก้ทุกข์ภัยมนุษย์ ในขณะที่อยู่เวรในโรงงานทำวิชชา  แต่ที่ไหนได้..แม้คุณยายทองสุขจะแอบไปอย่างแนบเนียนมากขนาดไหน  หลวงปู่ก็จับได้ทุกทีเพราะหลวงปู่สามารถรู้ได้ด้วยญาณทัสสนะของท่าน

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง  ช่วงนั้นหลวงปู่ท่านกำลังคิดจะสร้างโรงเรียนพระปริยัติ  ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล  ทำให้คุณยายทองสุขเป็นกังวลแทนหลวงปู่ว่าจะไปหาเงินมาจากไหน  แต่หลวงปู่ท่านก็บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกไอ้สุข..โคตรทองยังมี..เอ็งยังไม่เคยเห็น..!!!”

    พอหลวงปู่พูดประโยคนี้ออกมาเท่านั้นเอง  คุณยายทองสุขอยากรู้อยากเห็นมาอย่างแรงว่า..โคตรทอง..อยู่ไหน..หน้าตาเป็นยังไง!!!  จากนั้นท่านก็ไม่รอช้า  แอบไปตามหาโคตรทองในสมาธิญาณของท่านอยู่หลายครั้ง  แต่หาเท่าไรก็หาไม่พบ  จนสุดท้ายท่านหมดปัญญา  จึงแอบไปถามม้าแก้ว  ถึงได้รู้ว่า  โคตรทองอยู่ในถ้ำ..ทางทิศตะวันออก.!!!

    จากนั้นคุณยายทองสุขก็ให้ม้าแก้วช่วยไปหาถ้ำของยักษ์แต่หาเท่าไร..ก็หาไม่เจอสักที  แต่สิ่งที่เจอก็คือ  พระภูมิเจ้าที่ขี่เสือ คุณยายทองสุขท่านก็เลยถามพระภูมิว่า  “ถ้ำที่มีโคตรทองอยู่ตรงไหน.?”  ซึ่งพอพระภูมิเจ้าที่ชี้ทางให้  คุณยายทองสุขก็ไม่รอช้ารีบขี่ม้าแก้วเหาะไปตามทางนั้น
 
    และทันใดนั้นเอง !!!  ท่านก็ได้มาเจอปากถ้ำยักษ์จนได้จากนั้นท่านก็รอให้ยักษ์หน้าโฉด 2 ตน  เดินออกไปที่อื่นก่อน  และพอยักษ์ออกไปแล้ว  ท่านก็ฉวยโอกาสเข้าไปผลักประตู  เพื่อจะบุกเข้าไปในถ้ำทันที  แต่อนิจจา..โชคไม่เข้าข้าง..เนื่องจากประตูล็อค แต่จู่ๆ ..ก็มีเสียงเจ้าลิงจ๋อ..โผล่มาจากไหนก็ไม่ทราบ  คุณยายทองสุขก็เลยถามเจ้าลิงจ๋อตัวนั้นว่า กุญแจอยู่ที่ไหน..ช่วยหยิบให้หน่อยเถอะพ่อลิง..!!”  และพอเจ้าลิงเอากุญแจมาให้  ท่านก็เลยไขบุกเข้าไปในถ้ำนั้นได้  โดยเดินเข้าไปถึงถ้ำในชั้นที่ 3

      และทันใดนั้นเอง..ท่านก็ไปเจอที่เก็บโคตรทองจริงๆ ซึ่งโคตรทองก้อนนี้..ใหญ่โคตรๆ เลย  ใหญ่ขนาดเท่าสุ่มไก่  และรอบๆ โคตรทองนั้น  ก็รายล้อมไปด้วยทองก้อนขนาดเท่าบาตรบ้าง  ขนาดเท่าขันบ้าง  ขนาดเท่ากำปั้นบ้าง  เรียงรายกันอย่างมากมาย  โดยแข่งกันเปล่งประกายวาววับจับตา  จนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคุณยายทองสุขแบบสุดๆ และเป็นที่น่าสังเกตอยู่อย่างหนึ่งคือ แต่ละก้อนจะมีชื่อติดอยู่ทั้งหมด  แต่เนื่องจากคุณยายทองสุขท่านอ่านหนังสือไม่ออก ท่านจึงไม่รู้ว่าเขาเขียนว่าอะไร  แต่ท่านก็ไม่สนใจ หยิบทองขึ้นมาพิจารณา  พร้อมกับปิ๊งไอเดียขึ้นมาแบบฉุกละหุกว่า  “ทองนี้..อยู่ที่นี่เฉยๆ ก็ไม่มีประโยชน์  ควรจะเอาไปขายเพื่อเอามาช่วยหลวงพ่อวัดปากน้ำสร้างโรงเรียน”
 
    และเมื่อคิดดังนั้น..คุณยายทองสุขก็ไม่รอช้า  ตะโกนถามมาทันทีว่า “ทองของใคร ๆ ๆ ??”  ซึ่งท่านก็ตะโกนถามถึง 3 ครั้ง  เมื่อไม่มีเสียงตอบ  ท่านจึงทำการอุกอาจหยิบทองก้อนที่พอเหมาะ  ขนาดเท่าขันล้างหน้า  ที่ท่านคิดว่าหากขายแล้วจะพอเอามาสร้างโรงเรียน จากนั้นก็ออกมาจากถ้ำ เพื่อขี่ม้าแก้วเหาะกลับไป..

    แต่เรื่องมันไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งอย่างนั้นหรอก  เพราะจู่ๆ ..ก็มีเสียงยักษ์ตะโกนโวยวายไล่หลังมาว่า  “ขโมยๆ หยุดก่อน..!!” จากนั้นก็เกิดการถกเถียงกันยกใหญ่  โดยคุณยายทองสุขท่านก็ตอบปฏิเสธไปว่า “ฉันไม่ได้ขโมยนะ..เพราะฉันตะโกนถามแล้วไม่เห็นมีใครเป็นเจ้าของ  ก็เลยจะเอาไปขายเพื่อเอาเงินมาสร้างโรงเรียนกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ”
    
อานุภาพปาฏิหาริย์ของหลวงปู่วัดปากน้ำ 
 
     ซึ่งยักษ์ก็ตอบว่า “ก้อนนี้..มันไม่ใช่ก่อนที่จะเอาไปทำบุญกับหลวงพ่อ  เค้ามีชื่อติดไว้..ไม่เห็นรึ.?” คุณยายทองสุขท่านจึงบอกว่า “ก็ฉันอ่านไม่ออกนี่..” ยักษ์ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับว่า “ฉันต้องรักษาทองพวกนี้ไว้ เพื่อรอเจ้าของ เพราะทองเหล่านี้เป็นทองที่เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ใจบุญเขาทำบุญสั่งสมเอาไว้ทีละเล็กละน้อย..."

    ขณะที่กำลังเถียงกันนั่นเอง  จู่ๆ ..ก็มียักษ์ตัวใหญ่หน้าโฉดรุ่นเดอะ..ที่เป็นหัวหน้ายักษ์วิ่งไล่ตามมา  แล้วก็ตะโกนลั่นว่า “เอาให้ตายเลย..ๆ!!!”

    จากนั้นก็วิ่งเอาตะบองไล่ฟาด  ก็มีเสียงดังลั่นที่ทรงพลานุภาพแบบสุด ๆ  จากไหนก็ไม่ทราบตะโกนขึ้นมาว่า “หยุด!!!” และด้วยเสียงนี้ทำให้ยักษ์หยุดฟาดทันที..จากนั้นคุณยายทองสุขก็รีบขี่ม้าแก้วกลับเข้าร่างที่อยู่ในท่าสมาธิอย่างบัดดล
 
    ทันใดนั่นเอง  อยู่ ๆ ..หลวงปู่ท่านก็ดุขึ้นขณะที่นั่งทำวิชชาว่า “ไอ้สุข..เอ็งไปไหนมา??” เอ็งชักจะเหลวไหลมากไปแล้วนะ..ไปลักทองเค้ามา  เอ็งคิดว่าพ่อไม่รู้รึ..!!  เจ้าของเค้ามาฟ้อง..  นี่ถ้าพ่อไม่ช่วยไว้  ป่านนี้เอ็งหัวบี้แบนไปแล้ว  ซุกซนไม่เข้าเรื่อง..”  และจากการที่คุณยายทองสุขโดนหลวงปู่ดุเสียยกใหญ่  บวกกับรู้สึกเจ็บใจที่ยักษ์มาฟ้อง หนำซ้ำยังพลาดท่าโดนยักษ์ไล่ฟาดมาเสียสะบักสะบอมถีงเพียงนี้ ท่านจึงคิดว่าจะแอบหลวงปู่กลับไปจัดการกับยักษ์ใหม่
 
    แต่คราวนี้...คุณยายทองสุขท่านไปโดยไม่ใช้กายละเอียดที่เป็นร่างมนุษย์เหมือนครั้งก่อน  เพราะม้าแก้วนำเสนอท่านว่า ให้แปลงเป็นยักษ์ จะได้ดูโหดๆ หรือดูน่ากลัวๆ หน่อย จะได้สู้กับเขาได้จากนั้นท่านก็นึกแปลงร่างอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่น่ากลัวสักทีเพราะก่อนแปลงท่านไปนึกมโนภาพเป็นยักษ์ที่อยู่ในหนังสือพรหมชาติ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายท่านก็เปลี่ยนมานึกถึงยักษ์จอมโหด..ตัวที่ไล่ตะเพิดเอาตะบองฟาดท่านมา
    
      พอนึกเสร็จ ทันใดนั้น..กายละเอียดของคุณยายทองสุขเปลี่ยนเป็นยักษ์ผู้ชาย  หน้าตาโหด - โฉด - เหี้ยมทนที จากนั้นท่านก็ขี่ม้าแก้วเหาะไปยังปากถ้ำที่เป็นเป้าหมาย  เมื่อไปถึงก็ไม่รอช้ารีบยกตะบองเคาะประตูถ้ำดังตูมๆ !!! โดยคิดในใจว่า  ถ้าเจ้ายักษ์ตัวที่ไล่ฟาดเราเปิดประตูออกมา เราจะเอาตะบองที่ถืออยู่ในมือฟาดเพื่อแก้แค้นทันที แต่ก็ผิดคาด เพราะผู้ที่เปิดประตูกลับเป็นภรรยาแสนสวยของยักษ์  ที่กำลังอุ้มลูกยักษ์..ผู้น่ารักน่าเอ็นดู ออกมาพร้อมกับการแสดงอาการดีใจ แล้วบอกลูกที่อุ้มอยู่ว่า “ลูกจ๊ะ..พ่อหนูกลับมาแล้ว ๆ ..” และเพื่อให้แนบเนียน คุณยายทองสุขจึงสวมรอยทำตัวประดุจเป็นสามีของนางยักษ์ ที่คอยปรนนิบัติเอาอกเอาใจคุณยายทองสุขเป็นอย่างดีนี้เอง ก็เลยทำให้ท่านเกิดรู้สึกหวั่นไหว นึกหลงรักนางยักษ์ขึ้นมานิดๆ แต่เนื่องด้วยภารกิจที่เป็นเป้าหมายหลักที่อยู่ในใจท่านก็เลยใช้กุศโลบายพูดให้นางยักษ์พาไปดูที่เก็บโคตรทอง และถามถึงความเป็นมาของทองทั้งหมด
 
    ซึ่งสรุปได้ว่า..โคตรทองอันใหญ่สุดนั้น..เป็นของหลวงปู่วัดปากน้ำ คือ เมื่อชาติก่อน ๆ ท่านเคยทำบุญเป็นจำนวนมากไว้กับลูกศิษย์  ซึ่งพอรวมๆ กันเข้าก็กลายเป็นทองก้อนใหญ่ คือ เมื่อท่านทำบุญแล้ว..สายสมบัติเก่าก็จะไปเชื่อมกับสายสมบัติใหม่ ซึ่งคนที่ช่วยหลวงปู่ท่านทำบุญ ก็จะรวยขึ้น..มีเงินทำบุญต่อไปอีก
    
     ขณะที่กำลังถามถึงความเป็นมาเรื่องทองอย่างเพลิดเพลินอยู่นั่นเอง ก็มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกจนได้..เพราะอยู่ๆ ม้าแก้วที่รออยู่หน้าถ้ำก็ร้องดังขึ้น  และด้วยเสียงนี้..คุณยายทองสุขจึงรีบขอนางยักษ์ออกไปดูหน้าถ้ำเพียงลำพัง  ซึ่งก็ปรากฏว่า  ยักษ์ผู้เป็นสามีตัวจริงและเพื่อนยักษ์ 3 -4 ตน ได้แห่กันกลับมาแล้ว!!!
 
    เมื่อคุณยายทองสุขเห็นดังนั้น ก็ตกใจ รีบกระโดดขี่ม้าแก้วและเหาะกลับด่วนที่สุด  พร้อมกับยังรู้สึกผูกพันอาลัยอาวรณ์นางยักษ์และลูกน้อยประดุจการจากภรรยาของตัวเองมาจริงๆ ซึ่งพอกลับมาถึง  หลวงปู่ท่านก็รู้ในที่  จึงรีบดุขึ้นทันทีว่า “ไอ้สุข..เอาอีกแล้ว...เอ็งไปเป็นชู้เมียเขามารึ???”
 
    คุณยายทองสุขจึงรีบแก้ตัวด้วยเสียงอ้ำอึ้งว่า “เปล่า..เจ้าค่ะ..ลูกเปล่าจริงๆ”  จากนั้นหลวงปู่ท่านก็หัวเราะและนึกสนุก..ถามขึ้นใหม่ว่า  “ไอ้สุข..เอ็งเป็นผู้ชายไหมล่ะ!!!” คุณยายทองสุขรีบตอบด้วยความดีใจว่า  “อยากเจ้าค่ะ..ลูกอยากเป็นผู้ชายเจ้าค่ะ..”
    
     จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ให้เข้าที่สาวไปหาเหตุจนเจอเครื่องที่ทำให้กลายเป็นผู้หญิง  แล้วท่านก็บอกวิธีการในการแปลงเพศว่า “งั้น..เอ็งเดินเครื่องเข้าสิไอ้สุข  เก็บให้หมดเลย..” (คือ  ถ้าเข้าถึงพระธรรมกาย  แล้วได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย  จะเห็นว่าเครื่องที่ทำให้เป็นผู้หญิงอย่างหนึ่ง  เครื่องที่ทำให้เป็นผู้ชายอย่างหนึ่ง..เครื่องจะหมุนไปคนละอย่าง โดยรอบของการหมุนจะไม่เท่ากัน
 
    จากนั้นคุณยายทองสุขก็เดินเครื่องกลับให้กลายเป็นผู้ชายซึ่งท่านทำอยู่นานถึง  3 เดือน  ในระหว่างนั้น  หลวงปู่ก็คอยถามอยู่เสมอว่า  “ไอ้สุข..เปลี่ยนรึยังวะ” และพอใกล้ๆ จะสำเร็จคุณยายทองสุขก็บอกว่าหลวงปู่ว่า  “เกือบแล้วเจ้าค่ะ”

    จนในที่สุด..รุ่งเช้าวันหนึ่ง  คุณยายทองสุขก็รีบมาเล่าให้คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฟังว่า “อีก้างเอ้ย  กูเป็นอยู่คืนหนึ่งว่ะ..เป็นจริง ๆ แต่กูไม่คุ้น  กูเลยทำกลับมาเหมือนเดิม...”
 
    นี่แหละ คือ ความมหัศจรรย์ของวิชชาธรรมกาย ที่หลวงปู่ท่านสอนคุณยายทองสุข  อีกทั้งวิชชาอื่น ๆ ที่คุณยายทองสุขเรียนมาจากหลวงปู่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำวิชชาปราบมาร การไปนรกสวรรค์วิชชาแปลงเพศ การแปลงร่างเป็นยักษ์ ดับดาว ทำจันทรคราสก็เลยทำให้คุณยายทองสุขถึงกับพูดเอาไว้ว่า..
 
    “เกิดมาชาตินี้..จะหาครูบาอาจารย์ได้อย่างเจ้าคุณหลวงพ่อไม่มีอีกแล้ว ท่านเป็นสงฆ์ที่เหนือธรรมดา  เพราะท่านสามารถนับเม็ดทรายได้  สามารถเดินฌานสมาบัติในเม็ดทราย  เดินฌานสมาบัติในกระจก  เดินฌานสมาบัติในหิน  เข้านิโรธแทรกในหินได้  นับเม็ดฝน ที่ตกลงมาในอากาศได้ ซึ่งครูบาอาจารย์ที่สอนวิชชาเหล่านี้ได้ก็เห็นจะไม่มีอีกแล้วในทั่วราชอาณาจักรไทย คงไม่มีพระสงฆ์องค์ใดที่จะสั่งสอนวิชชาเหล่านี้ได้  จะให้ไปเรียนที่อินเดีย พม่า หรือ เขมร..ก็ไม่มี..”
 
    อีกทั้งคุณยายทองสุขยังเล่าอีกว่า ท่านได้เห็นปาฏิหาริย์หลวงปู่ด้วยตาเนื้อแบบจะๆ ในครั้งที่ฝนตก  ซึ่งท่านเล่าว่า  “ในวันที่ฝนตก  เจ้าคุณพ่อท่านยืนกวาดเม็ดฝนอยู่กุฏิ  โดยเท้าของท่านยืนอยู่บนดอกบัวข้างละดอก  อีกทั้งยังมีแสงสว่างลุกโชติช่วงน่าอัศจรรย์มาก..”
 
หล่อหลวงปู่ทองคำ องค์ที่ 7
 
 
 
  

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์อานุภาพหลวงปู่


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานุภาพหลวงปู่ ตอน มะม่วงทองคำอานุภาพหลวงปู่ ตอน มะม่วงทองคำ

อานุภาพหลวงปู่ ตอน เขาเห็นตอนปัดระเบิดอานุภาพหลวงปู่ ตอน เขาเห็นตอนปัดระเบิด

อานุภาพหลวงปู่ ตอน สยบ..กองทัพหนูทำลายนาข้าวอานุภาพหลวงปู่ ตอน สยบ..กองทัพหนูทำลายนาข้าว



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

มหาปูชนียาจารย์