อานิสงส์ถวายตั่ง


[ 19 ก.ค. 2554 ] - [ 18292 ] LINE it!

อานิสงส์ถวายตั่ง
 
อานิสงส์ถวายผ้าครึ่งท่อน
 
     การเกิดมาในสังสารวัฏของมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย  ล้วนมีเป้าหมายสูงสุดคือพระนิพพาน  ต่างปรารถนาจะไปสู่นิพพานแดนเกษม  จากกิเลสอาสวะทั้งปวง ซึ่งการที่จะเข้าถึงตรงนั้นได้ ต้องสร้างบารมีกันอย่างเต็มที่ ให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ทั้งทาน ศีล และภาวนา  บำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศให้ครบถ้วน  อีกทั้งหมั่นทำความบริสุทธิ์กายวาจาใจ ทำความบริสุทธิ์ภายในให้บังเกิดขึ้น  ด้วยการทำใจให้หยุดนิ่ง เพื่อกลั่นจิตกลั่นใจให้ละเอียดควบคู่ไปกับงานสร้างบารมีทุกๆ วันทุกๆ คืน หากทำอย่างนี้  เราก็จะประสบความสุขในทุกๆ ขั้นตอนของชีวิตการสร้างบารมี  จนกระทั่งได้บรรลุจุดหมายสูงสุดคืออายตนนิพพาน
 
      มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ใน สุปีฐิยเถราปทาน ความว่า
 
     “เรายินดี มีจิตโสมนัส ได้ถวายตั่งอันสวยงามแด่พระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ผู้เป็นนาถะของโลก เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ ในกัปที่ ๓๘ เราได้เป็นพระราชาพระนามว่า มหารุจิ  โภคสมบัติอันไพบูลย์และที่นอนมิใช่น้อยได้มีแล้วแก่เรา  เรามีใจผ่องใสได้ถวายตั่งแด่พระพุทธเจ้า ย่อมเสวยกรรมของตน  ที่ตนได้ทำไว้ดีแล้วในกาลก่อน”
 
     * ผู้ที่ทำความดี ย่อมได้รับผลแห่งการกระทำนั้น ดังเช่นพระอรหันต์รูปนี้ ซึ่งมีนามว่า สุปีฐิยเถระ ท่านได้เปล่งถ้อยคำออกมาด้วยความโสมนัส  ถึงผลแห่งบุญที่เกิดขึ้นจากการสร้างบุญถูกเนื้อนาบุญ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  
     เนื้อนาบุญนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง หากเราได้เนื้อนาบุญที่ดี  แม้ทำบุญน้อยก็จะได้ผลมาก หากทำบุญมากก็ยิ่งได้ผลมากยิ่งขึ้นเป็นทับทวีคูณ  ใครได้สร้างบุญเอาไว้ในเนื้อนาบุญอันเลิศ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น นั่นเท่ากับว่า บุคคลนั้นได้ทำบุญถูกอู่แห่งทะเลบุญ ที่จะอำนวยผลยิ่งใหญ่ไพศาลให้บังเกิดขึ้นไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน
 
     พระเถระท่านบำเพ็ญบุญกุศลมาตลอด และมีใจมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน จนมาถึงสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า  ติสสะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก  เราได้ยินพระนามท่านมาหลายครั้งแล้ว  วันนี้หลวงพ่อขอเล่าประวัติของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้สักเล็กน้อย ก่อนจะลงมาบังเกิด พระองค์สถิตอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิตยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ท่านได้ตรวจดูกาล ทวีป ประเทศ ตระกูล และพุทธมารดา  ที่เราเรียกว่าปัญจมหาวิโลกนะ
 
     เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว พระองค์ก็เสด็จลงมาอุบัติในตระกูลกษัตริย์ในกรุงเขมกะ มีพระราชบิดาทรงพระนามว่าพระเจ้าชนสันธะ พระราชชนนีพระนามว่าปทุมา บังเกิดภายใต้เศวตฉัตรที่ยิ่งใหญ่โอฬาร จนกระทั่งเจริญวัยขึ้น ได้เข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทรงมีพระมเหสีพระนามว่าสุภัททา มีพระโอรสพระองค์หนึ่งพระนามว่าอานันทะ  ทรงอยู่ครองราชย์ถึง ๗,๐๐๐ ปี  ซึ่งช่วงนั้นมนุษย์มีอายุยืนถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี
 
     วันหนึ่งพระองค์เกิดธรรมสังเวช เพราะทอดพระเนตรเห็นนิมิตทั้งสี่คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ บุญเก่าในตัวตักเตือนให้ออกผนวช  จึงสละทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงม้าออกผนวช ทรงสละเพศฆราวาส แสวงหาที่บำเพ็ญเพียร  จนไปเห็นต้นประดู่ต้นหนึ่ง มีร่มไม้ที่งดงามร่มรื่น พระองค์ตัดสินใจนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ตรงนั้น และใช้เวลาบำเพ็ญเพียรอยู่เพียง ๑๕ วันเท่านั้น ก็ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
 
     หลังจากตรัสรู้แล้ว พระองค์เสด็จประกาศพระสัทธรรมทั่วชมพูทวีป  จนกระทั่งได้พระอัครสาวกทั้งสองท่านมีนามว่า พระพรหมเทพเถระและพระอุทยะเถระ  มีพระสุมังคลเถระเป็นพุทธอุปัฏฐาก  คู่อัครสาวิกานามว่า พระผุสสาเถรีและพระสุทัตตาเถรี  มีสัมพลอุบาสกและก็สิริอุบาสกเป็นคู่อัครอุปัฏฐาก  มีกีสาโคตมีอุบาสิกาและอุปเสนาอุบาสิกาเป็นคู่อัครอุปัฏฐายิกา  นักสร้างบารมีทุกๆ ท่านที่หลวงพ่อเอ่ยชื่อมานี้  ล้วนแต่เคยตั้งความปรารถนาตำแหน่งเหล่านี้เอาไว้ในกาลก่อนทั้งนั้น  ครั้นมาภพชาติสุดท้าย  ทุกๆ ท่านก็สมความปรารถนาตามที่ได้ตั้งใจไว้
 
     ในยุคนั้น ผู้มีบุญทั้งหลายได้ลงมาเกิดกันมาก พระสุปีฐิยเถระได้บังเกิดในตระกูลหนึ่ง  ในช่วงที่พระศาสนากำลังเจริญรุ่งเรือง  พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แผ่ขยายไปยังทุกชนชั้น ดังนั้นท่านจึงเติบโตในท่ามกลางความรุ่งเรืองของพระสัทธรรม  เมื่อเจริญวัยขึ้น ท่านมีโอกาสฟังธรรมจากพระโอษฐ์ เกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่งในพระศาสดา รู้ซึ้งถึงคุณค่าของการสร้างบารมีจึงคิดในใจว่า “นับว่าเราเป็นผู้ที่โชคดีอย่างมหาศาล ที่ได้เกิดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มีโอกาสฟังธรรม ทั้งตัวเราเองก็มีศรัทธา มีความเลื่อมใสในพระองค์ท่าน  เนื้อนาบุญผู้ประเสริฐที่สุดในภพสามก็ยังอยู่  เราควรที่จะชิงช่วงเวลาที่ดีที่สุดนี้ทำความดีอย่างเต็มที่  ก่อนที่จะถูกช่วงชิงโอกาสแห่งการสร้างบารมีไป”
 
     ท่านได้ครุ่นคิดตลอดเวลาที่จะสร้างบุญพิเศษกับพระบรมศาสดาผู้เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก จนกระทั่งวันหนึ่งท่านได้ไปฟังธรรมที่พระวิหาร  มองเห็นพระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมเหนือพุทธอาสน์ ก็ฉุกใจคิดว่า “ในขณะที่พระบรมศาสดาแสดงธรรมโปรดสรรพสัตว์ทั้งหลาย พระองค์ประทับนั่งบนบัลลังก์  เราควรที่จะเอาบุญใหญ่กับพระองค์ด้วยการถวายตั่งที่นั่งแสดงธรรม เพราะทุกๆ ครั้งที่พระองค์ทรงทำหน้าที่แสดงธรรม เราก็จะมีส่วนในบุญทุกครั้งไป”
 
     คิดดังนี้แล้ว ท่านไม่รอช้า เกรงว่าเวลาในมนุษยโลกจะหมดเสียก่อน  จึงรีบขวนขวายสั่งทำตั่งอันมีค่า แกะสลักลวดลายด้วยไม้มีค่ามาก ทำอย่างสละสลวย  สร้างเสร็จแล้วก็น้อมถวายแด่พระศาสดา  เมื่อพระบรมศาสดาทรงรับแล้วก็ตรัสอนุโมทนาตามพุทธประเพณี  ทุกๆ ครั้งที่อุบาสกท่านนั้นเดินทางมาที่วัด มองเห็นพระศาสดาประทับนั่งบนตั่งที่ตนเองจัดถวายก็จะบังเกิดมหาปีติทุกครั้ง รำพึงว่า “เราได้สร้างบุญใหญ่กับพระศาสดา เราได้สั่งสมบุญพิเศษนี้กับเนื้อนาบุญอันเลิศ”  ความปีตินี้ได้ประทับอยู่ในใจของอุบาสกนั้นมาตลอดอายุขัย จนกระทั่งละจากโลกนี้ไป พร้อมกับมหาปีติในบุญที่ตนเองได้สร้างเอาไว้
 
     ด้วยผลแห่งบุญนั้น ทำให้ท่านเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ สมบูรณ์ด้วยทิพยสมบัติที่ไม่มีประมาณ ในกัปที่ ๙๒ แต่กัปนี้ ท่านไม่เคยไปสู่ทุคติเลย ท่องเที่ยวอยู่ในสองภูมิ  คือ มนุษยโลกและเทวโลก  ได้บังเกิดเป็นพระราชา พระนามว่า มหารุจิ แล้วทุกชาติท่านจะได้สมบัติที่พิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ จะมีโภคสมบัติอันไพบูลย์เกิดขึ้น  และจะมีที่นอนที่นั่งอันละเอียดนุ่มนวลราวกับของทิพย์บังเกิดขึ้น  ท่านได้เสวยมหาสมบัติใหญ่มาทุกภพทุกชาติ  จนถึงสมัยพุทธกาลนี้ บุญในตัวท่านเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ได้บังเกิดในตระกูลหนึ่งที่มั่งคั่ง ครั้นเจริญวัย ท่านก็ออกบวช บำเพ็ญเพียรอยู่ไม่นาน ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์บนรัตนบัลลังก์ที่สัปปายะอย่างยิ่ง
 
     เมื่อท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ระลึกถึงบุพกรรมที่ทำผ่านมา  เกิดความโสมนัส ที่ได้ถวายตั่งอันวิจิตรแด่พระติสสะพุทธเจ้า ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลอันเลิศ ท่านได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ ครั้ง ครั้งที่ ๑ พระนามว่ารุจิ ครั้งที่ ๒ พระนามว่าอุปรุจิ และครั้งที่ ๓ พระนามว่ามหารุจิ โภคทรัพย์สมบัติที่เกิดขึ้นก็ยิ่งใหญ่ ไพบูลย์ยิ่งๆ ขึ้นไป ในกัปที่ ๙๒ แต่กัปนี้ ชีวิตท่านไม่เคยตกต่ำเลย นี้เป็นผลแห่งการตั่งถวายเป็นพุทธบูชา
 
     เราจะเห็นว่า  เมื่อได้ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ ย่อมได้รับอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่อย่างน่าอัศจรรย์ บุญนั้นจะส่งผลให้เราได้มหาสมบัติทั้งสาม คือ มนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ และนิพพานสมบัติ อันเป็นสิ่งมีคุณค่าอย่างยิ่งในการเกิดมาสร้างบารมี ดังนั้นการแสวงหาเนื้อนาบุญที่ดี แล้วได้สร้างบุญกับท่านเหล่านั้น จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักและฉลาดในการสร้างบุญ เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้เราเข้าถึงเป้าหมายอันสูงสุดได้อย่างรวดเร็วและชีวิตเราจะปลอดภัยจากภัยในสังสารวัฏ บุญที่เราทำถูกเนื้อนาบุญนี่แหละจะตามประคับประคองไปในทุกที่ทุกสถาน  ให้เราได้ประสบแต่ความสุข ความสำเร็จสมหวังตลอดไป 
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๓๓๒


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานิสงส์ถวายงาอานิสงส์ถวายงา

อานิสงส์ถวายทานด้วยตัวเองอานิสงส์ถวายทานด้วยตัวเอง

อานิสงส์ถวายเภสัชอานิสงส์ถวายเภสัช



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน