พุทธสุภาษิต
พุทธสุภาษิต
เรื่อง ขาดเมตตาชาวประชาจะเห็นแก่ตัว
จากหนังสือ พุทธภาษิตสะกิดใจ เล่มที่ ๓
โลโกปตถมภิกา เมตตา
"เมตตา เป็นเครื่องค้ำจุนโลก"
"เมตตา เป็นเครื่องค้ำจุนโลก"
พุทธศาสนสุภาษิต
เมตตา แปลว่า ความรักใคร่สนิทสนม มีความปรารถนาดีต่อกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ ปรารถนาจะให้คนอื่นมีความสุข ไม่เบียดเบียนทำร้ายซึ่งกันและกัน ปลูกมิตรไมตรี แก่บุคคลโดยทั่วไป เหมือนหนึ่งว่าเป็นญาติกัน
เมื่อชาวโลกทั่วไป มีความรักความเมตตาต่อกันอย่างนี้ก็จะเกิดความรักความสามัคคีกัน ไม่มุ่งร้ายต่อกัน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว โดยการเบียดเบียนผู้อื่น การทะเลาะวิวาทบาดหมางก็จะไม่มี สงครามของแต่ละประเทศก็จะไม่เกิด จึงเชื่อว่าเป็นเครื่องค้ำจุนโลก
คนสูงอายุในสมัยโบราณมักจะเล่าให้ลูกหลานฟังอยู่เสมอว่าเมื่อใกล้จะสิ้นพระพุทธศาสนาของพระสมณโคดม ผู้คนจะมีความดุร้ายจะฆ่ากันเหมือนผักปลาจะไม่เลือกหน้าว่าจะเป็นญาติพี่น้องของตน หรือแม้แต่พ่อแม่ผู้มีพระคุณก็ไม่เว้น คนที่มีเมตตาธรรมเท่านั้น จะหนีเข้าไปซ่อนตัวอยู่ตามถ้ำตามภูเขา เป็นต้น จะฆ่ากันอยู่ถึง ๗ วัน พอสิ้นกลียุค คือ คนชั่วจะฆ่ากันจนหมดแล้ว เหลือแต่คนดีที่ไปหลบซ่อนอยู่ และคนดีเหล่านั้นจะออกมารวมตัวกันก่อตั้งเป็นสังคมที่ดี มีเมตตาธรรม พระพุทธศาสนาก็จะเจริญขึ้น คนจะมีอายุสูงสุดถึงอสงไขย แล้วลดลงมาเหลือแปดหมื่นปี และจากนั้น "พระศรีอริยเมตไตรย" คือ พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ ในภัทรกัปนี้ จะมาบังเกิดเป็นองค์สุดท้าย
จากพุทธทำนาย ที่คนโบราณเล่ามานี้ มีหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎก แสดงให้เห็นว่า โลกจะอยู่ได้ก็เพราะชาวโลกมีเมตตาต่อกัน การทะเลาะวิวาทบาดหมางกันก็ดี การชิงดีชิงเด่นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวก็ดี ทั้งหมดนี้ เป็นเชื้อไฟที่จะไหม้โลกได้เสมอ
เพราะฉะนั้น ทุกคนที่เกิดมาในโลก ต่างก็มีความปรารถนาที่จะมีเมตตารักใคร่กันทุกคน ถ้าต้องการอย่างนี้ ทุกคนจะต้องไม่เห็นแก่ได้ไม่เห็นแก่ตัว อย่าเอาเปรียบซึ่งกันและกันไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เมื่อนั้นโลกก็จะเกิดความร่มเย็นด้วยเมตตาธรรม ดังนี้ ขอให้เห็นว่า