อานิสงส์ถวายปูนขาวร่วมสร้างเจดีย์


[ 14 ก.ค. 2554 ] - [ 18279 ] LINE it!

อานิสงส์ถวายปูนขาวร่วมสร้างเจดีย์
 
อานิสงส์ถวายปูนขาวร่วมสร้างเจดีย์
 
     การรักษาใจของเราให้ผ่องใส โดยมีพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์ จักเป็นทางมาแห่งมหากุศล  เพราะพระรัตนตรัยมีอานุภาพไม่มีประมาณ ทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดแห่งบุญกุศล เป็นรัตนะที่ทรงค่าสูงส่ง ใครก็ตามที่มีจิตผูกพันกับพระรัตนตรัยอยู่ เมื่อจะสร้างบุญใดก็ตาม จะได้รับอานิสงส์ยิ่งใหญ่ ใจของผู้นั้นจะถูกกลั่นให้สะอาดบริสุทธิ์ จนกระทั่งสามารถทำใจหยุดใจนิ่งเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในของตัวเราได้ เมื่อได้เข้าถึงพระธรรมกายนั่นก็เท่ากับว่า ได้เข้าถึงตัวจริงของพระพุทธศาสนา
 
               มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ในสุธาปิณฑิยเถราปทานความว่า
 
                    “ปูชารเห ปูชยโต          พุทฺเธ ยทิจ  สาวเก
                     ปปญฺจสมติกฺกนฺเต        ติณฺณโสกปริทฺทเว ฯ
                     เต ตาทิเส ปูชยโต        นิพฺพุเต อกุโตภเย
                     น สกฺกา ปุญฺญํ สงฺขาตุ ํ   อิเมตฺตมปิ เกนจิ
 
     ใครๆ ไม่อาจจะนับบุญของบุคคลผู้บูชาพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระสาวก ผู้สมควรบูชา ผู้ล่วงธรรมเครื่องให้เนิ่นช้า ผู้ข้ามความโศกและความร่ำไรแล้ว ว่าบุญนี้มีประมาณเท่านั้นเท่านี้ได้ ใครๆ ไม่อาจจะนับบุญของบุคคล ผู้บูชาปูชารหบุคคลเหล่านั้น ผู้ดับแล้ว ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ว่า บุญนี้มีประมาณเท่าใด”
 
     การสั่งสมบุญ เป็นกิจที่ทุกคนพึงกระทำอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นเสบียงที่เราทั้งหลายจะนำไปสู่ปรโลกได้ บัณฑิตทั้งหลายในกาลก่อน จึงเห็นคุณค่าของการสร้างบุญมาก ไม่ปล่อยโอกาสอันดีงามให้ผ่านเลยไป โดยไม่ได้ทำอะไร จะตระหนักในใจอย่างยิ่งทีเดียว ถึงมหานิสงส์อันไม่มีประมาณที่จะบังเกิดขึ้น โดยเฉพาะอานิสงส์ใหญ่อันเกิดจากบูชาเนื้อนาบุญ มีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันตสาวก เพราะท่านเหล่านี้ล้วนเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐสุด
 
      การบูชานั้นมีอยู่สองประการ คือบูชาด้วยสิ่งของที่เรียกว่า อามิสบูชา  ประการที่สอง คือปฏิบัติบูชา บูชาด้วยการปฏิบัติ ประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่าน นี้ก็เป็นอานิสงส์ใหญ่ที่สุด  แต่ในครั้งนี้ หลวงพ่อจะนำเรื่องราวแห่งการบูชาที่เกิดขึ้นในสมัยก่อนมาเล่าให้ทุกท่านได้รับทราบ ถึงผลแห่งอามิสบูชาที่กระทำได้อย่างง่ายๆ และทุกท่านก็คงคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เป็นเรื่องการสร้างบารมีของพระอรหันต์องค์หนึ่ง ท่านมีชื่อว่า พระอโธปุปผิยเถรเจ้า
 
      * พระเถระนี้ ในอดีตได้เคยบำเพ็ญบุญไว้แล้วในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากตามวาระโอกาส จนมาถึงสมัย ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า สิขี ท่านได้บังเกิดในตระกูลหนึ่ง เจริญวัยขึ้นก็อยู่ครองเรือน ครั้นต่อมาภายหลัง ท่านเล็งเห็นโทษในกามทั้งหลายว่า เป็นเหตุแห่งทุกข์ จึงออกบวชเป็นฤๅษี บำเพ็ญเพียรจนกระทั่งได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ และถึงความเป็นผู้ชำนาญในคุณวิเศษนั้นอย่างดียิ่ง ท่านอาศัยบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าหิมพานต์
 
     วันหนึ่ง พระอัครสาวกชื่อว่า อภิภู ได้หลีกเร้นเข้าป่าหิมพานต์เพียงลำพัง พระฤๅษีผู้มีฤทธิ์ มองเห็นพระอัครสาวก จึงใคร่ครวญดูด้วยความรู้ของตน และทราบว่า  สมณะนี้เป็นพระอรหันต์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ยากจะหาผู้ใดเปรียบได้ เป็นความโชคดีของเรา เราควรจะเอาบุญกับท่าน  ท่านคิดอย่างนี้ ไม่มีทิฏฐิถือตนว่าเป็นผู้มีฤทธิ์เหมือนกัน จึงถือดอกไม้ ๗ ดอกมีกลิ่นหอมขึ้นภูเขาไปที่พระเถระยืนอยู่  จากนั้นจึงไหว้พระเถระ แล้วนำดอกไม้ถวายเป็นสังฆบูชา พระเถรเจ้าทรงทราบว่า ฤๅษีนี้เป็นผู้มีฤทธิ์มาก แต่ถึงกระนั้น ด้วยความที่ต้องการบุญ จึงนำดอกไม้มาบูชาเรา  พระเถระจึงทำการอนุโมทนาเพื่อ ยังใจของฤๅษีให้เกิดความปลื้มปีติยิ่งขึ้น
 
     หลังจากที่ทำการบูชาพระอัครสาวกแล้ว  ก็มุ่งหน้ากลับไปสู่อาศรมของตน แล้วเก็บหาบเครื่องบริขาร  เดินไปตามระหว่างภูเขา ในระหว่างที่กำลังเดินเพลินๆ อยู่นั้น  งูเหลือมหิวจัดตัวหนึ่งกำลังคอยเหยื่อ เมื่อมันเห็นฤๅษีเดินมาถึงจึงทิ้งตัวลงรัด ฤๅษีไม่ทันตั้งตัวก็ถูกงูเหลื่อมตัวใหญ่รัดอย่างแรง ท่านสู้กำลังไม่ไหวก็ได้ทำกาละ ณ ที่นั้นเอง พร้อมกับใจที่ระลึกถึงบุญที่เพิ่งกระทำมาเมื่อสักครู่นี้
 
     ด้วยบุญที่ท่านมีฌานไม่เสื่อม ส่งผลให้เข้าถึงพรหมโลก เสวยพรหมสมบัติ พอจุติจากพรหมโลกก็ไปบังเกิดในสวรรค์ทั้งหกชั้น ด้วยอานุภาพแห่งการบูชาพระอัครสาวก เมื่อลงมาเกิดเป็นมนุษย์ก็สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ ไม่เคยพลัดตกนรกเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาด้วยดอกไม้ จนมาถึงสมัยพุทธกาล ได้บังเกิดในตระกูลแห่งหนึ่ง เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ฟังธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีใจเลื่อมใส ได้ออกบวช บุญเก่าในตัวก็เต็มเปี่ยม เมื่อบำเพ็ญเพียรได้ไม่นาน ท่านก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ
 
     เราจะเห็นว่า การบูชาเนื้อนาบุญผู้เลิศ แม้เป็นเพียงอามิสบูชา  หากมีใจเลื่อมใสอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมได้รับอานิสงส์อันไม่มีประมาณ ถึงท่าน จะเป็นเพียงพระสาวกก็ตาม นี่ขนาดเป็นพระสาวก  ยังได้บุญใหญ่ขนาดนี้ ถ้าได้บูชากับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีใจมุ่งตรงต่อพระพุทธองค์จะได้รับอานิสงส์มากมายเพียงไร เมื่อกล่าวอย่างนี้ หลวงพ่อก็ขอนำเรื่องมาเล่าต่ออีกสักหนึ่งเรื่อง  เพื่อเป็นการยืนยันว่า หากมีใจเลื่อมใสเสมอกัน แม้ว่าพระพุทธองค์จะทรงพระชนน์อยู่ หรือว่าดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม ก็ยังได้อานิสงส์ใหญ่เหมือนกัน
 
     ** เรื่องราวการสร้างบารมีของพระสุธาปิณฑิยเถระนี้ เคยเกิดในยุคของพระพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ท่านไม่มีโอกาสสร้างบุญกับพระพุทธองค์ ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าดับขันธปรินิพพาน มหาชนทั้งหลายพากันสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  ตัวท่านเองก็คิดว่า ตอนพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ เราไม่ได้สร้างบุญ  ตอนนี้เราไม่ควรคลาดจากบุญเหมือนแต่ก่อน จึงได้ร่วมบุญด้วยการใส่ก้อนปูนขาวก่อพระเจดีย์
 
     ด้วยบุญกรรมนั้น ส่งผลให้ท่านไม่พลัดตกไปในอบายภูมิ ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เสวยเทวสมบัติอยูในเทวโลกอย่างยาวนาน ในกัปที่ ๓๐ แต่กัปนี้ ได้เกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิถึง ๑๓ ครั้ง ทรงพระนามว่า ปฏิสังขาระ ทรงสมบูรณ์ด้วยมหาสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง พร้อมด้วยรัตนะ ๗ ประการ เวียนว่ายตายเกิด เสวยสมบัติใหญ่อย่างนี้ จนมาถึงสมัยของพระพุทธเจ้าของเรานี้ ท่านได้บังเกิดในตระกูลแห่งหนึ่ง บรรลุนิติภาวะแล้วก็มีความเลื่อมใสในพระศาสดา ออกบวชได้ไม่นาน ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ผู้สมบูรณ์ด้วยคุณวิเศษทั้งหลาย
 
     หลังจากที่ท่านบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้ย้อนอดีตชาติ ไปดูบุพกรรมของตัวท่านเอง พบเห็นมหานิสงส์อันเกิดจากการถวายปูนขาว  จึงได้เปล่งอุทานออกมาด้วยความโสมนัสว่า “ใครๆ ก็ไม่อาจจะนับบุญของบุคคลผู้บูชาพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระสาวก ผู้สมควรแก่การบูชา ผู้ไม่มีอาสวกิเลส ผู้ข้ามความโศกและความรํ่าไรแล้วว่า บุญนี้ มีประมาณเท่านี้ได้
 
     ใครๆ ไม่อาจจะนับบุญของบุคคล ผู้บูชาปูชารหบุคคลเหล่านั้น ผู้ดับไฟกิเลสแล้ว ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ว่า บุญนี้มีประมาณเท่านี้ การที่บุคคลในโลกนี้ พึงให้ทำทความเป็นใหญ่ ในทวีปทั้ง ๔ ก็ไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ แห่งการบูชานี้ เพียงแค่เรามีใจผ่องใส ได้ใส่ก้อนปูนขาวในระหว่างแผ่นอิฐ ที่พระเจดีย์แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ยังได้อานิสงส์ใหญ่ถึงเพียงนี้  อานุภาพแห่งการบูชานี้ ยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ ที่เราสมบูรณ์ด้วยคุณวิเศษทั้งหลายก็เพราะอานุภาพแห่งการถวายเป็นพุทธบูชาแท้ๆ “
 
     เราจะเห็นว่า พระพุทธเจ้า พระอริยสาวก ท่านเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ใครๆไม่สามารถจะทำการนับทำการคำนวณบุญที่เกิดขึ้นจากการบูชาพระองค์ท่าน และพระสาวกได้ อานิสงส์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ไม่ได้จำกัดด้วยกาล ไม่ได้จำกัดว่า จะต้องบูชาเฉพาะเมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่อย่างเดียวเท่านั้น แม้บูชาพระพุทธเจดีย์ พระพุทธปฏิมา เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ก็ได้อานิสงส์ใหญ่เช่นกัน  ดังนั้น ให้เชื่อมั่นเถิดว่าการสร้างบารมีของทุกท่านที่ได้ทำกันมานั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วโดยได้ดำเนินรอยตามพระอริยเจ้าทั้งหลาย ให้รู้สึกดีใจ ปลื้มปีติใจกันถิด  แล้วตั้งใจทำความดีให้ยิ่งๆ กันต่อไป

พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
*   มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๓๑๐
** มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๓๒๘



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานิสงส์ถวายอาสนะสงฆ์อานิสงส์ถวายอาสนะสงฆ์

อานิสงส์ถวายข้าวตังอานิสงส์ถวายข้าวตัง

อานิสงส์ถวายผ้าครึ่งท่อนอานิสงส์ถวายผ้าครึ่งท่อน



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน