มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 25


[ 24 พ.ย. 2555 ] - [ 18274 ] LINE it!

 
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2555
Case Study กรณีศึกษากฎแห่งกรรม
 
 
มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 25
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรา
 
 
 
        หลังจากที่ท่านมหาเสนาบดีได้เดินทางกลับมายังเมืองหลวง และรับตำแหน่งข้าหลวงพิเศษ หรือราชทูตผู้แทนพระองค์แล้ว ท่านมหาเสนาบดีก็ได้รีบออกเดินทางไปยังแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ พร้อมกับขุนพลคนสนิทของท่านในทันที เมื่อท่านมหาเสนาบดีได้เดินทางไปถึงแคว้นดังกล่าวแล้ว ตัวท่านก็รีบไปขอเข้าเฝ้าเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ เพื่อที่จะกราบทูลขอความช่วยเหลือเรื่องการยุติสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในครั้งนี้
 
ท่านมหาเสนาบดีได้รีบไปขอเข้าเฝ้าเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ เพื่อกราบทูลขอความช่วยเหลือเรื่องการยุติสงคราม
 
ท่านมหาเสนาบดีได้รีบไปขอเข้าเฝ้าเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ เพื่อกราบทูลขอความช่วยเหลือเรื่องการยุติสงคราม
 
 
        ทันทีที่เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจได้รับทราบข้อมูล จากท่านมหาเสนาบดีอย่างชัดเจนทั้งหมดแล้ว พระองค์ก็ทรงแสดงความเห็นว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะเป็นเรื่องที่พระองค์คงไม่สามารถที่จะตัดสินพระทัยโดยลำพังพระองค์เองได้ ดังนั้น พระองค์จึงเห็นสมควรว่า จะต้องรีบนำเรื่องนี้เข้าไปกราบทูลต่อพระราชา รวมถึงเหล่าเสนาอำมาตย์ในที่ประชุมอย่างเร่งด่วนที่สุด” ว่าแล้วเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจก็ไม่รอช้า ได้รีบนำท่านมหาเสนาบดีเข้าสู่ที่ประชุมในท้องพระโรงในทันที
 
เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจได้รีบนำท่านมหาเสนาบดีเข้าสู่ที่ประชุมในท้องพระโรงในทันที
 
เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจได้รีบนำท่านมหาเสนาบดีเข้าสู่ที่ประชุมในท้องพระโรงในทันที
 
        เมื่อเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ได้นำท่านมหาเสนาบดีเข้าสู่ที่ประชุมในท้องพระโรงแล้ว พระองค์ก็ทรงได้แนะนำตัวท่านมหาเสนาบดีต่อหน้าพระราชาและเหล่าเสนาอำมาตย์ในที่ประชุม พร้อมทั้งแจ้งให้เหล่าเสนาอำมาตย์ทุกๆ คนได้รับทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางมาของท่านมหาเสนาบดีในครั้งนี้ แต่ด้วยความที่เหล่าเสนาอำมาตย์ของแคว้นพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ที่อยู่ในท้องพระโรงแห่งนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นข้าราชการอาวุโส หรือเป็นพวก “เก๋าวัง” คือพวกที่สนองงานให้กับพระราชามานาน ดังนั้น ความคิด ความอ่าน รวมถึงปฏิภาณไหวพริบ ของเหล่าเสนาอำมาตย์กลุ่มนี้จึงไม่ธรรมดา ชนิดที่เรียกว่า เสือ สิง กระทิง แรด ยังต้องยอมสิโรราบเลยทีเดียว
 
เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ได้แนะนำตัวท่านมหาเสนาบดีต่อหน้าพระราชาและเหล่าเสนาอำมาตย์ในที่ประชุม
 
เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ได้แนะนำตัวท่านมหาเสนาบดีต่อหน้าพระราชาและเหล่าเสนาอำมาตย์ในที่ประชุม
 
        และด้วยเหตุดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้เอง จึงทำให้เหล่าเสนาอำมาตย์แต่ละคนรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวท่านมหาเสนาบดี ที่เดินทางมาจากต่างแคว้น ว่าจะมาดีหรือมาร้าย และในทันทีที่เหล่าเสนาอำมาตย์เหล่านั้น ได้รับทราบถึงวัตถุประสงค์การเดินทางมาในครั้งนี้ของท่านมหาเสนาบดีแล้ว พวกเขาจึงพยายามส่งสายตาอันไม่เป็นมิตร ที่เจือความรู้สึกข่มขู่ ข่มขวัญ และกดดันท่านมหาเสนาบดีของเราอยู่ตลอดเวลา
 
        แต่ไม่ว่าสถานการณ์ในที่ประชุมจะดูกดดันสักเพียงใด ท่านมหาเสนาบดีของเรากลับไม่มีอาการหวาดหวั่นใดๆ ต่อสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรเหล่านั้นเลย เพราะอาการของท่านยังคงดูสงบนิ่ง เยือกเย็น และยังคงมีท่วงท่าอันสง่างาม มั่นคงดุจดั่งขุนเขาที่ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
 
ท่านมหาเสนาบดีกลับไม่มีอาการหวาดหวั่นใดๆ ต่อสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรเหล่านั้นเลย
 
ท่านมหาเสนาบดีกลับไม่มีอาการหวาดหวั่นใดๆ ต่อสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรเหล่านั้นเลย
 
        ไม่เพียงแค่นั้น ท่านมหาเสนาบดีของเรายังได้กวาดสายตามองไปยังเหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายในที่ประชุมแห่งนั้น ด้วยดวงตาแห่งความกล้าหาญที่ทรงพลานุภาพ พร้อมทั้งเอ่ยวาจาด้วยเสียงอันดังกังวาน ชัดถ้อยชัดคำและเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจว่า เหตุที่ท่านเดินทางมาสู่แคว้นแห่งนี้ ทั้งนี้ก็เพื่อจะมายื่นข้อเสนอแห่งสันติภาพระหว่างแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชและแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ เพื่อที่จะได้จับมือกันเป็นแคว้นพันธมิตร ที่จะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และสัญญาว่าแคว้นทั้งสองจะไม่ทำสงครามระหว่างกันและกัน
 
 
        แต่ด้วยสถานการณ์ในเขตหัวเมืองชายแดน ที่กำลังเข้าสู่จุดวิกฤตอยู่ในขณะนี้ ทางแคว้นพระราชาองค์ที่ออกบวช จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอร้อง และขอความช่วยเหลือให้ทางแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ช่วยเคลื่อนกองทัพไปโจมตีแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ เพื่อกดดันให้แคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือเกิดความห่วงหน้าพะวงหลัง จนต้องยอมถอนกำลังทัพกลับไปยังแคว้นของตัวเอง ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ ก็จะเป็นการช่วยคลี่คลายความกดดันที่มีต่อแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชลงไปได้ในที่สุด
 
เมื่อสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากแคว้นของพระราชาผู้เจริญด้วยศิลปะ
 
  เมื่อสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากแคว้นของพระราชาผู้เจริญด้วยศิลปะ
 
 
        เมื่อท่านมหาเสนาบดีของเราได้ยื่นข้อเสนอดังกล่าวไปแล้ว เหล่าเสนาอำมาตย์และแม่ทัพนายกองของแคว้นพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ต่างก็ปรึกษาและถกถามความเห็นของกันและกันจนอื้ออึงไปทั่วทั้งท้องพระโรง จากนั้นเสนาอำมาตย์เหล่านั้น ก็ได้หันมาถามกับท่านมหาเสนาบดีของเราว่า แคว้นของตนหรือแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ จะได้ประโยชน์อะไรจากการเคลื่อนทัพไปช่วยในครั้งนี้
 
เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างก็ปรึกษาและถกถามความเห็นของกันและกันจนอื้ออึงไปทั่วทั้งท้องพระโรง
 
เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างก็ปรึกษาและถกถามความเห็นของกันและกันจนอื้ออึงไปทั่วทั้งท้องพระโรง
 
 
        เมื่อท่านมหาเสนาบดีถูกยิงคำถามมาเช่นนั้น ท่านมหาเสนาบดีก็ได้ชี้แจงทั้งเหตุและผลอย่างแยบคายว่า หากแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ยอมยกทัพไปช่วยโจมตี หรือกดดันให้แคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ถอยทัพกลับไป ก็จะมีความเป็นไปได้สองประการ ซึ่งความเป็นไปได้ทั้งสองประการนี้ ล้วนแล้วแต่เอื้อประโยชน์แก่แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะทั้งสิ้น
 
ท่านมหาเสนาบดีก็ได้ชี้แจงทั้งเหตุและผลได้อย่างแยบคาย
 
 ท่านมหาเสนาบดีก็ได้ชี้แจงทั้งเหตุและผลได้อย่างแยบคาย
 
 
        สำหรับความเป็นไปได้ประการที่หนึ่ง หากแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะยกทัพไปโจมตีแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ แล้วแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือยังไม่ยอมถอยทัพกลับไป แต่ยังคงฝืนที่จะทำสงครามกับแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชต่อ ก็จะเป็นโอกาสอันดีที่แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ จะได้ทุ่มกำลังไปโจมตีหัวเมืองของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือให้แตกยับต่อไปได้
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ชี้แจงถึงความเป็นไปได้ประการที่หนึ่ง
 
 ท่านมหาเสนาบดีได้ชี้แจงถึงความเป็นไปได้ประการที่หนึ่ง
 
 
            ที่ท่านมหาเสนาบดีกล่าวเช่นนี้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ เมื่อกองทัพของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ได้ทุ่มกองกำลังทหารทั้งหมดมาตีแคว้นพระราชาองค์ที่ออกบวชแล้ว การป้องกันทางเขตชายแดนด้านอื่นๆ ของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือย่อมอ่อนแอและเปราะบาง เมื่อเป็นเช่นนี้ แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ก็สามารถที่จะใช้ช่วงจังหวะอันได้เปรียบและมีค่านี้ ไล่โจมตีหัวเมืองชายแดนของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3–4 เมือง แล้วก็ยึดครองเป็นอาณาจักรของตัวเองได้อย่างสบายๆ
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ชี้แจงถึงประโยชน์ที่แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะจะได้รับ
 
  ท่านมหาเสนาบดีได้ชี้แจงถึงประโยชน์ที่แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะจะได้รับ
 
 
        ส่วนความเป็นไปได้ประการที่สอง ถ้าหากแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ยอมถอนกำลังกลับไปยังเมืองของตัวเอง หรือยกเลิกการบุกโจมตีแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวช แต่ยกทัพกลับเมืองไปเพื่อเตรียมตั้งรับ ทางแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ก็สามารถจะถอยทัพกลับได้ และสิ่งที่ทุกฝ่ายจะได้รับก็คือ สันติภาพและสันติสุขที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนของทุกฝ่าย แล้วถ้าหากแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ คิดจะไปแก้แค้นหรือรุกรานแคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะบ้าง แคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวช ในฐานะแคว้นพันธมิตรก็จะไม่ยอมนิ่งดูดาย ต้องยกกองทัพมาช่วยเหลืออย่างเต็มที่เต็มอัตราศึกเช่นเดียวกัน
 
ท่านมหาเสนาบดีได้ชี้แจงถึงประโยชน์และความเป็นไปได้ประการที่สอง
 
 ท่านมหาเสนาบดีได้ชี้แจงถึงประโยชน์และความเป็นไปได้ประการที่สอง
 
 
        ถึงแม้ท่านมหาเสนาบดีของเรา จะได้ชี้แจงข้อเสนออันชาญฉลาด ซึ่งเป็นทางมาแห่งสันติภาพและเอื้อประโยชน์แก่แคว้นของพระราชาที่เจริญด้วยศิลปะ ชนิดที่เรียกได้ว่า “ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง” เช่นนี้แล้ว แต่ทางฝ่ายเสนาอำมาตย์ที่อยู่ในท้องพระโรงก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่ดี และในช่วงขณะนั้นเอง พระราชาหรือพระราชบิดาของเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ก็ได้ตรัสขึ้นท่ามกลางที่ประชุมว่า ถ้าทางเราจะขอหัวเมืองชายแดนของท่านที่อยู่ติดกับแคว้นของเราสักสองสามเมือง เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการเคลื่อนทัพในครั้งนี้จะได้หรือไม่
 
พระราชบิดาของเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ต้องการขอหัวเมืองชายแดนสัก 2-3 เมือง เพื่อเป็นค่าตอบแทน
 
พระราชบิดาของเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ต้องการขอหัวเมืองชายแดนสัก 2-3 เมือง เพื่อเป็นค่าตอบแทน
 
 
        ซึ่งพระดำรัสของพระราชานี้ถือว่า เป็นคำถามหยั่งเชิงที่วัดความสามารถทางการทูตของท่านมหาเสนาบดีเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเป็นคำถามที่ต้องใช้สติปัญญาในการตอบขั้นสูงเลยทีเดียว เพราะหากตอบได้ดีก็จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์นี้ไปได้ แต่ถ้าหากตอบไม่ดีจนเป็นที่ไม่พอพระทัยของพระองค์แล้วล่ะก็ การเจรจาขอความช่วยเหลือในครั้งนี้ ก็อาจจะกลายเป็นการก่อศัตรูที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นมาอีกทางหนึ่งก็เป็นไปได้
 
พระดำรัสของพระราชาเช่นนั้นถือว่า เป็นคำถามหยั่งเชิงที่วัดความสามารถทางการทูตของท่านมหาเสนาบดีเป็นอย่างยิ่ง
 
พระดำรัสของพระราชาเช่นนั้นถือว่า เป็นคำถามหยั่งเชิงที่วัดความสามารถทางการทูตของท่านมหาเสนาบดีเป็นอย่างยิ่ง
 
 
        ส่วนว่า ท่านมหาเสนาบดีของเราจะตอบข้อเสนอของพระราชานี้อย่างไร แบบไหนนั้น เราก็คงจะต้องอดใจมาติดตามรับฟังกันต่อในตอนต่อไป
 
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)

     บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป

     "วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
DMC ที่โซโลมอนDMC ที่โซโลมอน

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคนSolomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน

เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้เกาะที่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด ที่มนุษย์อยู่ได้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน